ขณะนี้จึงได้ออกหนังสือแจ้งเจ้าอาวาส เจ้าคณะแขวง และเจ้าคณะเขต ในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้เข้มงวดพระภิกษุ-สามเณรที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนและชอบนำรูปของตนเองที่ไม่เหมาะสมไปโพสต์ผ่านโซเชี่ยลมีเดียแล้ว
พระพรหมดิลกกล่าวต่อว่า สำหรับพระที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน แต่ปฏิบัติอยู่ในครรลองพระธรรมวินัยก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้านอกรีตก็ไม่ควรให้อยู่ในวัดและบวชเป็นพระ ส่วนกรณีที่มีการแอบอ้างว่าเป็นพระ ทั้งที่ยังเป็นสามเณร ถือว่ามีความผิดฐานหลอกลวง ซึ่งพระอุปัชฌาย์ต้องรู้ว่า ผู้ที่บวชอายุเท่าไหร่ ส่วนสามเณรก็ต้องมีใบสุทธิแสดงว่า บรรพชาตั้งแต่อายุเท่าไหร่ วันใด สังกัดวัดใด และพระอุปัชฌาย์เป็นใคร หากสึกแล้วและไปทำบัตรประชาชน ก็ต้องนำใบสุทธิที่มีการรับรองวันเวลาสึกจากพระอุปัชฌาย์มายื่นขอทำบัตรประชาชนด้วย
ด้านพระพรหมเมธี (จำนง ธรรมจารี) กรรมการมหาเถรสมาคม กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ไม่ได้หารือเรื่องนาตาลี และการใช้เฟซบุ๊กของพระสงฆ์ สามเณรอย่างไม่เหมาะสม ทราบว่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ใช่นักศึกษา เรื่องก็น่าจะจบแล้ว ส่วนปัจจุบันที่มีพระภิกษุ-สามเณร ใช้โซเชี่ยลมีเดียเป็นจำนวนมาก ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งคนใช้ต้องมีวุฒิภาวะและใช้ให้ถูกต้อง
ด้านพระมหาสมัคร มหาวีโร เจ้าอาวาสวัดบางโพโอมาวาส กล่าวว่า กรณีที่มีผู้แชร์ข้อมูลผ่านโซเชี่ยลมีเดียว่า นาตาลี หรือสามเณรเจษฎา เป็นสามเณรมีชื่ออยู่ที่วัดบางโพฯ เป็นเรื่องจริง แต่อยู่ไม่ถึง 2 เดือนเนื่องจากมีพฤติกรรมตุ๊ด-แต๋วไม่เหมาะสม และโพสต์ในเฟซบุ๊ก ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อวัด จึงเชิญผู้ปกครองมารับทราบ และให้ไปอยู่วัดต้นสังกัดเดิมใน จ.ศรีสะเกษ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น