| บทสนทนาชี้ลูกเรือเฟอร์รีมรณะสติแตกก่อนอพยพผู้โดยสาร |
| |
รัฐบาลเกาหลีใต้เผยบทสนทนาระหว่างเรือเฟอร์รี "เซวอล" ที่จมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กับศูนย์จราจรเรือ ซึ่งรายละเอียดแสดงให้เห็นว่า ลูกเรือตื่นตระหนกและขาดสติอย่างรุนแรงจนแทบไม่สามารถทำตามคำสั่งของเจ้า หน้าที่ได้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองจินโด ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ว่า
หน่วยเรือยามชายฝั่งเกาหลีใต้เผยรายละเอียดของบทสนทนาระหว่างลูกเรือ เฟอร์รี "เซวอล" กับศูนย์ควบคุมการจราจรเรือของเกาหลีใต้ เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเนื้อหาสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศวุ่นวาย และความตื่นตระหนกของลูกเรือ โดยราว 30 นาทีก่อนเรืออับปาง ลูกเรือติดต่อไปยังศูนย์จราจนบนเกาะเจจูเป็นแห่งแรก เพื่อให้ส่งความช่วยเหลือต่อไปยังหน่วยเรือยามชายฝั่ง เนื่องจากเรือกำลังจะจม
อีกราว 10 นาทีต่อมา ลูกเรือเซวอลซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นใคร ติดต่อไปยังศูนย์จราจรเรือเมืองจินโด ซึ่งอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุมากกว่า
โดยลูกเรือกล่าวเร่งให้เจ้าหน้าที่ติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยเรือยามชาย ฝั่งเร็วที่สุด เนื่องจากเรือเอียงมากขึ้น และ "เป็นไปไม่ได้" ที่จะอพยพผู้โดยสารในเวลานี้ เนื่องจากเรือเอียงเร็วมาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ของศูนย์จราจรเรือเมืองจินโดสั่งลูกเรือให้เตือนผู้โดยสาร เรื่องการสวมเสื้อชูชีพอย่างน้อย 2 ครั้ง และสวมเสื้อผ้าเพิ่มให้หนาที่สุด เนื่องจากต้องออกไปพบกับอากาศและกระแสน้ำที่เย็นจัด แต่กลับได้รับคำตอบว่า ระบบสื่อสารภายในเรือมีปัญหา
นอกจากนี้ ลูกเรือที่สนทนากับเจ้าหน้าที่ยังคงถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าหากทำการอพยพตอนนี้ จะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ทันทีเลยหรือไม่
หลังจากนั้นไม่มีการติดต่อเกิดขึ้นอีก และเรือของเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเดินทางราว 10 นาทีจึงถึงจุดเกิดเหตุ รายงานระบุด้วยว่า ก่อนเจ้าหน้าที่มาถึง มีเรือประมงและเรือโดยสาร 2-3 ลำเคลื่อนเข้ามาใกล้เรือเซวอล เพื่อร่วมให้ความช่วยเหลือผู้อยู่บนเรือด้วย
สำหรับ ความคืบหน้าในการค้นหาผู้สูญหายจากเรือซึ่งอับปางตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา นั้น เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตแล้ว 64 ศพ
ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมดันวอน ชานกรุงโซล ซึ่งเป็นผู้โดยสารส่วนใหญ่บนเรือ และยังสูญหายอีก 238 คน จากทั้งหมด 476 คน ขณะที่กัปตันคือนายอี จุน-ซ็อก วัย 67 ปี ถูกจับกุมพร้อมนายท้ายเรือและผู้ช่วยหญิงวัย 25 ปี ซึ่งเป็นผู้ควบคุมเรือก่อนเกิดเหตุ
|
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น