'ประยุทธ์'แถลงจุดยืนคสช.นายกฯต้องมีแต่ยังมาไม่ถึง |
|
"การใช้อำนาจต้องระมัดระวัง การมีอำนาจมาก ผมบอกไปแล้วว่า ยิ่งมีอำนาจมาก ยิ่งต้องทำตัวให้เล็กลง อย่าคิดว่าตัวเองมีอำนาจแล้วจะทำได้ทุกอย่าง ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น" เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 26 พฤษภาคม 2557 ที่หอประชุมกิตติขจร กองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แถลงข่าวภายหลังรับประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดย พล.อ.ประยุทธ์ แถลงว่า คสช.ขอชี้แจงให้บรรดาสื่อมวลชน ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และประชาชนที่รักทุกคน วันนี้นั้นได้เสร็จพิธีรับประกาศพระบรมราชโองการในการทรงแต่งตั้งให้ผมเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งนี้ ผมกราบพระบาท และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ได้ตั้งไว้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามการปฏิบัติตามประเพณีที่เคยปฏิบัติมาเช่นทุกครั้ง ในการบริหารราชการแผ่นดินทั้งในยามปกติ และไม่ปกติ จากนี้ไปถือว่า การบริหารราชการเป็นการบริหารราชการภายใต้พระบรมราชโองการ และเป็นไปตามกฎหมาย เป็นการใช้อำนาจภายใต้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์
|
|
|
|
"การบริหารราชการในปัจจุบัน หัวหน้า คสช.คือผม เป็นผู้มีอำนาจเต็มตามที่ได้ออกประกาศไปแล้ว ขณะนี้ได้จัด ผบ.ทสส. ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ไปกำกับดูแลการบริหารราชการของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ การดำเนินงานดังกล่าวในช่วงแรกเป็นการดำเนินงานที่คณะทหารได้จัดทำขึ้น ซึ่งในระยะต่อไปจะมีการประสานงานกับส่วนราชการต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเข้าร่วมการตรวจสอบ ทบทวนแผนงาน และโครงการต่างๆ ทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ได้กำหนดการทำงานไว้เป็น 2 ระดับด้วยกัน
1.ในระดับปลัดกระทรวง ทำในนามรักษาการรัฐมนตรี และงานในรักษาการทุกอย่างจะได้รับการรับรองจากคณะฝ่ายกำกับดูแลทั้งสิ้น ส่วนใดที่เกินอำนาจต้องส่งให้หัวหน้า คสช.อนุมัติ เพื่อให้เป็นไปตามแบบแผนงานเดิม ก็คงต้องทำหน้าที่รับอำนาจทั้งหมดในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งขณะนี้ส่วนงานทุกส่วนกำลังเข้ามาประจำใน คสช.เพื่อร่วมคณะประสานงานทั้งหมด 7 คณะ และจะเร่งรัดการดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทุกคน
แนวทางในการบริหารราชการของ คสช.ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ภาระสำคัญที่สุดในขณะนี้คือ การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ จัดตั้งองค์กรขึ้นมาดูแล และรับผิดชอบภาคปฏิรูปในทุกเรื่องที่เป็นปัญหาข้อขัดแย้ง และกระบวนการทางนิติบัญญัติเพื่อให้สามารถเดินหน้าประเทศไทยไปสู่อนาคตได้ และนำสู่เป็นประชาธิปไตยอย่างสันติวิธี และถาวร
สำหรับการเรียกมารายงานตัวนั้น เป็นการเรียกมารายงานตัวเพื่อทำความเข้าใจ เพื่อสงบสติอารมณ์ เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกัน เพราะความขัดแย้งเหล่านั้นมันไปอีกไม่ได้แล้ว มันจะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติและประชาชน เป็นที่ห่วงใยของประชาชนไทยและต่างประเทศ ทรัพย์สินของแต่ละประเทศที่มาลงทุนในประเทศไทยก็จะทำให้เกิดมีปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจ
ผมกราบเรียนว่า บ้านเมืองเรามีปัญหา วันนี้เราจะต้องยุติปัญหาให้ได้ พวกเรามิได้มุ่งหวังในการที่จะเข้าสู่อำนาจ เพื่อมีอำนาจ มีประโยชน์ แต่มันมีเหตุผล และความจำเป็นที่ได้กล่าวไปหลายครั้งแล้ว เราเข้าใจดีถึงกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งทางทั่วโลกทำอยู่ และเราก็เป็นอยู่ แต่การเดินดังกล่าวมีข้อขัดแย้งขึ้นมา ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ มันก็มีความจำเป็น ก็ขอให้ทุกคนเข้าใจตรงนี้ด้วย พวกเราเข้าใจดี พวกเรามีบทเรียนต่างๆ มากมายในอดีต ผมได้เอาบทเรียนเหล่านั้นมาทบทวน และแก้ไขไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตด้วย ฉะนั้นประชาชนทุกคนทุกหมู่เหล่า ทั้งประชาชนทั่วไป ข้าราชการทุกภาคส่วน และทุกคนที่เกี่ยวข้องในชาติ และชาวต่างชาติกรุณาเข้าใจในเจตนารมณ์ของเราด้วย เราทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และมุ่งหวังจะคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้โดยเร็ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า งานเร่งด่วนขณะนี้ จากที่เราได้จัดตั้งกลุ่มงานขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานจัดตั้งสำนักเลขานุการ ซึ่งทำงานร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และในเรื่องเดิมที่มีเรื่องผูกพันอยู่ นอกนั้นเป็นกลุ่มงานที่ ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทอ. ผบ.ทร. และ ผบ.ตร. ลงไปกำกับดูแลแต่ละหน่วยงานที่ได้รับผิดชอบไปแล้ว มอบหมายไปแล้ว จะมีการแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญในการทำงาน ทั้งอดีตข้าราชการ อดีตผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขา มาเป็นคณะที่ปรึกษาของ คสช. ระดับบนหนึ่งคณะ
ระดับล่าง ก็มีการแต่งตั้งคณะกรรมการที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละกลุ่มงาน เป็นที่ปรึกษาในการทำงานของข้างล่างหรือทุกภาคส่วน จะมีการสนับสนุนกำลังพลเข้ามาร่วมปฏิบัติที่ได้เริ่มปฏิบัติงานมาหลายวันแล้ว โดยจะทำทุกอย่างให้เป็นระเบียบแบบแผนในการบริหารราชการให้เหมือนยามปกติให้มากที่สุด เพียงแต่ว่าทหารเข้าไปกำกับดูแล อย่ามองว่าเป็นโครงสร้างที่เป็นทหารทั้งหมด สำหรับคนที่ถามว่า คสช.จะบริหารงานไปจนถึงเมื่อไหร่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน ทุกภาคส่วน สื่อต้องไม่ขยายความขัดแย้ง เฟซบุ๊กอย่าสร้างคอมเมนท์ขึ้นในสิ่งที่สร้างความขัดแย้ง ถ้าจำเป็นผมจะเรียกตัว เพราะฉะนั้นสมาคมสื่อก็ไม่ต้องมาเรียกร้องกับผม ซึ่งท่านต้องควบคุมสื่อของท่าน
ผมจะเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ ที่โพสต์เข้ามาและทำให้เกิดความขัดแย้งคนตีกันยุแหย่กันอยู่ในนั้น ผมถือว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อย เหตุผลและความจำเป็นที่ผมต้องพูดเช่นนี้ เพราะถ้าเราขยายความขัดแย้งต่อไปเรื่อยๆ จะเกิดผลกระทบในวงกว้าง และจะกลับวนเวียนไปสู่อันเก่า ตอนนี้เริ่มมีการประท้วง อยากจะกลับไปสู่อันเก่าใช่หรือไม่ ถ้าต้องการอย่างนั้น ผมก็จะต้องใช้กฎหมาย แต่ถ้าไม่ต้องการอย่างนั้นก็จะต้องไปบอกพ่อแม่พี่น้องทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ขอให้ระงับการดำเนินการดังกล่าว เพราะการบังคับใช้กฎหมายในขณะนี้มีความเข้มข้น การดำเนินการอะไรก็ตาม จะต้องนำขึ้นสู่ศาลทหาร ที่ได้ระบุไปแล้ว เฉพาะการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเราจะดำเนินการด้วยกฎหมายปกติก็คงไม่ได้
เรื่องการเมืองก็จะอยู่ในรูปของการปฏิรูปหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองการปกครอง ข้าราชการ ระเบียบของข้าราชการ การเข้าสู่อำนาจรัฐ การใช้จ่ายที่โปร่งใส งบประมาณ กระบวนการตรวจสอบจะต้องทบทวนทั้งหมด ทั้งนี้ ผมไม่ได้มุ่งหวังที่จะมาทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ซึ่งทุกคนอาจจะมองว่า ผมมีความรู้ความสามารถหรือไม่ แต่ผมคิดว่า ด้วยความตั้งใจเกี่ยวกับอุดมการณ์ของพวกผม ผมทำได้ทุกอย่าง ถ้าเรายึดมั่นในความถูกต้อง ชอบธรรม โปร่งใส เป็นธรรม ทั่วถึง ผมคิดว่า ทุกคนต้องช่วยผม อย่าติติง อย่าเพิ่งไปเพิ่มปัญหาใหม่ ไม่มีประโยชน์ ขอร้องสื่อทุกสื่อด้วย ถ้าอยากดำเนินการต่อไป สมาคมสื่อจะต้องดูแลด้วย ผมไม่อยากละเมิดสื่อ เพราะฉะนั้นหยุดซะ มันไม่ได้เกิดประโยชน์
ผมถามว่า ถ้าต้องเรียกตัวมา และท่านเคยมีพฤติกรรมอะไรหรือไม่ ถ้ามีก็อย่ามาว่าผม หลักฐานมีทุกอย่าง ถ้านิ่ง เรียบร้อยก็จะปล่อยไป แต่ขณะนี้ขอพาไปสงบสติอารมณ์เสียก่อน 3 วัน 5 วัน หรือ 7 วันก็ว่าไป ทุกคนที่เรียกมาไม่ได้พันธนาการ หรือทรมาน เราเชิญมาด้วยซ้ำ อยู่ในที่พัก แต่ที่พักอาจจะไม่ใหญ่โตเหมือนกับบ้านของท่านเอง ซึ่งท่านจะได้รู้ว่าทหารอยู่กันอย่างไร ซึ่งที่ที่ท่านอยู่ถือว่าดีที่สุดแล้วสำหรับทหาร ซึ่งในขั้นต่อไปถ้าหากผู้ที่ถูกเรียกตัวแล้วยังคงฝ่าฝืนต่อต้าน และสนับสนุน ซึ่งเราจะมีการติดตามพฤติกรรมทุกประการ ท่านก็จะถูกระงับธุรกรรมทางด้านการเงินทั้งสิ้น และถูกติดตามจับกุมดำเนินคดี ขึ้นศาลทหาร เพราะถือว่าขัดคำสั่งไม่ได้ ขอให้พี่น้องทุกคนได้ทนเหมือนกับที่พวกเราอดทนมาตลอดที่ผ่านมา
ปัญหาบ้านเรามีมา 9 ปี ด้วยข้อขัดแย้ง และไม่ใช่ประเด็นที่จะมาทำให้ประเทศชาติถึงกับแตกสลาย ผมต้องขอความร่วมมือในทุกภาคส่วน 6 เดือนที่ผ่านมามันทรมานคนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตามที่มีความคิดเห็นตรงกันข้าม ต้องนึกถึงประโยชน์ส่วนกลาง จะต้องช่วยกันคืนความสุขให้คนไทย ดูแลชาวต่างประเทศ สร้างเสถียรภาพเพื่อให้เขาเชื่อมั่นเรา
สำหรับในเรื่องพระบรมราชโองการ เป็นเรื่องที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงมาตามที่ได้ถวายรายงานไป ซึ่งเป็นเรื่องของประเพณี ซึ่งไม่ใช่เวลาอันสมควรที่จะมาให้ข้อมูลและรายละเอียด เพราะผมถือว่าสถาบันอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ผมจะทำหน้าที่ในการแก้ไขความขัดแย้งภายใต้พระบรมราชโองการ ซึ่งก็เป็นไปตามประเพณีมาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในสถานะที่ท่านมีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศในขณะนี้ หลังจากยุติความขัดแย้งของทั้งสองกลุ่ม สองฝ่าย หรือฝ่ายต่างๆ การบริหารงานต่อไปในอนาคตหลายคนฝากถามว่าจะมีนายกฯ หรือไม่ หรือว่าท่านจะเป็นนายกฯ โดยควบตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ทำไม ทำไม ควบ ถามยังงี้ มันยังมาไม่ถึง" เมื่อถามว่า หลายคนอยากรู้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "มันอยู่ในแผนการอยู่แล้วนะ ใจเย็น ใจเย็น จะมี มันต้องมี ยังไงมันต้องมี" และเมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า อย่างไรต้องมีนายกฯ ชั่วคราวขึ้นมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มันต้องมีนายกฯ ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า คือยังไงต้องมีคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีนายกฯ คนเดียว มันไม่มีคณะรัฐมนตรี มันจะเป็นไปได้ไหมล่ะ มันก็ต้องมีมั้ง ย้อนกลับไปดูเก่าๆ เขาทำยังไง "มันต้องมีแนวทางอยู่บ้างแล้วล่ะ บางอย่างก็มีอาจจะคล้ายคลึง บางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างอะไรบ้าง เพื่อให้เกิดความถูกต้องชอบธรรม การใช้อำนาจต้องระมัดระวัง การมีอำนาจมาก ผมบอกไปแล้วว่า ยิ่งมีอำนาจมาก ยิ่งต้องทำตัวให้เล็กลง อย่าคิดว่าตัวเองมีอำนาจแล้วจะทำได้ทุกอย่าง ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น" เมื่อถามต่อว่า การตั้ง ครม.หรือนายกฯ จะมีภายในเร็วๆ นี้หรือไม่ เพราะจะได้ขับเคลื่อนการปฏิบัติงานประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ก็ขับไปแต่หลายวันมาแล้ว ขับตั้งแต่ 22 พฤษภาคม ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดินโดยคณะ ทำมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว เมื่อถามอีกว่า ท่านเป็นนายกฯ เองเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดนิ่งไปสักพัก ก่อนกล่าวว่า "มันอยู่ในขั้นตอนของการ ยังไม่รู้ ก็รอดู ใจเย็น อยากเป็นเองไหมล่ะ อยากเป็นไหม พอแล้ว ขอบคุณครับ" ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะใช้เวลาอีกเท่าไหร่จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า "จนกว่าเหตุการณ์จะยุติ" และเมื่อถามอีกว่า ผบ.ตอบอย่างนี้อาจเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ผมไม่มีกำหนด ไม่กำหนด ต้องดูสถานการณ์ โดยเร็วที่สุด พอล่ะ" |
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น