" ประยุทธ์ " ยันย้ายขรก.ไม่ได้ลิดรอนเกียรติแต่จำเป็นต้องลดความกดดัน |
|
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงถึงคำสั่งการปรับย้ายข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหารว่า เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยืนยันว่าการปรับย้ายการปฏิบัติหน้าที่ของพลเรือนตำรวจทหารนั้นมิได้เป็นการลดทอนในเกียรติยศศักดิ์ศรีของบุคคลหรือหน่วยงานใด แต่จำเป็นต้องลดความกดดันที่มีต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว
สำหรับตำแหน่งผบ.ตร.ผู้ที่จะมารักษาการ แทนก็มาจากรองผบ.ตร. ซึ่งมีลำดับอาวุโสอันดับ 1 ทั้งหมดก็เพื่อให้เกิดความไว้วางใจจากสังคมและประชาชน อยากให้เห็นใจผู้ที่ถูกปรับย้ายการปฏิบัติหน้าที่ และงดที่จะแสดงออกถึงการดูถูกเกลียดชังกัน เพราะท่านเหล่านั้นไม่ได้มีความผิดใดๆ ขอให้ถือว่าเป็นการปรับย้ายเพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อสถานการณ์ในห้วงปัจจุบัน อยากฝากให้ทุกคนได้ให้ความร่วมมือกับผู้ที่มารักษาการแทนด้วย
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ส่วนเรื่องการควบคุมตัวบุคคลผู้ที่ถูกเรียกมารายงานตัวตามคำประกาศของคสช.นั้น ก็เพื่อทำความเข้าใจในข้อขัดแย้ง และให้ชี้แจงข้อเท็จจริงหลังการปฏิบัติของแต่ละพวก แต่ละฝ่าย และเพื่อเสาะหาข้อเท็จจริง โดยได้จากสถานที่ดูแลที่เหมาะสม มิได้มีพันธนาการ ซ้อม ทรมาน แต่อย่างใดเราให้เกียรติทุกคน โดยให้เห็นถึงความจำเป็นว่าต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้ ขณะนี้ได้ทยอยปล่อยกลับบ้านแล้วเป็นจำนวนมาก โดยการควบคุมตามกฎหมายไม่เกิน 7 วัน ซึ่งบางคนได้ปล่อยไปในวันแรกๆ แล้ว โดยได้จัดลำดับจำนวนวันในการควบคุมตัวตามความสำคัญของแต่ละบุคคล ซึ่งจะได้รายงานให้ทราบเป็นระยะ สำหรับผู้ที่ถูกควบคุมที่มีหมายจับหรือมีคดีติดตัวจะได้นำเข้ามอบตัว เพื่อดำเนินการตากระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่26 พ.ค.นี้เป็นต้นไป
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีจับกุมอาวุธสงครามได้จำนวนมาก ซึ่งยังคงจะต้องดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อย ดังนั้นอยากขอให้ประชาชนทุกภาคส่วน หลีกเลี่ยงการใช้ชุมนุมประท้วงต่อต้าน เพราะในขณะนี้ กระบวนการประชาธิปไตย ทำไม่ได้เป็นปกติ
" คสช.มิได้มุ่งหวังทำเพื่อประโยชน์ผู้หนึ่งผู้ใด แต่เพื่อคืนความสุขให้คนไทยทุกคน และจะนำไปสู่การสร้างความมั่นใจ ในเสถียรภาพ จากต่างประเทศเพื่อเดินหน้าต่อไป ขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ และทหารทุกคน ได้อดทนเสียสละและยอมรับในหลักการการขจัดข้อขัดแย้งของประเทศ อาจมีผลกระทบต่อองค์กรอยู่บ้าง ต้องร่วมมือช่วยกันต่อไป มิฉะนั้นเราจะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว ทุกคนไม่มีความสุข " พ.อ.วินธัย กล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ผู้ที่อาศัยโซเชี่ยลมีเดียในการยุยงปลุกปั่น ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อใครเลย ขอให้สื่อลดหรือระวังการพูดจา วิพากษ์วิจารณ์ ให้ร้ายทุกพวกทุกฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหารให้เสียหายโดยเด็ดขา สำหรับกรณีของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น เดิมพักอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ หลังจากได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกัน จึงได้ส่งให้กลับบ้านในกทม. ตามที่เจ้าตัวประสงค์ เพราะฉะนั้นขอให้เข้าใจสิ่งที่ หัวหน้าคณะคสช.ได้ทำไปนั้นมิได้เกิดมาจากความเกลียดชัง หรือเกิดมาจากความเห็นส่วนตัว แต่ด้วยความจำเป็นที่จะต้องให้งานบริหารราชการ และการรักษาความสงบในห้วงนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได.
|
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น