วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

”ประยุทธ์ จันทร์โอชา” พ ยั ค ฆ์ ผู้ ฆ่ า “ทักษิณ” วันอาทิตย์ ที่ 25 พฤษภาคม 2557.


วันอาทิตย์ ที่ 25 พฤษภาคม 2557

                                                                   
                                                 “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”
                                                   อมตะวาจา ของ จอมพลสฤษดิ์ ธนรัตน์  
            แม้เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่ได้ พูดออกมา แบบนี้ แต่สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวไป ก็ไม่ต่างจาก ประโยค นี้นัก คือ
         “ผมพร้อมรับผิดชอบทุกอย่างไม่ว่าจะถูกหรือผิด แต่ขอให้รู้ว่าที่ผมทำผมรับผิดชอบทุกประการ  ที่ผมทำเพราะผมเป็นคนที่เกิดในแผ่นดินนี้ และเป็นหนี้ในแผ่นดินนี้ ที่ผมจำเป็นต้องมามีส่วนร่วม เพราะผมรับผิดชอบงานด้านความมั่นคงเป็นหลัก แต่ทว่ามันเกี่ยวข้องในหลายมิติ หากก้าวล่วงใคร ผมก็ขออภัยมา ใน โอกาสนี้ด้วย”
               จากการต่อสู้ มายาวนาน ของภาคประชาชน กว่า ๖เดือน หลายครั้งที่ภาคประชาชน ได้เรียกร้อง จากรัฐบาล แต่ก็ไม่เป็นผล แต่กลับต้องสูญเสียชีวิต และบาดเจ็บไปคนแล้วคนเล่า จากน้ำมือของคนที่สนับสนุนรัฐบาล ปัญหาได้สะสม ปัญหาแล้วปัญหาเล่า จากความหน้าด้านของคนในระบอบทักษิณ ปัญหาเศรษฐกิจของบ้านเมือง ที่ขาดผู้นำที่มีอำนาจเต็ม รวมถึงการจัดตั้งกองกำลังและสะสมอาวุธ และลากอาวุธสงคราม ออกมาเพื่อเตรียมปฏิบัติการ ทำลายฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล โดยที่อำนาจรัฐไม่สามารถ ทำอะไรได้เลย จึงเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่กองทัพตัดสินใจ ต้องประกาศใช้กฎอัยการศึก ในเวลาย่ำรุ่งของคืนวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗
              และเรียกฝ่ายคู่ขัดแย้ง มาหาข้อตกลงร่วมกัน เป้าหมาย เพื่อต้องการให้ รัฐบาลรักษาการ ลาออกทั้งคณะ โดยการประสานงานไปทาง นางสาวยิ่งลักษณ์ เพื่อที่จะ ติดต่อไปยังผู้มีอำนาจตัวจริง ทักษิณ ชินวัตร เพื่อให้รัฐบาลลาออก ทั้งคณะ แต่กลับถูกปฏิเสธ จากทักษิณและยืนข้อเสนอกลับ ให้นิรโทษกรรม สิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด รวมทั้งคดีตัวเองด้วยซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของทักษิณ เพื่อแลกกับการยุติทางการเมือง ของคนตระกูลทักษิณ
                ด้วยความที่ ทักษิณ มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองสร้างไว้  ทุกหน่วยงาน วางระบบการทำงานทั้งสร้างฐานมวลชน ปลูกฝังค่านิยมประชานิยม และสร้างเครือข่ายอันตพาล ทั้งในราชการ ที่เป็นตำรวจ และ นักเลงหัวไม้ ข้างถนน มายาวนาน จนฝังรากลึกในในประเทศไทยมา กว่า ๑๐ ปี จึงเป็นเรื่องที่ยากต่อการขุดรากถอนโค ขึ้นได้ง่าย
            ด้วยอำนาจเงินที่ “จ้างผีโม่แป้ง” โดยไม่ต้องลงแรงตัวเอง ใช้เงินในการใช้คนให้ทำงาน และสร้าง ความหวาดกลัวให้กับฝ่ายตรงข้าง ทำให้ทักษิณ เชื่อมั่นในตัวเองสูงและประเมินฝ่ายตรงข้าม ที่ต่ำ
               ๑) เชื่อว่าพลังมวลชนฝ่ายต่อต้านไม่สามารถ ที่จะล้มรัฐบาลได้
               ๒) มั่นใจว่ากองทัพ คงไม่กล้าที่จะยึดอำนาจ เพราะทำให้ภาพลักษณ์ ของประเทศ ตกต่ำ และถูก คว่ำบาตร จาก นานา
                    ประเทศ
                ๓) กองทัพ แม้จะกล้า ก็จะตอบโต้หรือสร้างความปั่นป่วน โดยมวลชนและกองกำลัง ของฝ่ายตัวเอง ที่เตรียมไว้ ทั้ง
                     มวลชน และกองกำลัง และสื่อต่างประเทศ
             
                                  เวลา ๑๖.๓๒ น.ของวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗  
              ฟ้าก็ผ่าลงบน ทักษิณ อย่างคิดไม่ถึง ปฏิบัติการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จากคำสั่ง ตัดแขน ตัดขา เอามือไขว้หลัง ไม่ให้ทันตั้งตัวทักษิณ  ของ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.”
                 ตัดแขน คือ การสลายการชุมนุม ผู้สนับสนุนรัฐบาล
                 ตัดขา คือ การเรียก สมุนบริวาร และคนในเครือข่าย ทักษิณ เข้ารายงานตัว และควบคุมตัว ในค่ายทหาร รวมถึงพวกนักวิชาการ เสื้อแดงและล้มเจ้าทั้งหลาย เข้ารายงานตัว
                เอามือไขว้หลัง คือ การเรียกคนในตระกูลชิน และเครือญาติ เข้าควบคุมตัว เป็นตัวประกันและทำความเข้าใจ            
                     จากการประเมิน พล.อ.ประยุทธ ที่ต่ำไปของ ทักษิณ ภายในระยะเวลา ๒๔ ชม.หลัง พล.อ.ประยุทธ์ประกาศยึดอำนาจ ปราสาทใหญ่ที่ ทักษิณ ได้ก่อสร้างขึ้น กลับสันคลอน และเริ่มแตกร้าว และไม่สามารถ ที่จะขับเคลื่อนอะไรได้เลย คนในเครือข่าย เริ่มวิ่งหนีเพื่อเอา ชีวิตรอด ด้วยการเข้ารายงานตัว ต่อ คสช.กันอย่างพัลวัน
                  สำหรับคนที่ฝ่าฝืน และหัวแข็ง ท้าท้ายอำนาจ มีโทษจำคุก ๒ ปี ปรับ สี่หมื่นบาท และตามด้วยคำสั่ง และห้ามทำธุรกรรม ทางการเงินทุกชนิดพร้อมทั้ง ให้สถาบันการเงิน ส่งข้อมูลทางธุรกรรมย้อนหลัง อีกด้วย
                  ปฏิบัติการ เชือดไก่ ให้ลิงดู กับผู้ที่ไม่ยอมรับการเข้ารายงานตัวก่อน ๔ โมงเย็นของวันที่ ๒๔ พฤษภาคม หลังจากนั้น ๕ ชม. ได้มีคำสั่ง ห้ามทำธุรกรรมทุกชนิด ของ
                              นาย จารุพงศ์  เรื่องสุวรรณ  หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและ อดีต รมต.มหาดไทย
                              นาย จตุรนต์ ฉายแสง  อดีต รมว.ศึกษาธิการ
              ตามด้วยตัดแขนขาคนในระบอบราชการ โดยการคำสั่งย้าย ข้าราชการระดับสูง ที่เป็นเครือข่าย ทักษิณ ทุกคนเพราะเกรงจะไม่สะดวก ในการปฏิบัติงาน ของ คสช. โดยการสั่งย้าย
                        พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร. ,    พล.อ.นิพัทธ ทองเล็ก  ปลัดกระทรวงกลาโหม
                                 นายธาริต เพ็งดิษ  อธิบดี DSI         พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง  เลขา ศอบ.ต 
                                   และตามด้วยการย้าย นายตำรวจระดับสูง คุมกำลังและกำกับนโยบาย
                  บุคคลเหล่านี้ได้ดิบได้ดี จากการแต่งตั้งโยกย้าย ในช่วงรัฐบาลทักษิณ และอาจจะเป็นสายหรือยังมีใจขวักไขว่ หรือยังคงมีบุญคุณ ต่อทักษิณ ได้อีก
                     ผมจำได้ตอนหนึ่ง ของ สามก๊ก :เมื่อครั้งโจโฉ แตกทัพและหนี   ขงเบ้ง ได้แบ่งสายเพื่อสกัดจับโจโฉ  โดยแบ่งเป็นสายๆ มอบหมายให้ทหารเอกคุมแต่ละจุด  และมีสายหนึ่ง ที่ กวนอู ขออาสาไปเองพร้อมภาคทัณฑ์ โทษตัวเองว่าหากไม่ตัวหัว โจโฉ มาตัวเองจะยอมรับโทษให้ตัดหัวตัวเอง  ขงเบ้งคิดว่า โจโฉ ต้องผ่านทาง ฮัวหยง แน่นอน และมอบหมายให้ กวนอู เป็นผู้นำทัพไปจับ และได้กำชับไปว่าหากใคร ปล่อยโจโฉ ให้พ้นไป กลับมาต้องรับโทษตัดหัวอย่างเดียว.  เมื่อกวนอูไปรอ ที่ฮัวหยง  ซึ่งทางนั้น โจโฉ ก็ผ่านมาทางนั้นจริงๆ โจโฉ ได้พูดเกลี้ยกล่อม พูดถึงบุญคุณหนหลัง เมือครั้งกวนอู ตกยากลำบาก ตนได้ช่วยไว้  ด้วยความเป็นคนมีคุณธรรมของ กวนอู จึงปล่อยโจโฉ ผ่านไปได้โดยไม่จับ  และตนยอมไปรับโทษ ตัดหัวจากขงเบ้ง ด้วยสมัครใจ. เมื่อกลับไปถึง เป็นอย่างที่ขงเบ้งคิด ว่ากวนอู ต้องปล่อย โฉโจ ไปแน่นอน จึง สั่งลงโทษกวนอู เข้าสู่หลักประหาร กวนอู ก็ยอมรับโทษ โดยดีด้วย เล่าปีและเตียวหุยได้ ร้องขอเพื่อไม่ให้ การลงโทษ  สุดท้าย นี้คือแผนของขงเบ้งเพื่อต้องการ ที่จะให้ กวนอู ตอบแทนบุญคุณกับโจโฉ เพื่องานใหญ่ ในวันข้างหน้า.
                   เชื่อว่าหลังจากครบ ๗ วัน แล้ว หลายคนอาจจะถูกปล่อยตัวไปตามข้อกำหนด ของกฎอัยการศึก ที่สามารถกุมตัวได้ ๗ วัน เชื่อว่าคงจะมีการทำความเข้าใจกันเพื่อที่จะไม่ให้ ไปร่วมมือกับทักษิณได้ อีก หรือหากมีการผิด สัญญา กันก็คงมีการดำเนินการ กันอย่างเด็ดขาด กันแน่นอน เมื่อเครือข่ายภายในประเทศ ไม่อาจใช้งานได้แล้ว ทักษิณ อาศัยอำนาจเงินของตัวเอง ล๊อบบี้ ประเทศต่างๆ เพื่อจะบีบ ประเทศไทย แต่ถึงกระนั้น คงไม่มีผลอะไรมาก หากคนภายในประเทศ ไม่ให้การร่วมมือ สุดท้าย ทักษิณ ก็ต้องจนมุม  เมื่อครอบครัว ทั้งหมดของทักษิณ ยังอยู่ภายในประเทศ และอาจจะมีการสั่งให้คนเหล่านั่น ห้ามออกนอกประเทศด้วยซ้ำ
                เมื่อมีนายกฯรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เข้าทำงาน เต็มรูปแบบ ผมเชื่อว่ากระบวนการ ไล่ล่าทักษิณ กลับมารับโทษตามกระบวนการ ก็จะดำเนินการ เข้มข้นมากขึ้น และในขณะเดียวกัน สภาปฏิรูป และสภานิติบัญญัติ คงจะเกิดขึ้น ในไม่ช้า และดำเนินการ เรื่องการปฏิรูปบ้านเมืองต่อไป และ คสช. ยังคงคอยควบคุม ไม่ให้ระบอบทักษิณ ได้แผลงฤทธิ์ อีกต่อไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะมีการปฏิรูปเสร็จและมีการเลือกตั้งใหม่
                เบื้องหลังลึกๆ คิดว่า คงได้มีการเจรจา เพื่อให้ ทักษิณ ได้หยุดการเคลื่อนไหวและต่อสู้ อย่างเด็ดขาด เพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง เช่น แลกกับการสั่งอายัดทรัพย์สิน หรือ การดำเนินตามล่ามาดำเนินคดี โดยผ่าน คุณหญิงพจมาน ที่ คสช.ได้เชิญตัวมาอย่างไม่เป็นทางการ โดยการไม่ออกเป็นคำสั่งถือเป็นการให้เกียรติ  ซึ่งเป็นคน คนเดียวที่ ทักษิณ ฟังในตอนนี้ ซึ่ง คุณพจมาน ก็รู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต่อไปหากว่า ทักษิณ ไม่ยอม เพราะกล่องดวงใจของทักษิณ อยู่เมืองไทยทั้งหมด  
                 เชื่อได้เลย บิ๊กตู่ คงไม่ปล่อยให้ทักษิณ ได้ลอยหน้าลอยตาทำลายประเทศได้อีกต่อไปแน่ ๆ ไม่ว่าทักษิณจะดิ้น อย่างไรก็ ไม่มีทางที่จะเอาชนะได้อีกเลย จึงมีทางสองทางเลือก สำหรับอนาคต ของ ทักษิณ คือเลือกลี้ภัยในต่างแดน ตลอดชีวิต หรือกลับมาติดคุกตามกระบวนการยุติ ธรรมของประเทศไทย. เพราะคนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์  ทำจริงแน่ๆ และมีอะไรอีกหลายอย่าง ที่ทักษิณ อาจคาดไม่ถึง ก็ได้
                                     “เพราะฉะนั้นอย่ามาสู้กับผมเลย”
           นี้คือประโยค ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้บอกกับ สมุน ทักษิณ ที่เข้าร่วมประชุม ๗ ฝ่าย
                                    และนี้คือ พยัคฆ์ ผู้ทำลาย ระบอบ ทักษิณ และเป็น
                                                  "วีระบุรุษปราบกบฏ" 
                                    ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม
                                   หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
                                   จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป
                                  เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
                                  คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น
                                  แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
                                  ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา
                                  ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ   
                                              (ความตอนหนึ่งในคำทำนาย)        
                  ณ.เมืองลุง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น