วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตร.รวบ 4 นร.ชาย ม.3 ข่มขืนเด็กหญิงม.1 คาบ้านพักครูร.ร.ดัง ทหารช่วยเร่งคดี!เมื่อ 26 ก.ค.57



ตร.รวบ 4 นร.ชาย ม.3 ข่มขืนเด็กหญิงม.1 คาบ้านพักครูร.ร.ดัง ทหารช่วยเร่งคดี!
 
ตร.รวบ 4 นร.ชาย ม.3 ข่มขืนเด็กหญิงม.1 คาบ้านพักครูร.ร.ดัง ทหารช่วยเร่งคดี!

 เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.วัฒนา เกิดศิริ พงส.ผนพ.สภ.หันคา จ.ชัยนาท

 รับแจ้งความร้องทุกข์จาก มารดา และ ป้าของ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ร.ร.แห่งหนึ่งใน จ.ชัยนาท ถูกรุ่นพี่นักเรียนชาย ม.3 จำนวน 4 คน รุมข่มขืน บริเวณบ้านพักอาจารย์สอนดนตรี ภายใน ร.ร. ระหว่างที่กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำที่อาคารเรียน ระหว่างรอยต่อช่วงคาบเรียน ช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา

 พ.ต.อ.จักรกฤษณ์ งามสมโสตร์ ผกก.สภ.หันคา เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจริง พื้นที่ สภ.หันคา

 โดยเหตุเกิดขึ้นภายในร.ร. มีเด็กนักเรียนชาย 4 คน ชั้น ม.3 อายุ 15 ปี 1 คน อายุ 14 ปี 3 คน ข่มขืน ด.ญ. อายุ 13 ปี ตั้งแต่ช่วงบ่าย เมื่อวันที่ 21 ก.ค. แต่ทางผู้ปกครองได้เข้ามาแจ้งความเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยมีทหารที่เข้ามาควบคุมพื้นที่พาเข้ามาแจ้งความที่โรงพัก

 อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ พล.ต.ต.ภวัต พรหมมะกฤต ผบก.ภ.จว.ชัยนาท ได้สั่งการให้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดและดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดแล้ว 

ซึ่งได้ควบคุมตัวเยาวชนที่กระทำผิด แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และนำตัวไปฝากขังที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดชัยนาท โดยได้ประกันตัวแล้วตามกฎหมายเยาวชน ก่อนดำเนินการเอาตัวไปสอบปากคำผู้ต้องหา และเชิญผู้เสียหาย พร้อมทีมสหวิชาชีพ ได้แก่ ตำรวจ อัยการ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ เพื่อนัดสอบปากคำต่อไป

 ด้านนายสัมฤทธิ์ รงค์ทอง ผอ.โรงเรียนฯ กล่าวว่า ไม่คิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้น เพราะโรงเรียนก็มีการอบรมเรื่องทางเพศอยู่เสมอ

 ซึ่งไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน ยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการที่จะปิดข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ภายหลังจากทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากที่มีนักเรียนพูดถึงเหตุดังกล่าวแล้ว ได้สั่งการให้อาจารย์ฝ่ายปกครองประสานอาจารย์ประจำชั้นติดต่อให้ผู้ปกครองเด็กนักเรียนผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุมาพบ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทันที พร้อมทั้งรายงานเรื่องให้สำนักงานเขียนการศึกษารับทราบและทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ภายในวันที่ 28 ก.ค.

 โดยได้เรียกตัวผู้ปกครองนักเรียนที่ก่อเหตุมาก่อน เนื่องจากผู้ปกครองผู้เสียหายติดภารกิจไม่สามารถเดินทางมาได้ ส่วนการคาดโทษนักเรียนที่ก่อเหตุนั้น จะรอให้การดำเนินคดีของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสิ้นสุดก่อน จึงจะมีการคาดโทษเด็กนักเรียนชายที่ก่อเหตุ ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมา มีเด็กนักเรียนพิเศษที่กระทำผิดเกเร แต่ก็ได้มีการคาดโทษไว้ และดูแลเพื่อไม่ให้เด็กนักเรียนเหล่านั้น ไปก่อเหตุร้ายแรง อย่างไรก็ตาม ได้เรียกประชุมคณะอาจารย์เพื่อแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะช่วงระหว่างที่ก่อเหตุเป็นช่วงเวลาที่ยังเรียนหนังสืออยู่

 รวมทั้งประวัตินักเรียนชายที่ก่อเหตุ เคยมีประวัติก่อเหตุมีเรื่องทะเลาะวิวาทมาก่อน และมักโดดเรียนอยู่เป็นประจำ 

รวมถึงเด็กนักเรียนผู้เสียหายเองก็ขาดเรียนอยู่บ่อยครั้ง แต่ผู้เสียหายมีความสามารถด้านดนตรี จึงยังคงให้เรียนต่อภายหลังจากที่เคยขอหยุดพักการเรียนมาแล้ว ทั้งนี้  เมื่อทราบเรื่องก็ติดต่อให้ผู้ปกครองรับทราบก่อน โดยที่ผู้เสียหายไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงทางร่างกายแต่อย่างใด

 ด้านนายจำนนค์ ศิริโมก อายุ 42 ปี อาจารย์หัวหน้ากลุ่มบริหารทั่วไปและงานปกครอง กล่าวว่า 

จากการสอบถามเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุ ภายหลังจากทราบเรื่องเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ยอมรับว่าก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยกลุ่มนักเรียนดังกล่าวอยู่ชมรมดุริยางค์ของโรงเรียน มักจะไปนั่งเล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านพักของอาจารย์ที่สอนดนตรีดังกล่าว ระหว่างเกิดเหตุอาจารย์เจ้าของบ้านพักได้ไปรับประทานอาหารกลางวัน ไม่ได้มีการปิดห้องพักไว้ เด็กนักเรียนก่อเหตุโดดเรียนมา ส่วนผู้ลงมือก่อเหตุเด็กนักเรียนผู้เสียหาย 3 คน และดูต้นทาง 1 คน ช่วงเวลาเกิดเหตุ ระหว่างที่ผู้เสียหายกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำในอาคารโรงเรียนข้างสนามบาสเก็ตบอล ช่วงเรียนวิชาพละศึกษา กลุ่มนักเรียนก่อเหตุได้ลงมือเข้าฉุดกระชากเด็กนักเรียนผู้เสียหายและลากเข้าไปข่มขืนในบ้านพักที่เกิดเหตุทีละคน ซึ่งเด็กนักเรียนผู้เสียหายบอกว่าถูกกดคอไว้ด้วย

 ด้าน ป้าของเด็ก กล่าวว่า ตอนแรกหลังเกิดเหตุหลานสาวยังไม่กล้าบอก เพราะถูกเด็กนักเรียนชายขู่ว่าจะทำร้าย

 ภายหลังทราบเรื่องจากอาจารย์ประจำชั้นที่ได้โทรหาเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา จากการสอบถามหลานสาวเล่าเหตุการณ์ดังกล่าวให้ฟังว่า เด็กนักเรียนชายที่ก่อเหตุได้เข้ามาล็อกคอหลานแล้วลากตัวไปที่บ้านพักอาจารย์ภายในห้องน้ำ โดยใช้มือปิดปากและใช้มือชกเข้าที่บริเวณหน้าท้อง ก่อนลงมือข่มขืน ซึ่งทางอาจารย์ที่โรงเรียนขอให้ผู้ปกครองมาไกล่เกลี่ย โดยตอนแรกทางผู้ปกครองนักเรียนชายที่ก่อเหตุบอกจะชดใช้ค่าเสียหายเฉลี่ยคนละ 5,000 บาท พอเรื่องแจ้งความถึงตำรวจได้ขอให้ถอนแจ้งความและจะให้คนละ 10,000 บาท

 ฝ่ายตนจึงไม่ยอมความขอให้เรื่องตัดสินตามกฎหมาย และขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการถึงที่สุด อยากขอความยุติธรรมให้ญาติของตนเอง 

และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือเยียวยาหลานตนเองที่เป็นผู้เสียหาย เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งมีปมด้อย ส่วนกรณีที่หลานขาดเรียนไปเมื่อปีที่แล้วนั้น เนื่องจากหลานสาวรับจ้างเล่นดนตรีไทยเพื่อหารายได้เสริม เพราะน้องสาว ซึ่งเป็นแม่ของหลานสาว ถูกรถชนเมื่อช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้ว กระทั่งแม่ คือ ยายของหลานสาวบอกให้ออกมาเล่นดนตรีกับคุณตาที่เป็นอาจารย์สอนดนตรี

 “ยืนยันว่า เคยทราบว่าเด็กนักเรียนชายที่ก่อเหตุอื่นๆ มาก่อน เช่น เคยก่อเหตุเอาระเบิดปิงปองขว้างในโรงเรียนและคบหาและรู้จักเด็กเกเรรุ่นพี่ที่เคยโดนไล่ออกมาก่อเหตุทะเลาะ โดยที่ผอ.โรงเรียนได้มาร่วมพูดคุยดังกล่าว แต่ดีใจที่ทหารที่มาดูแลพื้นที่ให้การช่วยเหลือ รวมถึงผู้บังคับการจังหวัดชัยนาทได้ลงมาควบคุมคดีดังกล่าวด้วยตัวเอง โดยได้สั่งการให้ทำการออกหมายจับนักเรียนที่ก่อเหตุดังกล่าว ดีใจที่ทหารเข้ามาช่วยเหลือ และทำให้คดีถึงตำรวจและดำเนินการกับผู้กระทำความผิด” ป้าของด.ญ.อายุ 13 กล่าว

 ด้านด.ญ.อายุ 13 ปี กล่าวว่า ระหว่างที่กำลังเข้าห้องน้ำ ถูกเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งเข้ามาล็อกคอเอามือปิดปากไว้

 เพื่อนที่อยู่ข้างๆ ไม่กล้าช่วย กระทั่งถูกลากจากห้องน้ำในตึก ไปในบ้านพักบริเวณห้องน้ำ โดยเข้ามาช่วยถอดกางเกงและรุมข่มขืน กระทั่งหลังเกิดเหตุ กลุ่มนักเรียนชายขู่ทำร้ายถ้าบอกคนอื่น ต่อมามีเพื่อนๆ พูดจาหยอกล้อจนรู้ไปถึงอาจารย์จึงยอมบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้ปกครองรับทราบ อย่างไรก็ตาม อยากเตือนเด็กนักเรียนหญิงคนอื่นให้ระวังเด็กนักเรียนชาย ระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น พยายามอย่าเดินไปห้องน้ำหรือไปไหนมาไหนคนเดียว

 มีรายงานข่าวระบุว่า ภายหลังจากเกิดเหตุ มีเพื่อนนักเรียนชายหยอกล้อว่า มี 500 บาทไปกับเราหรือเปล่า ดูถูกเหยียดหยาม
 ทำให้เรารู้สึกอับอาย ถูกเพื่อนในโรงเรียนมองเป็นตาเดียวกัน จึงทำให้ไม่กล้าสู้หน้าอยู่สังคมได้ อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนสภ.หันคา ได้นักให้ผู้ปกครองเด็กนักเรียนชายที่ก่อเหตุมาสอบปากคำเพิ่มเติมร่วมกับสหวิชาชีพในวันที่ 28 ก.ค. และเชิญตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำในวันที่ 29 ก.ค. ต่อไป  
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น