วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

10 เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลกปี2013



10 เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลกปี2013
 

10 เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลกปี2013

โลนลี่ แพลนเน็ต เผย "10 อันดับเมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก" ประจำปี 2013 มีที่ไหนบ้างไปชมกันค่ะ
29 ต.ค. 55 โลนลี่ แพลนเน็ต เผย "10 อันดับเมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก" ประจำปี 2013 หลังรวบรวมความคิดเห็นจากเหล่านักเขียนของโลนลี่ แพลนเน็ต ตลอดจนสมาชิกเว็บไซต์ แล้วจึงนำมากลั่นกรอง และคัดเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวและเดินทาง โดยไม่ได้คำนึงถึงเทรนด์การท่องเที่ยว แต่เน้นพิจารณาว่าเมืองใดที่นักท่องเที่ยวควรเดินทางไปเยือนมากที่สุดในปี 2013

10 อันดับเมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2013 ได้แก่ …


อันดับที่ 10 เมืองปัวร์โต อิกวาซู จังหวัดมีซีโอเนส ประเทศอาร์เจนตินา (ดีที่สุดสำหรับ : ครอบครัว , กิจกรรม , การผจญภัย)
เมืองปัวร์โต อิกวาซู (Puerto Iguazu) เป็นที่ตั้งของน้ำตก 'อิกวาซู' ซึ่งทอดตัวเป็นแนวยาวระหว่างพรมแดนประเทศบราซิล - อาร์เจนตินา และได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกมาหมาดๆ เมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยความที่เป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองนี้จึงเต็มไปด้วยโรงแรมหรู สปา และสุดยอดโฮสเต็ล แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่น่าสนใจหลายแห่งอีกด้วย


อันดับที่ 9 เมืองอาดดิส อาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย (ดีที่สุดในด้าน : วัฒนธรรม , อาหาร , ความคุ้มค่า)
"อาดดิส อาบาบา (Addis Ababa)" หรือ "แอดดิส อาบาบา" เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเอธิโอเปีย ทั้งยังเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง เช่น สำนักงานใหญ่องค์การเอกภาพแห่งแอฟริกา และสำนักงานใหญ่คณะกรรมการเศรษฐกิจแห่งแอฟริกา (UNECA) ขององค์การสหประชาชาติ เป็นต้น ที่ผ่านมาเมือง "อาดดิส อาบาบา" ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งมีการคาดการณ์ว่าในปีหน้าเศรษฐกิจของเอธิโอเปียจะเติบโตขึ้นเกือบ 5% ก็ยิ่งทำให้เมืองนี้แลดูน่าเชื่อถือและน่าไว้วางใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักท่องเที่ยวที่ยังไม่เคยเดินทางไปเยือนเอธิโอเปียมาก่อน


อันดับที่ 8 เมืองมอนทรีออล รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา
(ดีที่สุดในด้าน : วัฒนธรรม , งานรื่นเริง , ความคุ้มค่า)

มอนทรีออล (Montreal) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในรัฐควิเบก และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศแคนาดา ทุกครั้งที่มีการจัดอันดับโลก เมืองนี้มักติดโผเข้ามาเป็นอันดับต้นๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเมืองสะอาด เมืองน่าอยู่ หรือเมืองที่อยู่แล้วมีความสุขที่สุดในโลก เป็นต้น นอกจากนี้ มอนทรีออล ยังได้รับยกย่องว่าเป็นเมืองหลวงด้านวัฒนธรรมของประเทศแคนาดา แถมองค์การยูเนสโกยังขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งดีไซน์อีกด้วย ในปีนี้ มอนทรีออลถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "หุ่นยนต์ล้างโลก (Robopocalypse)" ของสตีเว่น สปีลเบิร์ก ขณะที่ในปีหน้าจะมีการเปิดตัวโครงการใหญ่ "ริโอ ทินโต อัลแคน แพลนเนทาเรี่ยม" ตลอดจนโรงแรมหรูและพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ อีกทั้งยังมีงานฉลองครบรอบ 50 ปีศูนย์ศิลปะ "เพลส เดส อาร์ต" อีกด้วย


อันดับที่ 7 เมืองโฮบาร์ต รัฐแทสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย
(ดีที่สุดในด้าน : วัฒนธรรม , งานรื่นเริง , อาหาร)

โฮบาร์ต (Hobart) เป็นเมืองหลวงของรัฐแทสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1804 (พ.ศ. 2347) ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวง (ของรัฐ) ที่เก่าแก่เป็นอันดับสองของออสเตรเลีย (รองจากซิดนีย์) ปัจจุบัน เป็นเมืองท่าและเมืองท่องเที่ยวสุดฮิป ที่เต็มไปด้วยสีสันและมีกิจกรรมต่างๆ ให้เลือกทำเลือกชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬา ศิลปวัฒนธรรม อาหาร เทศกาลและงานรื่นเริงต่างๆ เป็นต้น


อันดับที่ 6 เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์
(ดีที่สุดด้าน : วัฒนธรรม , งานรื่นเริง , ครอบครัว)

หลังประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงในปีที่ผ่านมา "ไครสต์เชิร์ช (Christchurch)" ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในเกาะใต้ ก็เริ่มเดินหน้าพัฒนาและฟื้นฟูเมืองภายใต้ความมุ่งมั่น ร่วมแรงร่วมใจ และใช้ไหวพริบในการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ส่งผลให้ไครสต์เชิร์ชในปัจจุบัน กลายเป็นเมืองใหม่ที่มีแหล่งอาหารนานาชาติให้เลือกรับประทานหลากหลาย นับตั้งแต่อาหารพม่าไปจนถึงอาหารตุรกี ทั้งยังมีสถานที่ฟังเพลง (แสดงดนตรีสด) ให้เลือกฟังเลือกชมหลายแห่ง แม้แต่ย่าน "ซิตี้มอลล์" ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุแผ่นดินไหวจนต้องรื้อถอนอาคารร้านค้าหลายหลัง ก็ถูกแทนที่ด้วย "คอนเทนเนอร์มอลล์" สุดชิค ที่สร้างขึ้นชั่วคราวเพื่อคืนชีพให้กับย่านการค้า


อันดับที่ 5 กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
(ดีที่สุดในด้าน : วัฒนธรรม , ความคุ้มค่า , อาหาร)

ปักกิ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเซี่ยงไฮ้ ทั้งยังได้ชื่อว่าป็นศูนย์กลางด้านศิลปวัฒนธรรมของประเทศจีนอีกด้วย แม้การจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนที่กรุงปักกิ่งจะผ่านไปนาน 4 ปีแล้ว แต่ยังคงทิ้งร่องรอยต่างๆ เช่น ป้ายบอกทางภาษาอังกฤษ และสถานที่จัดการแข่งขันที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นเอาไว้ให้ระลึกถึง และเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการเปิดใช้รถไฟความเร็วสูงบนเส้นทางปักกิ่ง - เซี่ยงไฮ้ ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวระหว่างสองเมืองสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะใช้เวลาไม่ถึง 5 ชั่วโมง สำหรับการเดินทางราว 1,300 กม.


อันดับที่ 4 ลอนดอนเดอร์รี่ ไอร์แลนด์เหนือ (ดีที่สุดในด้าน : วัฒนธรรม , กิจกรรม , ครอบครัว)
ลอนดอนเดอร์รี่ หรือ เดอร์รี่ เป็นหนึ่งในเขตการปกครองของไอร์แลนด์เหนือ* ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักร ประจำปี 2013 นักท่องเที่ยวจึงไม่ควรพลาดการเข้าร่วมกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมในเมืองเดอร์รี่ ที่จะจัดหนักจัดเต็มตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลดนตรี การแสดงและการละเล่นต่างๆ ตลอดจนนิทรรศการด้านศิลปะ นอกจากนี้ ในปีหน้าเมืองเดอร์รี่ยังได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน "All Ireland Fleadh" ซึ่งเป็นเทศกาล (ประกวด) ดนตรีไอริชที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก (จัดขึ้นในไอร์แลนด์เหนือเป็นครั้งแรก)
* ไอร์แลนด์เหนือ คือ 1 ใน 4 เขตการปกครองหลักของสหราชอาณาจักร (ประกอบด้วย อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ) มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศไอร์แลนด์


อันดับที่ 3 เมืองไฮเดอราบัด รัฐอานธรประเทศ ประเทศอินเดีย (ดีที่สุดในด้าน : วัฒนธรรม , อาหาร , ความคุ้มค่า)
ในอดีตไฮเดอราบัดเคยเป็นเมืองหลวงของรัฐปกครองตนเอง (ภายใต้จักรวรรดิอังกฤษ) ที่มั่งคั่ง หลังอินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ วังและสวนที่สวยงามต่างถูกนำออกขาย บ้างก็ถูกรื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่ หรือไม่ก็โดนมือดียกเค้า นับว่ายังดีที่วังหลายแห่งในเขตเมืองเก่าของไฮเดอราบัดถูกบูรณะซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพสวยงามดังเดิม และหนึ่งในนั้นก็คือ "ฟาลัคนุมา พาเลซ" ที่ปัจจุบันกลายเป็นโรงแรมหรูเจ็ดดาวของทาจกรุ๊ป นอกจากวังแล้วยังมีอาคารและอนุสรณ์สถานหลายแห่งที่อยู่ในระหว่างการบูรณะซ่อมแซมด้วยเช่นกัน แต่ยังมีบางพื้นที่ในเมืองไฮเดอราบัดที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชม ดังนั้น ปีหน้าจึงเป็นปีที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางไปสำรวจพื้นที่อันซีนในย่านเมืองเก่าของไฮเดอราบัด


อันดับที่ 2 กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ (ดีที่สุดในด้าน : วัฒนธรรม , กิจกรรม , อาหาร)
อัมสเตอร์ดัม เป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์เสมอในสายตานักท่องเที่ยว แต่ในปี 2013 เมืองนี้จะยิ่งเต็มไปด้วยสีสันและมีกิจกรรมที่สำคัญให้ร่วมเฉลิมฉลองมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเฉลิมฉลองระบบคลอง (ที่รายล้อมเมือง 4 ชั้น) ครบรอบ 400 ปี , งานฉลองครบรอบ 160 ปี "วินเซนต์ แวน โกะห์" , พิพิธภัณฑ์ "วินเซนต์ แวน โกะห์" จะเปิดให้เข้าชมอีกครั้งในวาระครบรอบ 40 ปี , พิพิธภัณฑ์ไรค์ส (Rijksmuseum) จะเปิดให้เข้าชมอีกครั้งหลังปิดปรับปรุงนาน 10 ปี , วงซิมโฟนี ออร์เคสตราดีที่สุดในโลก "เดอะ รอยัล คอนเสิร์ตเคอะบาว ออร์เคสตรา" ในกรุงอัมสเตอร์ดัม จะครบรอบ 125 ปี นอกจากนี้ สวนสัตว์ "อาร์ติส รอยัล ซู" และ ศูนย์วัฒนธรรม "ฟีลิกซ์ เมอริติส" ก็จะฉลองครบรอบ 175 ปี และ 225 ปี (ตามลำดับ) ด้วยเช่นกัน


อันดับที่ 1 ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
(ดีที่สุดในด้าน : วัฒนธรรม , กิจกรรม , อาหาร)

โลนลี่ แพลนเน็ต เลือก "ซานฟรานซิสโก" ให้เป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2013 เพราะนอกจากจะเป็นเมืองที่มีลักษณะภูมิประเทศโดดเด่น มีทิวทัศน์ที่สวยงาม และมีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมแล้ว ในปีหน้า ซานฟรานซิสโกจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเรือใบ "อเมริกา’ส คัพ" ครั้งที่ 34 ส่งผลให้มีการแปลงโฉมและปรับปรุงสถานที่โดยรอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ริมอ่าวซานฟรานซิสโก


--------------------
(หมายเหตุ : ที่มา : http://paow007.wordpress.com/)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น