วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สาวสุราษฎร์หวั่นอาถรรพ์ "ทองคำโบราณ" โร่ขอคืนกรมศิลป์ เมื่อ 4 มิ.ย.57



สาวสุราษฎร์หวั่นอาถรรพ์ "ทองคำโบราณ" โร่ขอคืนกรมศิลป์
 
สาวใหญ่สุราษฏร์ฯ หวั่นอาถรรพ์ทองคำโบราณ โร่ขอส่งคืนกรมศิลปากร พร้อมขอเงิน 55,000 บาท ค่าทองคำที่ซื้อมาจากชาวบ้านเขาชัยสน
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 3 มิ.ย. นางวรรณี ภาราเริก อายุ 42 ปีอยู่บ้านเลขที่ 7413 หมู่ 8 ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฏร์ธานี พร้อมด้วยสามีและเพื่อนบ้าน 4-5 คน เดินทางเข้าพบนายณรงค์ ธีระกุล ผู้อำนวยการสำนักข่าวมีดีมีเดีย เพื่อให้ช่วยประสานกับกรมศิลปากร เพื่อขอมอบแผ่นทองคำโบราณที่ซื้อมาจากชาวบ้านที่ขุดพบในพื้นที่ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง 





นางวรรณี เปิดเผยว่า มีอาชีพค้าขาย หลังจากทราบข่าวการขุดพบทองคำใน อ.เขาชัยสน จึงเดินทางไปในพื้นที่เพื่อซื้อทองคำที่ชาวบ้านขุดพบ
กระทั่งพบกับชาวบ้านคนหนึ่งที่ขุดพบไหโบราณ 1 ใบ โดยที่ก้นไหพบแผ่นทองคำวางอยู่ 5 แผ่นขนาดกว้าง 9 ซ.ม. ยาว 12 ซม. รวมน้ำหนักทอง 2 บาทเศษ ในขณะที่ก้นไหมีข้อความระบุว่า พ.ศ. 1692 ตนจึงขอซื้อแผ่นทองคำจากชาวบ้าน ตอนแรกขายในราคา 7-8 หมื่นบาท แต่ต่อรองจนเหลือ 55,000 บาท เป็นที่น่าสังเกตว่า ตอนที่ซื้อแผ่นทองนับได้ว่ามี 5 แผ่น แต่พอมาถึงบ้านกลับเพิ่มเป็น 6 แผ่น ตนเชื่อทันทีว่าทองคำที่ครอบครองอยู่เป็นของศักดิ์สิทธิ์ และระหว่างที่ฝนตกจะมีฟ้าร้องคำรามและเกิดฟ้าผ่าบริเวณบ้านตนอย่างต่อเนื่อง จนตนและครอบครัวไม่กล้าออกจากบ้าน




“เมื่อได้ปรึกษากับญาติที่เป็นร่างทรงก็ได้รับคำแนะนำว่า ให้รีบนำทองคำไปคืนองค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช หรือกับกรมศิลปากรโดยเร็ว เพราะแผ่นทองดังกล่าวเป็นแผ่นทองคำโบราณที่ชาวพุทธต้องการนำมาถวายเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จึงชวนสามีและเพื่อนบ้านเดินทางมาจังหวัดนครศรีธรรมราช และเข้าพบสื่อมวลชนเพื่อให้ช่วยประสานการคืนแผ่นทองคำให้พระบรมธาตุเจดีย์ดังกล่าว”



ต่อมานายอาณัติ บำรุงวงศ์ ผอ.สำนักศิลปากรที่14 จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร
ได้เดินทางมาขอรับแผ่นทองคำทั้ง 6 แผ่นคืน โดยมีการบันทึกปากคำและถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับรับว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนของทางราชการเพื่อนำเงิน 55,000 บาท มาคืนให้แก่นางวรรณีในภายหลังต่อไป ทำให้นางวรรณีพอใจ เดินทางกลับไปในที่สุด.

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น