‘ครม.ปู3’ถวายสัตย์1พ.ย. พท.ผุดวอร์รูมป้องทักษิณ
1 November 2555 - 00:00
"ยิ่งลักษณ์" นำ ครม. "ปู 3" ถวายสัตย์ฯ เย็นวันที่ 1 พ.ย. วิปรัฐบาลยันศึกซักฟอกให้เวลาแค่ 2 วัน "เหลิม" ประสงค์ดี! ไม่ต้องตั้งทีมองครักษ์พิทักษ์นายกฯ รัฐศาสตรมหาบัณฑิตทางการเมือง "ปึ้งศักดิ์" อยากขึ้นเขียง ท้าประชาธิปัตย์ช่วยใส่ชื่อหน่อย รัฐมนตรีลาภลอยตั้งวอร์รูมป้องนายใหญ่ ฮึ่ม! ห้ามแตะแม้ว
เมื่อวันพุธ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งใหม่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ใหม่ ในวันที่ 1 พ.ย. เวลา 17.30 น. ที่ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
เลขาฯ ครม.คาดว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลเพื่อไปยังโรงพยาบาลศิริราช ในเวลาประมาณ 15.00-16.00 น.
ขณะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น จะมีขึ้นในวันที่ 25-26 พ.ย.นี้ โดยนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เผยว่า ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 9 พ.ย. ส่วนจะไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันใด ขึ้นอยู่กับวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายค้านจะไปตกลงกันเอง จะเป็นวันใดก็ได้ก่อนวันที่ 28 พ.ย.ซึ่งเป็นวันปิดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไป หากต้องการจะอภิปรายระหว่างวันที่ 25-26 พ.ย. ก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนวันที่ 28 พ.ย. ถ้า ส.ว.ต้องการเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ก็ไม่ขัดข้อง แล้วแต่ ส.ว.กับรัฐบาลจะไปตกลงกัน
ด้านนายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวภายหลังประชุมวิปรัฐบาลว่า ได้หารือกับวิปฝ่ายค้าน และเห็นตรงกันว่ามีเวลาที่เหมาะสมคือวันที่ 26-27 พ.ย. ซึ่งฝ่ายค้านก็พยายามที่จะบริหารเวลาให้อยู่ในกรอบการอภิปรายอย่างกระชับ เบื้องต้นขอให้กรอบการอภิปรายอยู่ภายใน 2 วัน เพราะหากไม่ทันจริงๆ ก็จะทำให้มีปัญหาในวันที่ 28 พ.ย. ต่อการปิดสมัยประชุมสมัยสามัญทั่วไป และเพื่อความรอบคอบในการทำหน้าที่กรอบระยะเวลาก็กำหนดไว้ในวันที่ 25-26 พ.ย. และลงมติในวันที่ 27 พ.ย. ส่วนวันที่ 28 พ.ย. ก็จะประสานงานให้วุฒิสภาได้อภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่ลงมติได้ แต่หากการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่สามารถเสร็จทันได้ภายใน 2 วันนั้น ก็จะให้ลงมติในช่วงเช้าวันที่ 28 พ.ย. และช่วงบ่ายให้วุฒิสภาอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ
เมื่อถามว่า การแถลงผลดำเนินการของรัฐบาลครบรอบ 1 ปี จะดำเนินการเมื่อใด นายอุดมเดชกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่เป็นฝ่ายจัดทำผลงานและเอก สาร ซึ่งหากประสานมาเมื่อใด เราก็จะนัดหมายวันอภิปรายได้
"เหลิม"ประสงค์ดี?
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาตั้งข้อสังเกตว่า นายกรัฐมนตรีต้องการจะหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาว่า เรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจตนคงไม่ต้องช่วยนายกฯ เพราะนายกฯ เป็นคนเก่งอยู่แล้ว และท่านเองก็บอกว่าพร้อมชี้แจง ตนยังมีความเชื่อลึกๆ ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจคงได้แต่วาทกรรม ตนดูแลเรื่องการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว ไปตรวจที่ใดก็ครบ แล้วจะให้ทำอย่างไร
ข้อมูลของพรรคประชาธิปัตย์จะล้มรัฐบาลได้หรือไม่ รองนายกฯ บอกว่า ไม่มี พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีข้อมูลอะไร เรื่องรับจำนำข้าวก็ให้คนไปตรวจในหลายจังหวัดก็ไม่มี ส่วนที่ จ.นครราชสีมา ก็ดำเนินคดีไปแล้ว
เขายังบอกว่า ไม่ต้องตั้งองครักษ์พิทักษ์นายกฯ เพราะนายกฯ เป็นคนเก่ง จบรัฐศาสตรบัณทิตและรัฐศาสตรมหาบัณฑิตทางการเมืองโดยตรง ไม่ใช่จบออกซ์ฟอร์ดอย่างนายอภิสิทธิ์
ซักว่านายกฯ ก็ยังใหม่ในทางการเมือง จะน่าเป็นห่วงหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ใครบอกนายกฯ ใหม่ เป็นนายกฯ มาแล้ว 1 ปี 2 เดือน เก่ง ไปห่วงนายกฯ ทำไม ท่านเป็นผู้นำประเทศ ห่วงฝ่ายค้านที่จะค้านซึม
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายตนด้วยหรือไม่ อยากท้าให้เอาเลย เดี๋ยวจะตกขบวน ฝ่ายค้านอยากอภิปรายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ต้องพุ่งเป้ามาที่ตน
"แต่ก็อยากเตือนว่า คุณก็ต้องตอบสังคมให้ได้เหมือนกัน เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือน ยินดีตอบทุกเรื่อง ทุกคำถาม เพราะได้เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ฟังตอบแล้วจะหนาว"
เขาหยามว่า ภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นคงไม่มีอะไร เพราะประชาชนไม่ให้ราคา เขารู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมืองอย่างไร
นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า นายกฯ ไม่เคยกลัวการอภิปรายของฝ่ายค้าน หากนำข้อเท็จจริงที่ไร้การปรุงแต่งมาพูด กลัวแต่ว่าจะนำเรื่องเท็จมาเป็นน้ำเป็นตัว ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีร่วม ครม.ชุดนี้ จะออกมาท้วงติง ไม่ปล่อยให้เปิดโอกาสได้ใช้พฤติกรรมกระดาษแผ่นเดียวเหมือนในอดีต รวมทั้งจะคอยจับตาการพาดพิงไปถึงบุคคลอื่นที่อยู่นอกสภา โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย
"ผมจะตั้งวอร์รูมเล็กๆ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวและกรองสถานการณ์ของฝ่ายค้าน การที่ผมมานั่งอยู่ตรงนี้ ทำให้การประสานงานง่ายขึ้น รับรองว่ามีผมอยู่นายกฯ สบายหายห่วง" รมช.มหาดไทยกล่าว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าที่ฝ่ายค้านบอกว่าอุบไต๋ข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น หรือเป็นเพราะไม่มีข้อมูล มีเพียงราคาคุยกันแน่ ตอนนี้ทราบว่ากำลังพยายามไปหาข้อมูลจากคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ จากข้าราชการ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรใหม่ กรณีที่เคยตีปี๊บเรื่องไซฟอนเงิน ทุจริตงบน้ำท่วม สุดท้ายก็แค่การกุข่าว นอกจากนี้ยังอยากฝากไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะต้องยื่นรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ แนบท้ายญัตติการอภิปรายครั้งนี้ว่า การจะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์นั้น มีความเหมาะสมและสง่างามหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้นายอภิสิทธิ์ยังถูกกล่าวหาว่าไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร ใช้เอกสารเท็จในการเข้ารับราชการ การจะซักฟอกคนอื่น ควรฟอกตัวเองให้สะอาดก่อนดี
ส.ว.ขอซักฟอกก่อน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างว่ามีภารกิจที่แจ้งล่วงหน้าไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้นั้น ตนเชื่อว่าสามารถจัดเวลาได้ เพราะวิปรัฐบาลเคยยืนยันกับตนว่า ช่วงวันที่ 25-28 พ.ย. ไม่มีภารกิจที่จะเดินทางไปต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การอ้างว่าติดภารกิจเพื่อหลีกเลี่ยงเข้าร่วมอภิปรายนั้น ไม่สามารถทำได้ และจะเป็นการพิสูจน์ว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเชื่อในระบอบประชาธิปไตยและระบบรัฐสภาหรือไม่ ภารกิจการอภิปรายไม่ไว้วางใจมีแค่ 1-2 วันต่อปี หากไม่สามารถให้ความสำคัญได้ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด
“เข้าใจว่าทำไมนายกฯ ยุคนี้ทำไม่ได้ ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงให้การเมืองมีปัญหา นำการเมืองออกจากสภาไปสู่ข้างถนนมากขึ้น ซึ่งเราก็เคยเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งก็หวังว่ารัฐบาลนี้จะไม่เป็นอย่างนั้น" นายอภิสิทธิ์ระบุ
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฟอร์บส์ถึงปัญหาเรื่องปัญหาโครงการรับจำนำข้าวว่า เกิดจากฝ่ายตรงข้ามอิจฉาเพราะโครงการดังกล่าวได้ใจคนรากหญ้านั้น ว่าเป็นสไตล์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน แต่ตอนนี้คนไทยไม่เชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ซึ่งในฐานะนักการเมืองแล้ว การที่รัฐบาลอนุมัติงบประมาณเพื่อทำโครงการแล้วประชาชนได้ประโยชน์จริงก็ยอมรับได้ แต่โครงการจำนำข้าวกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะชาวนาไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ มีการทุจริตทุกขั้นตอน ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ เชื่อว่าข้อมูลที่ฝ่ายค้านมีจะส่งผลกระเทือนต่อรัฐบาลแน่นอน แต่ท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณยังสนับสนุนให้เดินหน้าโครงการนี้อยู่ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าเขาจะมีสำนึก มีความรับผิดชอบต่อสังคมหรือไม่ หากมี ก็ต้องปรับปรุงแก้ไข” นพ.วรงค์กล่าว
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า ความคืบหน้าศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ขณะนี้ข้อมูล จำนวนรายชื่อเก้าอี้กระทรวงต่างๆ ของรัฐบาลที่จะถูกอภิปราย รวมถึงจำนวนผู้อาสาทำการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านตกผลึก และเสร็จสมบูรณ์เกือบ 100% แล้ว ในส่วนผู้ที่ถูกอภิปรายนั้น เป็นนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ที่มีปัญหาการทุจริตจากโครงการรับจำนำข้าว รวมถึงนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ที่มีพิรุธเรื่องการออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นรางวัลตอบแทน แต่ในภาพรวมบทสรุปหัวข้อการอภิปรายจะออกมาแบบใดนั้น ทางฝ่ายค้านจะประชุมเพื่อสรุปข้อมูลศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจกันอีกครั้งในช่วง 3 วันก่อนการยื่นอภิปราย
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ต่อการร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ยินดีที่จะให้ตนร่วมอภิปรายดังกล่าว แต่ขอให้มีความชัดเจนว่าจะอภิปรายในเรื่องหรือประเด็นใด เบื้องต้นตนอยู่ระหว่างตัดสินใจเลือกเรื่องที่จะอภิปราย ซึ่งขณะนี้เรื่องที่อยู่ในใจ 2 เรื่อง คือ 1.โครงการรับจำนำข้าว ที่พบว่ามีการขนข้าวมาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไม่ถูกต้อง รวมถึงการออกใบประทวน และ 2.เรื่องทำงานของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่กำกับดูงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และการปราบปรามยาเสพติด ที่พบว่าไม่ได้เป็นการดำเนินนโยบายอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ตนจะขอเวลาตัดสินใจอีก 1-2 วันว่าจะเลือกเรื่องใดเป็นเรื่องที่จะเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่วนผู้อภิปรายในส่วนของพรรครักประเทศไทยนั้น ตนจะเป็นผู้อภิปรายด้วยตนเอง
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เปิดเผยว่า มติที่ประชุมวิปวุฒิสภาไม่เห็นด้วยกับการเสนอให้วันที่ 28 พ.ย. เป็นวันอภิปรายทั่วไปคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ หลังจากนี้จะให้นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานวิปวุฒิสภา ทำหนังสือถึงรัฐบาลต่อประเด็นดังกล่าว โดยมีหลักการคือ ขอให้มีการเปิดอภิปรายก่อนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้าน และขอเวลาจำนวน 2 วัน โดยจะต้องไม่เป็นวันที่กระทบต่อภาระงานของวุฒิสภา โดยได้ยื่นกรอบเวลาให้เลือกคือวันที่ 16-17 พ.ย. หรือวันที่ 23-24 พ.ย.
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กำหนดให้ ส.ว.เหลือเพียง 1 วันคงไม่เหมาะสม เพราะจำนวนของ ส.ว.ที่จะอภิปรายมีมากกว่า 100 คน อย่างน้อยต้องให้เวลาประมาณ 2 วัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนเสื้อแดงขู่จะนำม็อบมาชนกับม็อบว่า อยากจะขอให้ทุกคนช่วยกันเฝ้าดูถ้าใครไม่ทำหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้ความรุนแรง ละเมิดกฎหมาย ก็อย่าไปร่วมมือ ทั้งนี้ อำนาจอยู่ที่คนทั้งประเทศเพราะฉะนั้นอะไรจะเกิดได้หรือไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับคนทั้งประเทศ ถ้าใครใช้นอกระบบก็อย่าไปร่วมมือ
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ห่วงกรณีที่กำลังพลจะใช้สิทธิออกไปชุมนุม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การที่กำลังพลจะออกไปร่วมชุมนุมตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญระบุไว้ แต่การเป็นทหารต้องมีวินัยควบคู่ไปด้วย ถ้าหากพูดถึงวินัยก็ไม่ให้ไป แต่ถ้าตามรัฐธรรมนูญไปได้ก็ไป แต่ถ้าหากมีเรื่องมาก็ลงโทษเพราะถือว่าผิดวินัย เพราะวินัยถือเป็นหัวใจของความเป็นทหาร
พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เปิดเผยว่าพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ออกหมายเรียกนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม มารับข้อกล่าวหาในวันที่ 7 พ.ย.นี้ ฐานยุยงให้ราษฎรเป็นกบฏ ยุยงทหารให้ก่อการปฏิวัติ และแสดงความคิดเห็นไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กรณีที่บุคคลทั้งสองออกมาแสดงความคิดเห็นอันเป็นการล้มล้างรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2556 ตามที่นายคารม พลพรกลาง ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมทีมทนายความกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าแจ้งความ.
เมื่อวันพุธ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งใหม่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ใหม่ ในวันที่ 1 พ.ย. เวลา 17.30 น. ที่ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
เลขาฯ ครม.คาดว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลเพื่อไปยังโรงพยาบาลศิริราช ในเวลาประมาณ 15.00-16.00 น.
ขณะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น จะมีขึ้นในวันที่ 25-26 พ.ย.นี้ โดยนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เผยว่า ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 9 พ.ย. ส่วนจะไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันใด ขึ้นอยู่กับวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายค้านจะไปตกลงกันเอง จะเป็นวันใดก็ได้ก่อนวันที่ 28 พ.ย.ซึ่งเป็นวันปิดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไป หากต้องการจะอภิปรายระหว่างวันที่ 25-26 พ.ย. ก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนวันที่ 28 พ.ย. ถ้า ส.ว.ต้องการเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ก็ไม่ขัดข้อง แล้วแต่ ส.ว.กับรัฐบาลจะไปตกลงกัน
ด้านนายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวภายหลังประชุมวิปรัฐบาลว่า ได้หารือกับวิปฝ่ายค้าน และเห็นตรงกันว่ามีเวลาที่เหมาะสมคือวันที่ 26-27 พ.ย. ซึ่งฝ่ายค้านก็พยายามที่จะบริหารเวลาให้อยู่ในกรอบการอภิปรายอย่างกระชับ เบื้องต้นขอให้กรอบการอภิปรายอยู่ภายใน 2 วัน เพราะหากไม่ทันจริงๆ ก็จะทำให้มีปัญหาในวันที่ 28 พ.ย. ต่อการปิดสมัยประชุมสมัยสามัญทั่วไป และเพื่อความรอบคอบในการทำหน้าที่กรอบระยะเวลาก็กำหนดไว้ในวันที่ 25-26 พ.ย. และลงมติในวันที่ 27 พ.ย. ส่วนวันที่ 28 พ.ย. ก็จะประสานงานให้วุฒิสภาได้อภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่ลงมติได้ แต่หากการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่สามารถเสร็จทันได้ภายใน 2 วันนั้น ก็จะให้ลงมติในช่วงเช้าวันที่ 28 พ.ย. และช่วงบ่ายให้วุฒิสภาอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ
เมื่อถามว่า การแถลงผลดำเนินการของรัฐบาลครบรอบ 1 ปี จะดำเนินการเมื่อใด นายอุดมเดชกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่เป็นฝ่ายจัดทำผลงานและเอก สาร ซึ่งหากประสานมาเมื่อใด เราก็จะนัดหมายวันอภิปรายได้
"เหลิม"ประสงค์ดี?
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาตั้งข้อสังเกตว่า นายกรัฐมนตรีต้องการจะหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาว่า เรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจตนคงไม่ต้องช่วยนายกฯ เพราะนายกฯ เป็นคนเก่งอยู่แล้ว และท่านเองก็บอกว่าพร้อมชี้แจง ตนยังมีความเชื่อลึกๆ ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจคงได้แต่วาทกรรม ตนดูแลเรื่องการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว ไปตรวจที่ใดก็ครบ แล้วจะให้ทำอย่างไร
ข้อมูลของพรรคประชาธิปัตย์จะล้มรัฐบาลได้หรือไม่ รองนายกฯ บอกว่า ไม่มี พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีข้อมูลอะไร เรื่องรับจำนำข้าวก็ให้คนไปตรวจในหลายจังหวัดก็ไม่มี ส่วนที่ จ.นครราชสีมา ก็ดำเนินคดีไปแล้ว
เขายังบอกว่า ไม่ต้องตั้งองครักษ์พิทักษ์นายกฯ เพราะนายกฯ เป็นคนเก่ง จบรัฐศาสตรบัณทิตและรัฐศาสตรมหาบัณฑิตทางการเมืองโดยตรง ไม่ใช่จบออกซ์ฟอร์ดอย่างนายอภิสิทธิ์
ซักว่านายกฯ ก็ยังใหม่ในทางการเมือง จะน่าเป็นห่วงหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ใครบอกนายกฯ ใหม่ เป็นนายกฯ มาแล้ว 1 ปี 2 เดือน เก่ง ไปห่วงนายกฯ ทำไม ท่านเป็นผู้นำประเทศ ห่วงฝ่ายค้านที่จะค้านซึม
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายตนด้วยหรือไม่ อยากท้าให้เอาเลย เดี๋ยวจะตกขบวน ฝ่ายค้านอยากอภิปรายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ต้องพุ่งเป้ามาที่ตน
"แต่ก็อยากเตือนว่า คุณก็ต้องตอบสังคมให้ได้เหมือนกัน เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือน ยินดีตอบทุกเรื่อง ทุกคำถาม เพราะได้เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ฟังตอบแล้วจะหนาว"
เขาหยามว่า ภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นคงไม่มีอะไร เพราะประชาชนไม่ให้ราคา เขารู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมืองอย่างไร
นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า นายกฯ ไม่เคยกลัวการอภิปรายของฝ่ายค้าน หากนำข้อเท็จจริงที่ไร้การปรุงแต่งมาพูด กลัวแต่ว่าจะนำเรื่องเท็จมาเป็นน้ำเป็นตัว ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีร่วม ครม.ชุดนี้ จะออกมาท้วงติง ไม่ปล่อยให้เปิดโอกาสได้ใช้พฤติกรรมกระดาษแผ่นเดียวเหมือนในอดีต รวมทั้งจะคอยจับตาการพาดพิงไปถึงบุคคลอื่นที่อยู่นอกสภา โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย
"ผมจะตั้งวอร์รูมเล็กๆ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวและกรองสถานการณ์ของฝ่ายค้าน การที่ผมมานั่งอยู่ตรงนี้ ทำให้การประสานงานง่ายขึ้น รับรองว่ามีผมอยู่นายกฯ สบายหายห่วง" รมช.มหาดไทยกล่าว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าที่ฝ่ายค้านบอกว่าอุบไต๋ข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น หรือเป็นเพราะไม่มีข้อมูล มีเพียงราคาคุยกันแน่ ตอนนี้ทราบว่ากำลังพยายามไปหาข้อมูลจากคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ จากข้าราชการ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรใหม่ กรณีที่เคยตีปี๊บเรื่องไซฟอนเงิน ทุจริตงบน้ำท่วม สุดท้ายก็แค่การกุข่าว นอกจากนี้ยังอยากฝากไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะต้องยื่นรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ แนบท้ายญัตติการอภิปรายครั้งนี้ว่า การจะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์นั้น มีความเหมาะสมและสง่างามหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้นายอภิสิทธิ์ยังถูกกล่าวหาว่าไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร ใช้เอกสารเท็จในการเข้ารับราชการ การจะซักฟอกคนอื่น ควรฟอกตัวเองให้สะอาดก่อนดี
ส.ว.ขอซักฟอกก่อน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างว่ามีภารกิจที่แจ้งล่วงหน้าไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้นั้น ตนเชื่อว่าสามารถจัดเวลาได้ เพราะวิปรัฐบาลเคยยืนยันกับตนว่า ช่วงวันที่ 25-28 พ.ย. ไม่มีภารกิจที่จะเดินทางไปต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การอ้างว่าติดภารกิจเพื่อหลีกเลี่ยงเข้าร่วมอภิปรายนั้น ไม่สามารถทำได้ และจะเป็นการพิสูจน์ว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเชื่อในระบอบประชาธิปไตยและระบบรัฐสภาหรือไม่ ภารกิจการอภิปรายไม่ไว้วางใจมีแค่ 1-2 วันต่อปี หากไม่สามารถให้ความสำคัญได้ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด
“เข้าใจว่าทำไมนายกฯ ยุคนี้ทำไม่ได้ ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงให้การเมืองมีปัญหา นำการเมืองออกจากสภาไปสู่ข้างถนนมากขึ้น ซึ่งเราก็เคยเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งก็หวังว่ารัฐบาลนี้จะไม่เป็นอย่างนั้น" นายอภิสิทธิ์ระบุ
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฟอร์บส์ถึงปัญหาเรื่องปัญหาโครงการรับจำนำข้าวว่า เกิดจากฝ่ายตรงข้ามอิจฉาเพราะโครงการดังกล่าวได้ใจคนรากหญ้านั้น ว่าเป็นสไตล์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน แต่ตอนนี้คนไทยไม่เชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ซึ่งในฐานะนักการเมืองแล้ว การที่รัฐบาลอนุมัติงบประมาณเพื่อทำโครงการแล้วประชาชนได้ประโยชน์จริงก็ยอมรับได้ แต่โครงการจำนำข้าวกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะชาวนาไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ มีการทุจริตทุกขั้นตอน ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ เชื่อว่าข้อมูลที่ฝ่ายค้านมีจะส่งผลกระเทือนต่อรัฐบาลแน่นอน แต่ท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณยังสนับสนุนให้เดินหน้าโครงการนี้อยู่ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าเขาจะมีสำนึก มีความรับผิดชอบต่อสังคมหรือไม่ หากมี ก็ต้องปรับปรุงแก้ไข” นพ.วรงค์กล่าว
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า ความคืบหน้าศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ขณะนี้ข้อมูล จำนวนรายชื่อเก้าอี้กระทรวงต่างๆ ของรัฐบาลที่จะถูกอภิปราย รวมถึงจำนวนผู้อาสาทำการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านตกผลึก และเสร็จสมบูรณ์เกือบ 100% แล้ว ในส่วนผู้ที่ถูกอภิปรายนั้น เป็นนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ที่มีปัญหาการทุจริตจากโครงการรับจำนำข้าว รวมถึงนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ที่มีพิรุธเรื่องการออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นรางวัลตอบแทน แต่ในภาพรวมบทสรุปหัวข้อการอภิปรายจะออกมาแบบใดนั้น ทางฝ่ายค้านจะประชุมเพื่อสรุปข้อมูลศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจกันอีกครั้งในช่วง 3 วันก่อนการยื่นอภิปราย
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ต่อการร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ยินดีที่จะให้ตนร่วมอภิปรายดังกล่าว แต่ขอให้มีความชัดเจนว่าจะอภิปรายในเรื่องหรือประเด็นใด เบื้องต้นตนอยู่ระหว่างตัดสินใจเลือกเรื่องที่จะอภิปราย ซึ่งขณะนี้เรื่องที่อยู่ในใจ 2 เรื่อง คือ 1.โครงการรับจำนำข้าว ที่พบว่ามีการขนข้าวมาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไม่ถูกต้อง รวมถึงการออกใบประทวน และ 2.เรื่องทำงานของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่กำกับดูงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และการปราบปรามยาเสพติด ที่พบว่าไม่ได้เป็นการดำเนินนโยบายอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ตนจะขอเวลาตัดสินใจอีก 1-2 วันว่าจะเลือกเรื่องใดเป็นเรื่องที่จะเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่วนผู้อภิปรายในส่วนของพรรครักประเทศไทยนั้น ตนจะเป็นผู้อภิปรายด้วยตนเอง
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เปิดเผยว่า มติที่ประชุมวิปวุฒิสภาไม่เห็นด้วยกับการเสนอให้วันที่ 28 พ.ย. เป็นวันอภิปรายทั่วไปคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ หลังจากนี้จะให้นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานวิปวุฒิสภา ทำหนังสือถึงรัฐบาลต่อประเด็นดังกล่าว โดยมีหลักการคือ ขอให้มีการเปิดอภิปรายก่อนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้าน และขอเวลาจำนวน 2 วัน โดยจะต้องไม่เป็นวันที่กระทบต่อภาระงานของวุฒิสภา โดยได้ยื่นกรอบเวลาให้เลือกคือวันที่ 16-17 พ.ย. หรือวันที่ 23-24 พ.ย.
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กำหนดให้ ส.ว.เหลือเพียง 1 วันคงไม่เหมาะสม เพราะจำนวนของ ส.ว.ที่จะอภิปรายมีมากกว่า 100 คน อย่างน้อยต้องให้เวลาประมาณ 2 วัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนเสื้อแดงขู่จะนำม็อบมาชนกับม็อบว่า อยากจะขอให้ทุกคนช่วยกันเฝ้าดูถ้าใครไม่ทำหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้ความรุนแรง ละเมิดกฎหมาย ก็อย่าไปร่วมมือ ทั้งนี้ อำนาจอยู่ที่คนทั้งประเทศเพราะฉะนั้นอะไรจะเกิดได้หรือไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับคนทั้งประเทศ ถ้าใครใช้นอกระบบก็อย่าไปร่วมมือ
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ห่วงกรณีที่กำลังพลจะใช้สิทธิออกไปชุมนุม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การที่กำลังพลจะออกไปร่วมชุมนุมตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญระบุไว้ แต่การเป็นทหารต้องมีวินัยควบคู่ไปด้วย ถ้าหากพูดถึงวินัยก็ไม่ให้ไป แต่ถ้าตามรัฐธรรมนูญไปได้ก็ไป แต่ถ้าหากมีเรื่องมาก็ลงโทษเพราะถือว่าผิดวินัย เพราะวินัยถือเป็นหัวใจของความเป็นทหาร
พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เปิดเผยว่าพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ออกหมายเรียกนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม มารับข้อกล่าวหาในวันที่ 7 พ.ย.นี้ ฐานยุยงให้ราษฎรเป็นกบฏ ยุยงทหารให้ก่อการปฏิวัติ และแสดงความคิดเห็นไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กรณีที่บุคคลทั้งสองออกมาแสดงความคิดเห็นอันเป็นการล้มล้างรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2556 ตามที่นายคารม พลพรกลาง ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมทีมทนายความกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าแจ้งความ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น