หน้าเว็บ

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"ม.เที่ยงคืน" อัด เพื่อไทย เลิกบิดเบือนสุดซอย ดีแต่รับใช้ "นายใหญ" เอาปัญหาซุกพรม( 30 ต.ค.56)



"ม.เที่ยงคืน" อัด เพื่อไทย เลิกบิดเบือนสุดซอย ดีแต่รับใช้ "นายใหญ" เอาปัญหาซุกพรม
             ม.เที่ยงคืน แถลง พท.บิดเบือนกม.นิรโทษกรรม พร้อมหยุดตระบัดสัตย์  ทำให้ทุกฝ่ายพ้นความผิด  เอาแต่รับใช้ "นายใหญ่"  และเอาปัญหาไปซุกพรม     
  
          วันนี้ ( 30 ต.ค.56) มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ได้เผยแพร่แถลงการณ์ เรื่อง หยุดการบิดเบือนกฎหมายนิรโทษกรรม หยุดการตระบัดสัตย์ของพรรคเพื่อไทย โดยมีเนื้อหาระบุว่า การแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรมที่กำลังบังเกิดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของพรรคเพื่อไทยนับว่าเป็นการกระทำที่ “บิดเบือน” ต่อหลักการสำคัญของกฎหมายนิรโทษกรรมที่ได้มีการนำเสนอไว้ในวาระแรกอย่างแจ้งชัด ความเร่งรีบต่อการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวก็ยิ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษอันบิดเบี้ยวฉบับนี้อย่างไม่อาจปฏิเสธ
          กฎหมายนิรโทษกรรมเป็นส่วนหนึ่งที่มีความจำเป็นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ประเด็นสำคัญของกฎหมายนิรโทษกรรมซึ่งพอจะเป็นที่ยอมรับกันได้อย่างกว้างขวางในชั้นต้นก็คือ การนิรโทษกรรมให้แก่บรรดามวลชนที่เข้าร่วมการชุมนุมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดหรือสีใดก็ตาม ซึ่งก็ได้เป็นส่วนสำคัญของร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่เสนอในวาระแรกโดย ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยเอง รวมทั้งการยืนยันว่าจะไม่มีการนิรโทษกรรมให้แก่บรรดาผู้นำ ผู้สั่งการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ได้กระทำความผิดอย่างรุนแรงต่อการทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตของประชาชนขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อมาสู่การพิจารณาในวาระที่สอง พรรคเพื่อไทยก็ได้ปฏิบัติการ “ตระบัดสัตย์” ต่อหลักการที่นำเสนอมา ดังนั้นมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน มีความเห็นต่อกรณีดังกล่าว ดังต่อไปนี้
          1.การออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งซึ่งทำให้บุคคลทุกฝ่ายพ้นไปจากความผิด จะเป็นการกระทำที่ทำให้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยถูกซุกเข้าไปอยู่ใต้พรมอีกครั้งหนึ่ง นอกจากจะทำให้บุคคลซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามสามารถลอยนวลไปจากความผิดแล้ว สังคมไทยจะไม่ได้เรียนรู้ว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผ่านมาบังเกิดขึ้นได้อย่างไร และโดยกระบวนการอย่างไร และใครบ้างที่ควรจะเป็นผู้รับผิดชอบ อันจะเป็นประเด็นสำคัญต่อการทำความเข้าใจและนำไปสู่การพยายามป้องกันไม่ให้ความรุนแรงได้บังเกิดซ้ำรอยขึ้นอีกในอนาคต
          2.แม้กฎหมายนิรโทษกรรมอยู่ในอำนาจทางการเมืองของฝ่ายนิติบัญญัติก็ตาม แต่การใช้อำนาจในทางการเมืองก็ต้องตระหนักถึงผลกระทบที่จะติดตามมาจากการใช้อำนาจดังกล่าว ซึ่งกรณีการบิดเบือนกฎหมายนิรโทษกรรมโดยพรรคเพื่อไทยนั้นเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจนว่ากำลังสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงการไม่เห็นด้วยในหมู่ญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ บรรดาแกนนำหรือนักการเมืองฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ก็ต่างพร้อมเข้าสู่กระบวนการพิจาณาคดีเพื่อให้ความจริงปรากฏ ความพยายามในการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งของพรรคเพื่อไทยจึงไม่อาจถูกมองไปเป็นอย่างอื่นได้นอกจากการมุ่งรับใช้ “นายใหญ่” แบบไม่ลืมหูลืมหา กระทั่งไม่สนใจว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าวจะสร้างผลเสียเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด
          3.แม้ว่าฝ่ายเสื้อแดงจำนวนหนึ่งอาจไม่อยากแสดงความขัดแย้งต่อพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีความเห็นว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพันธมิตรกับฝ่ายตนเองมากกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ แต่ต้องพึงตระหนักว่าการจะสัมพันธ์กับพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดๆ ก็ตาม พรรคการเมืองก็จะต้องรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของบุคคลผู้ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรค หากพรรคการเมืองใดตัดสินใจดำเนินนโยบายของตนไปโดยเห็นแก่ผู้มีอำนาจภายในพรรคและไม่เห็นหัวฐานเสียงของพรรค ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องให้การสนับสนุนพรรคดังกล่าวต่อไป
          มวลชนคนเสื้อแดงควรต้องตระหนักว่าพรรคเพื่อไทยก็จะอยู่ในภาวะเฉกเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองอื่นๆ หากยังคงดำเนินการไปในลักษณะที่ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อเสียงเรียกร้องที่ได้บังเกิดขึ้น ทั้งต้องตระหนักว่าการปกป้องระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่การปกป้องพรรคเพื่อไทย หากมวลชนคนเสื้อแดงไม่สามารถกดดันให้พรรคเพื่อไทยทำการแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรมได้ก็แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยก็พร้อมจะทิ้งกลุ่มที่เป็นมวลชนของพรรคไปได้อย่างง่ายดายเช่นกัน พรรคการเมืองเช่นนี้ย่อมไม่สามารถฝากความหวังต่อการพัฒนาประชาธิปไตยต่อไปได้อย่างแน่นอน
          มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่ตระหนักถึงความจำเป็นของการออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้ร่วมกันกดดันและปฏิบัติการเพื่อยุติการบิดเบือนกฎหมายนิรโทษกรรมและการตระบัดสัตย์ของพรรคเพื่อไทย ด้วยการแสดงความเห็นคัดค้านและถอนตัวจากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย เพื่อเป็นการแสดงถึง “อำนาจ” ของประชาชนในการกำกับนโยบายและทิศทางของพรรคการเมือง ทั้งนี้จะไม่เพียงเป็นการสั่งสอนพรรคเพื่อไทยเท่านั้น หากยังจะเป็นบทเรียนให้กับพรรคการเมืองอื่นๆ ได้ตระหนักต่อไปถึงความสำคัญของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมืองต่อไปในวันข้างหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น