แดงซักฟอกแม้ว ตระบัดสัตย์ทำ‘ตู่’ชวดรมต.-เซาะกราวลั่นถามต่อหน้า
1 November 2555 - 00:00
ไพร่แดงอารมณ์ค้าง ยกก๊วนให้กำลังใจ "จตุพร" ถึงบ้านพัก ลั่นเป็นนักรบอยากให้พวกห้องแอร์ได้รับรู้ เจ้าตัวไม่อยากจดจำ ให้ลืมๆ ไปซะ "จ่าประสิทธิ์" ไม่กลัวเงาหัวขาด เฉ่ง "ทักษิณ" ลืมคำพูด เจอหน้าจะถามเหตุ "ตู่" วืดเก้าอี้ รมต. รับสภาพใครก้าวออกจากนายใหญ่ไปไม่รอด ศาลยกฟ้อง "โปรแกรมเมอร์" ไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพ์-ม.112
หลังจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับนายจตุพร และมวลชนคนเสื้อแดง ล่าสุด เมื่อบ่ายวันที่ 31 ตุลาคม มวลชนเสื้อแดงในนามกลุ่มนักรบพระองค์ดำ จากจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 50 คน นำโดยนายบุญเลิศ เรืองทิม ได้เดินทางมาให้กำลังใจนายจตุพรถึงบ้านพักย่านซอยวัชรพล โดยนายบุญเลิศ ได้นำพระพุทธรูปปางมารสะดุ้งมามอบให้นายจตุพรด้วย
นายบุญเลิศกล่าวว่า การมอบพระพุทธรูปปางมารสะดุ้ง เพื่อให้คนที่ขัดขวางนายจตุพรได้รู้สึกตัวบ้าง กลุ่มต่อสู้ร่วมกับนายจตุพรเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ถ้าไม่สู้ด้วยใจ คงไม่มากันถึงขนาดนี้ แม้นายจตุพรจะไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี แต่นายจตุพรก็ได้หัวใจคนเสื้อแดง
ขณะที่นางสุวรรณ ไพบูลย์ เสื้อแดงพิษณุโลก ที่ร่วมเดินทางมาตั้งแต่ตีสี่ ได้ขอหอมแก้มนายจตุพรเพื่อให้กำลังใจ ก่อนกล่าวว่า พวกเราน้อยใจลึกๆ ที่ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยไม่แต่งตั้งนายจตุพรเป็นรัฐมนตรี ถือว่าช็อกความรู้สึก การจะมามอบตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ถือเป็นตำแหน่งต่ำต้อย ไม่เหมาะกับนายจตุพร ควรให้ตำแหน่งที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่แค่ที่ปรึกษา ซึ่งดีแล้วที่นายจตุพรไม่รับตำแหน่ง ไม่ต้องไปกินเงินเดือนตำแหน่งพวกนี้ แต่ยินดีให้มากินเงินเดือนพี่น้องเสื้อแดงดีกว่า
"คุณตู่เปรียบเหมือนมังกร ควรได้ตำแหน่ง ไม่ใช่แค่ตำแหน่งที่ปรึกษา มท. พวกเราเป็นนักรบ จึงอยากบอกให้พวกในห้องแอร์ได้รับรู้" นางสุวรรณกล่าว
ด้านนายจตุพรกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่อยากจดจำ ขอให้ทุกอย่างลืมๆ ไปซะ เพราะไม่ได้ต้องการตำแหน่ง ให้เป็นคนเสื้อแดงก็มีความสุขพอแล้ว
ที่รัฐสภา จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า ยังจำได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โฟนอินมายังคอนเสิร์ตคนเสื้อแดง เมื่อ 25ก.พ. ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ บอกรอบหน้านายจตุพรได้เป็นรัฐมนตรีแน่นอน และคำพูดวันนั้นก็ถูกเผยแพร่ออกไปทั่ว เมื่อแต่งตั้ง ครม.ออกมาจริงๆ กลับไม่มีชื่อนายจตุพร ก็เหมือนเกิดความเสียหาย เพราะคนเรามีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แม้การปรับครม.เป็นอำนาจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย เป็นพวกเดียวกัน
"คำพูดวันนั้นทำให้คนเสื้อแดงมีความหวัง เมื่อนายจตุพร ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี มีคนเสื้อแดงโทรศัพท์มาหาผมเป็นจำนวนมาก ก็ตอบแทนไม่ได้ บอกเพียงการปรับ ครม.เป็นอำนาจนายกฯ หากมีโอกาสเจอ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปสอบถามเรื่องนี้ ซึ่งทราบมาว่าเร็วๆ นี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะมาเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า หากมีโอกาสก็อยากไปหาท่าน พร้อมทั้งสอบถามเรื่องดังกล่าวให้คนเสื้อแดงด้วย" จ.ส.ต.ประสิทธิ์กล่าว และว่า อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ออกมาชี้แจงให้มากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้ทำให้คนเสื้อแดงน้อยใจ แล้วจะไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์กล่าวว่า คนไทยโกรธง่าย หายเร็ว หากถึงวันนั้นจริงก็ไม่มีทางเลือก คนเสื้อแดงก็มาเลือกพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม เพราะคนเสื้อแดงยึดประโยชน์ส่วนรวม
เมื่อถามถึงกรณีนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ ขู่ว่าหากอีก 4 ปีเอาทักษิณกลับบ้านไม่ได้ เลือกตั้งรอบหน้าจะไม่ให้คนเสื้อแดงสนับสนุนพรรคอีก จ.ส.ต.ประสิทธิ์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับบ้านได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่รัฐบาลและคนเสื้อแดงเท่านั้น แต่อยู่ที่กฎหมาย เมื่อเราดูตามสถานการณ์ หากคนส่วนหนึ่งยังไม่เห็นด้วย เราก็ต้องหยุดไว้ก่อน แต่ก็ยังเชื่อว่าท่านคงจะได้กลับบ้านแน่นอน
ส่วนที่มีการเสนอให้เสื้อแดงแยกตัวไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์กล่าวว่า การตั้งพรรคไม่ง่าย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เคยออกไปตั้งพรรค ยังไปไม่รอดเลย พรรคของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ก็แทบแย่ เรื่องตั้งพรรคคนเสื้อแดงต้องระมัดระวัง ไม่ใช่ไม่พอใจ พ.ต.ท. ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย แล้วออกไปตั้งพรรคเอง มันไม่ง่าย ไม่ใช่โกรธที่นายจตุพรไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้วไปตั้งพรรค
"ใครที่คิดก้าวออกจากทักษิณ ก้าวได้ไม่กี่ก้าวก็ไม่รอดแล้ว เรื่องนายจตุพร มั่นใจจะไม่ส่งผลต่อคนเสื้อแดง อย่าลืมคนไทยโกรธง่ายหายเร็ว" จ.ส.ต.ประสิทธิ์กล่าว
ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ฟ้องนายประสงค์ มณีอินทร์ กับนายโกวิทย์ แย้มประเสริฐ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยที่ 1-2 ร่วมกัน สรุปว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2553 จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันชุมนุมตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และมั่วสุมขณะที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยจำเลยที่ 1 ขับรถกระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ ทะเบียน ปว 2816 กรุงเทพมหานคร โดยจำเลยที่ 2 นั่งไปด้วย เข้าไปในเส้นทางที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จำเลยทั้งสองร่วมกันมีวัตถุระเบิดและเครื่องวิทยุคมนาคมชนิดมือถือโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาวัตถุระเบิดและอาวุธต่างๆ ไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันสมควร และยังงัดประตูร้านค้าเซเว่น-อีเลฟเว่น เข้าไปลักทรัพย์รวม 60 รายการ เป็นเงิน 38,251 บาท
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เป็นเวลาคนละ 8 เดือน ฐานร่วมกันลักทรัพย์ด้วยการทำลายสิ่งกีดกั้น จำคุกคนละ 5 ปี ฐานมีวัตถุระเบิด จำคุกคนละ 6 ปี ฐานมีวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาตปรับ 6,000 บาท และพาอาวุธไปในที่สาธารณะ ปรับ 100 บาท รวมจำคุกจำเลยทั้งสองเป็นเวลา 11 ปี 8 เดือน ปรับคนละ 6,100 บาท และให้ริบของกลาง
ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาแก้ในส่วนความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ ให้เป็นร่วมกันรับของโจรจำคุกคนละ 3 ปี ให้ยกฟ้องข้อหาร่วมกันใช้ยานพาหนะฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหน้าที่ เข้าไปในสถานที่หวงห้าม ส่วนข้อหาอื่นให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น เมื่อรวมโทษจำเลยทั้งสองแล้วคงจำคุก 9 ปี 4 เดือน ปรับ 61,00 บาท ส่วนรถยนต์ที่ริบไว้เป็นของกลาง เนื่องจากเป็นข้อหารับของโจร จึงคืนให้กับเจ้าของ
ขณะเดียวกัน ที่ห้องพิจารณา 804 ศาลอาญา ถ.รัชดาฯ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นเบื้องสูง ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสุรศักดิ์ หรือสุรภักดิ์ ภูไชยแสง หรือภูไชยแสน หรือภูไชแสง อายุ 41 ปี โปรแกรมเมอร์อิสระ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตามประมวลกฎหมายกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14, 17
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์-จำเลย แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรค 2 พิพากษาให้ยกฟ้องจำเลย
ภายหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว นายสุรศักดิ์ซึ่งระหว่างการพิจารณาคดีนี้ไม่เคยได้รับการประกันตัว ถึงกับหันมายิ้มแสดงความดีใจและจับมือกับกลุ่มญาติและเพื่อนจำนวนหนึ่ง ที่มาร่วมให้กำลังใจ.
หลังจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับนายจตุพร และมวลชนคนเสื้อแดง ล่าสุด เมื่อบ่ายวันที่ 31 ตุลาคม มวลชนเสื้อแดงในนามกลุ่มนักรบพระองค์ดำ จากจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 50 คน นำโดยนายบุญเลิศ เรืองทิม ได้เดินทางมาให้กำลังใจนายจตุพรถึงบ้านพักย่านซอยวัชรพล โดยนายบุญเลิศ ได้นำพระพุทธรูปปางมารสะดุ้งมามอบให้นายจตุพรด้วย
นายบุญเลิศกล่าวว่า การมอบพระพุทธรูปปางมารสะดุ้ง เพื่อให้คนที่ขัดขวางนายจตุพรได้รู้สึกตัวบ้าง กลุ่มต่อสู้ร่วมกับนายจตุพรเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ถ้าไม่สู้ด้วยใจ คงไม่มากันถึงขนาดนี้ แม้นายจตุพรจะไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี แต่นายจตุพรก็ได้หัวใจคนเสื้อแดง
ขณะที่นางสุวรรณ ไพบูลย์ เสื้อแดงพิษณุโลก ที่ร่วมเดินทางมาตั้งแต่ตีสี่ ได้ขอหอมแก้มนายจตุพรเพื่อให้กำลังใจ ก่อนกล่าวว่า พวกเราน้อยใจลึกๆ ที่ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยไม่แต่งตั้งนายจตุพรเป็นรัฐมนตรี ถือว่าช็อกความรู้สึก การจะมามอบตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ถือเป็นตำแหน่งต่ำต้อย ไม่เหมาะกับนายจตุพร ควรให้ตำแหน่งที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่แค่ที่ปรึกษา ซึ่งดีแล้วที่นายจตุพรไม่รับตำแหน่ง ไม่ต้องไปกินเงินเดือนตำแหน่งพวกนี้ แต่ยินดีให้มากินเงินเดือนพี่น้องเสื้อแดงดีกว่า
"คุณตู่เปรียบเหมือนมังกร ควรได้ตำแหน่ง ไม่ใช่แค่ตำแหน่งที่ปรึกษา มท. พวกเราเป็นนักรบ จึงอยากบอกให้พวกในห้องแอร์ได้รับรู้" นางสุวรรณกล่าว
ด้านนายจตุพรกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่อยากจดจำ ขอให้ทุกอย่างลืมๆ ไปซะ เพราะไม่ได้ต้องการตำแหน่ง ให้เป็นคนเสื้อแดงก็มีความสุขพอแล้ว
ที่รัฐสภา จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า ยังจำได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โฟนอินมายังคอนเสิร์ตคนเสื้อแดง เมื่อ 25ก.พ. ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ บอกรอบหน้านายจตุพรได้เป็นรัฐมนตรีแน่นอน และคำพูดวันนั้นก็ถูกเผยแพร่ออกไปทั่ว เมื่อแต่งตั้ง ครม.ออกมาจริงๆ กลับไม่มีชื่อนายจตุพร ก็เหมือนเกิดความเสียหาย เพราะคนเรามีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แม้การปรับครม.เป็นอำนาจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย เป็นพวกเดียวกัน
"คำพูดวันนั้นทำให้คนเสื้อแดงมีความหวัง เมื่อนายจตุพร ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี มีคนเสื้อแดงโทรศัพท์มาหาผมเป็นจำนวนมาก ก็ตอบแทนไม่ได้ บอกเพียงการปรับ ครม.เป็นอำนาจนายกฯ หากมีโอกาสเจอ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปสอบถามเรื่องนี้ ซึ่งทราบมาว่าเร็วๆ นี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะมาเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า หากมีโอกาสก็อยากไปหาท่าน พร้อมทั้งสอบถามเรื่องดังกล่าวให้คนเสื้อแดงด้วย" จ.ส.ต.ประสิทธิ์กล่าว และว่า อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ออกมาชี้แจงให้มากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้ทำให้คนเสื้อแดงน้อยใจ แล้วจะไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์กล่าวว่า คนไทยโกรธง่าย หายเร็ว หากถึงวันนั้นจริงก็ไม่มีทางเลือก คนเสื้อแดงก็มาเลือกพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม เพราะคนเสื้อแดงยึดประโยชน์ส่วนรวม
เมื่อถามถึงกรณีนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ ขู่ว่าหากอีก 4 ปีเอาทักษิณกลับบ้านไม่ได้ เลือกตั้งรอบหน้าจะไม่ให้คนเสื้อแดงสนับสนุนพรรคอีก จ.ส.ต.ประสิทธิ์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับบ้านได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่รัฐบาลและคนเสื้อแดงเท่านั้น แต่อยู่ที่กฎหมาย เมื่อเราดูตามสถานการณ์ หากคนส่วนหนึ่งยังไม่เห็นด้วย เราก็ต้องหยุดไว้ก่อน แต่ก็ยังเชื่อว่าท่านคงจะได้กลับบ้านแน่นอน
ส่วนที่มีการเสนอให้เสื้อแดงแยกตัวไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ จ.ส.ต.ประสิทธิ์กล่าวว่า การตั้งพรรคไม่ง่าย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เคยออกไปตั้งพรรค ยังไปไม่รอดเลย พรรคของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ก็แทบแย่ เรื่องตั้งพรรคคนเสื้อแดงต้องระมัดระวัง ไม่ใช่ไม่พอใจ พ.ต.ท. ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย แล้วออกไปตั้งพรรคเอง มันไม่ง่าย ไม่ใช่โกรธที่นายจตุพรไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้วไปตั้งพรรค
"ใครที่คิดก้าวออกจากทักษิณ ก้าวได้ไม่กี่ก้าวก็ไม่รอดแล้ว เรื่องนายจตุพร มั่นใจจะไม่ส่งผลต่อคนเสื้อแดง อย่าลืมคนไทยโกรธง่ายหายเร็ว" จ.ส.ต.ประสิทธิ์กล่าว
ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ฟ้องนายประสงค์ มณีอินทร์ กับนายโกวิทย์ แย้มประเสริฐ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยที่ 1-2 ร่วมกัน สรุปว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2553 จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันชุมนุมตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และมั่วสุมขณะที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยจำเลยที่ 1 ขับรถกระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ ทะเบียน ปว 2816 กรุงเทพมหานคร โดยจำเลยที่ 2 นั่งไปด้วย เข้าไปในเส้นทางที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จำเลยทั้งสองร่วมกันมีวัตถุระเบิดและเครื่องวิทยุคมนาคมชนิดมือถือโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาวัตถุระเบิดและอาวุธต่างๆ ไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันสมควร และยังงัดประตูร้านค้าเซเว่น-อีเลฟเว่น เข้าไปลักทรัพย์รวม 60 รายการ เป็นเงิน 38,251 บาท
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เป็นเวลาคนละ 8 เดือน ฐานร่วมกันลักทรัพย์ด้วยการทำลายสิ่งกีดกั้น จำคุกคนละ 5 ปี ฐานมีวัตถุระเบิด จำคุกคนละ 6 ปี ฐานมีวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาตปรับ 6,000 บาท และพาอาวุธไปในที่สาธารณะ ปรับ 100 บาท รวมจำคุกจำเลยทั้งสองเป็นเวลา 11 ปี 8 เดือน ปรับคนละ 6,100 บาท และให้ริบของกลาง
ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาแก้ในส่วนความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ ให้เป็นร่วมกันรับของโจรจำคุกคนละ 3 ปี ให้ยกฟ้องข้อหาร่วมกันใช้ยานพาหนะฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหน้าที่ เข้าไปในสถานที่หวงห้าม ส่วนข้อหาอื่นให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น เมื่อรวมโทษจำเลยทั้งสองแล้วคงจำคุก 9 ปี 4 เดือน ปรับ 61,00 บาท ส่วนรถยนต์ที่ริบไว้เป็นของกลาง เนื่องจากเป็นข้อหารับของโจร จึงคืนให้กับเจ้าของ
ขณะเดียวกัน ที่ห้องพิจารณา 804 ศาลอาญา ถ.รัชดาฯ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นเบื้องสูง ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสุรศักดิ์ หรือสุรภักดิ์ ภูไชยแสง หรือภูไชยแสน หรือภูไชแสง อายุ 41 ปี โปรแกรมเมอร์อิสระ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตามประมวลกฎหมายกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14, 17
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์-จำเลย แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรค 2 พิพากษาให้ยกฟ้องจำเลย
ภายหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว นายสุรศักดิ์ซึ่งระหว่างการพิจารณาคดีนี้ไม่เคยได้รับการประกันตัว ถึงกับหันมายิ้มแสดงความดีใจและจับมือกับกลุ่มญาติและเพื่อนจำนวนหนึ่ง ที่มาร่วมให้กำลังใจ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น