วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

"พล.ท.ชาญชัย"เรียกถกผู้ว่าฯอีสาน 11 จังหวัด รับมือสถานการณ์ความรุนแรงการเมือง เร่งทำความเข้าใจประชาชน เมื่อ 27 ก.พ.57



"พล.ท.ชาญชัย"เรียกถกผู้ว่าฯอีสาน 11 จังหวัด รับมือสถานการณ์ความรุนแรงการเมือง เร่งทำความเข้าใจประชาชน
รายงานข่าวแจ้งว่าพล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.ภาคที่ 2 ) ได้เรียกผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ได้แก่ กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, นครพนม, มหาสารคาม, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู, อุดรธานี และ จ.เลย ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.จังหวัด ประชุมหารือร่วมกันที่ จ.ขอนแก่น ตามนโยบายและคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรอง ผอ.รมน. ที่มีคำสั่งให้ขอให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยกันติดตาม สอดส่องการยุยงปลุกปั่นให้คนในสังคมเพิ่มความเกลียดชัง แบ่งฝ่าย บางครั้งเลยเถิดพาดพิงสถาบัน
เพราะยิ่งจะทำให้ความขัดแย้งลุกลามขยายขอบเขตออกไปเป็นวงกว้าง อันเป็นการเพิ่มปัญหาใหม่ขึ้นมาทับซ้อนกับปัญหาทางการเมืองที่มีอยู่แล้ว โดยแต่ละจังหวัดขอให้พยายามทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน ให้ยึดมั่นตามกรอบของกฎหมายเป็นหลัก และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ รวมทั้งบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่เข้าทำการป้องกัน ป้องปราม ระงับ ยับยั้ง ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยไม่ละเว้น

"การหารือในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นอย่างดี ที่จะลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น กรณีมีการใช้อาวุธสงครามมาก่อเหตุความวุ่นวาย อย่างไรก็ตามการพูดคุยกันครั้งนี้ ไม่ได้เชิญตัวแทนของกลุ่ม กปปส. หรือ กลุ่ม นปช ในพื้นที่อีสานตอนบนมาร่วมหารือ ผมไม่ต้องการให้เกิดการใช้กำลังรุนแรงต่อสู้กัน โดยไม่ได้จับตาพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นกรณีพิเศษ แต่ขอให้มั่นใจว่าทำให้เกิดความเรียบร้อยในทุกจังหวัด นอกจากนี้ ในที่ประชุมไม่ได้มีการหยิบหยกหรือพูดคุยกัน กรณี นปช.ประกาศ แบ่งแยกประเทศในการชุมนุมใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (22 ก.พ.)"แหล่งข่าวกองทัพภาคที่ 2 ระบุ

ศาลพระโขนงยังได้อนุมัติหมายจับเลขที่ 71/2557 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยคดีรุมยิงคุณ สุทิน ธราทิน



เห็นข่าวแวบๆ...จากเว็บไซต์ โพสต์ทูเดย์ ช่วงบ่ายวันวาน ระบุว่าศาลอาญาได้ให้การอนุมัติตามคำร้องขอของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ออกหมายจับเลขที่ 284/2557 เพื่อจับกุมตัวนาย กฤษดา ไชยแค อายุ 43 ปี ผู้ต้องสงสัยคดีลอบปาระเบิดสังหารผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อไม่มีกี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยข้อหาจงใจ ฆ่าผู้อื่น โดยเจตนาไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว...
                                            ---------------------------------------------
    นอกเหนือไปจากนั้น...รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ในวันเดียวกัน...ศาลพระโขนงยังได้อนุมัติหมายจับเลขที่ 71/2557 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยคดีรุมยิงคุณ สุทิน ธราทิน แกนนำมวลชน คปท. ที่วัดศรีเอี่ยม เขตบางนา แบบชนิดอุกอาจ เย้ยฟ้าท้ากฎหมาย จนกลายเป็นข่าวคึกโครมเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัยตามหมายจับดังกล่าวจะเป็นใครกันแน่ ถ้าไม่มีโอกาสไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ แค่ลองไปเปิดคลิป เปิดภาพถ่ายแต่ละภาพที่มีทั้งมุมกว้าง มุมสูง ตามเว็บไซต์ต่างๆ ก็น่าจะพอคาดเดากันได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์นัก...
                                       --------------------------------------------------
    ส่วนเว็บไซต์ของ เดลินิวส์ วันวาน...แม้จะไม่มีข่าวเรื่องการออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีต่างๆ ดังที่ โพสต์ทูเดย์ ได้รายงานไปแล้ว แต่ก็ได้ไปนำเอาภาพถ่ายของบรรดาเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งออกมากระจายกำลังตั้งบังเกอร์กระสอบทราย ตาข่ายพราง อยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานครเป็นจุดๆ อีกทั้งยังรายงานเอาไว้สั้นๆ ด้วยว่านอกจากจะมีการ จัดวางกำลัง ไว้ในพื้นที่ที่ล่อแหลมต่อการเกิดเหตุ อันอาจนำไปสู่ ความไม่สงบเรียบร้อย ทั้งหลายแล้ว ยังได้แบ่งหน่วยทหารออกเป็นชุดๆ ให้ทำหน้าที่ลาดตระเวนพื้นที่รอบๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเหตุและระงับเหตุควบคู่ไปด้วย...
                                    ---------------------------------------------------
    แม้ว่า ข่าว และ ภาพ เหล่านี้...อาจไม่ได้ ตอบโจทย์ ถึงทางออก ทางรอด ของ การเมืองไทย มากมายซักเท่าไหร่ ไม่ได้ตอบคำถามว่าใครจะอยู่ ใครจะไป ระหว่างรัฐบาลเถื่อนกับฝ่ายตรงกันข้าม แต่ทันทีที่ กลไก ในการควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อย การพิทักษ์สันติราษฎร์ ได้เริ่ม ทำหน้าที่ อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุด...อะไรต่อมิอะไรที่เคยดูน่าห่วง น่ากังวล น่าอึดอัดคัดข้องใจมาโดยตลอด มันน่าที่จะพอเพลาๆ ลงไปได้บ้าง ความหวาดหวั่นต่อบรรยากาศอันอึมครึม น่าสยดสยองต่อรังสีอำมหิต ซึ่งกำลังแผ่ซ่านหนักยิ่งขึ้นทุกที อันเนื่องมาจากการดิ้นรน กระวนกระวาย ทุรนทุรายของเหล่าทรราช น่าที่จะถูกขีดวง จำกัดกรอบ ไม่ให้ถึงกับหลุดโลก ทะลุโลก ถึงขั้นฉุดกระชาก ลากถู ประเทศทั้งประเทศ ให้ต้องพังพินาศตามไปด้วย อย่างที่เคยหวั่นๆ กันมาก่อนหน้านั้น...
                                     ----------------------------------------------------
    พูดง่ายๆ ก็คือ...คงไม่ถึงกับต้องไปวิตก ทุกข์ร้อน ว่าประเทศไทย ราชอาณาจักรไทย อาจถูกแบ่ง ถูกแยก ออกเป็นไทยเหนือ-ไทยใต้ ต้องเดินตามรอยคู่แฝดอย่างประเทศยูเครนแบบชนิดก้าวต่อก้าวอะไรทำนองนั้น ไม่ต้องไปตกอก ตกใจ ว่าถ้าหากอาวุธปืนประมาณ 10 ล้านกระบอก ถูกรัฐมนตรีมหาดไทยนำไปแจกจ่ายให้กับกองกำลังอาสาสมัครนานาชนิด เลือดของคนไทยด้วยกันจะเจิ่งนองท้องช้างไปถึงระดับไหน เพราะทันทีที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ได้พร้อมที่จะ ทำหน้าที่ ของตนอย่างตรงไป-ตรงมา ไม่เบี่ยงบ่าย ซัดเซ ไปตามแรงกดดันทางการเมืองอันวูบๆ ไหวๆ เอาแน่เอานอนอะไรแทบไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่าง...มันน่าที่จะ พออยู่ๆ กันไปได้ อยู่ร่วมกันโดยสันติ อยู่ภายใต้ตัวบทกฎหมายอันเดียวกัน ภายในแผ่นดินเดียวกัน ไม่ว่าใครชนะ ใครแพ้ ก็ตาม...
                                  ------------------------------------------------------
    ถึงคนอย่าง โกตี๋ ลุงยิ้ม ลูกน้องเสี่ยเหลียง ฯลฯ จะดูมีฤทธิ์ มีเดช มากมายขนาดไหน...แต่คงไม่ได้ต่างอะไรไปจากกุ๊ยหรืออันธพาลเราดีๆ นี่เอง แม้จะอยู่ภายใต้การนำของ นายพลแมคอา (เท่อ) เธอร์ ก็เถอะ อย่างมากก็คงได้แต่ลอบยิง ลอบฆ่า ลอบปาระเบิด หรือ ลอบกัด ต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่จะยกระดับไปถึงขั้นดาหน้าออกมาสู้กับรถถัง เรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินรบ ได้แบบยกต่อยกนั้น...ยังไงๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ ยิ่งถ้าหากตำรวจท่านพร้อมที่จะ บังคับใช้กฎหมาย ไปตามอำนาจ หน้าที่ ของท่าน โดยไม่คิดจะไปเลือกข้างหนึ่งข้างใดให้เสียเวลาและเสียอนาคตของท่าน และสถาบันของท่านอีกต่อไป ความสงบเรียบร้อย อันจะนำไปสู่สันติภาพและสันติธรรม ย่อมที่จะต้องปรากฏขึ้นมาภายในระยะเวลาอันใกล้ อีกแค่ไม่กี่วัน ไม่กี่ชั่วโมง นับจากนี้...
                                ---------------------------------------------------------
    เพราะการ อยู่ร่วมกันโดยสันติ ของสังคมแต่ละสังคมนั้น ไม่ว่าจะประชาธิปไตยมาก ประชาธิปไตยน้อย หรือประชาธิปไตยในรูปแบบไหนๆ ก็แล้วแต่ ว่าไปแล้ว...มันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าใครที่ทำผิดกฎหมายย่อมต้องได้รับผลแห่งการกระทำไปตามตัวบทกฎหมายนั่นแหละ ส่วนเหตุที่มันไม่สามารถอยู่ร่วมกันโดยสันติได้ง่ายๆ ก็เพราะผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย หรือผู้ซึ่งกระทำการในสิ่งที่กฎหมายได้ห้ามเอาไว้ ดันไม่ยอมรับกฎหมาย หรือไม่ยอมรับผิดซะดื้อๆ!!! พยายามนำเอาเหตุผล ข้ออ้าง แนวคิด ทฤษฎี อะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมาย มาทำให้ตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย ทุกสิ่งทุกอย่างมันจึงไม่สงบเรียบร้อย ไม่เกิดการอยู่ร่วมกันโดยสันติด้วยประการฉะนี้
                                -------------------------------------------------------------
    ด้วยเหตุนี้...เมื่อผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามตัวบทกฎหมาย พร้อมร่วมแรง ร่วมใจ ควบคุม ดูแล ให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองของกฎหมายได้อย่างเต็มที่ ก็เท่ากับเป็นการขจัดความไม่สงบเรียบร้อยกันที่ เหตุปัจจัย เอาเลยก็ว่าได้ การฟื้นฟูบรรยากาศการอยู่ร่วมกันโดยสันติ ไม่แยกเขา แยกเรา แยกเหนือ แยกใต้ แยกไพร่ แยกอำมาตย์ ฯลฯ ย่อมต้องกลับคืนมาสู่สังคมไทยได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ โดยเฉพาะหลังจากที่ผู้ซึ่งกระทำผิดกฎหมาย ไม่ยอมรับกฎหมายและพยายามอยู่เหนือกฎหมาย ต้องหาทางเล็ดลอดเงื้อมมือของกฎหมาย ด้วยการออกไปจากอาณาเขตประเทศไทย อย่างที่เคยกระทำการกันเป็นแบบอย่างมาโดยตลอด!!!
                          --------------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Confucius... “For good, return good; for evil, Justice.- จงตอบแทนความดี ด้วยความดี...ความชั่ว ด้วยความยุติธรรม..

ถามท่าทีกองทัพกับกองกำลังต่างชาติฆ่าคนไทย-แดงคิดแยกแผ่นดิน !! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กุมภาพันธ์ 2557 07:35 น


ถามท่าทีกองทัพกับกองกำลังต่างชาติฆ่าคนไทย-แดงคิดแยกแผ่นดิน !!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์25 กุมภาพันธ์ 2557 07:35 น
ผ่าประเด็นร้อน 
       
       ชัดเจนกันแบบไม่ต้องมาคาดเดาเชื่อมโยงกันอีกต่อไปแล้วกับคำพูดและพฤติกรรมประจักษ์ของบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงหลายคนตั้งแต่หัวแถวยันปลายแถว ที่ออกมาปลุกระดมข่มขู่ว่าจะแยกแผ่นดินเป็นไทยเหนือ-อีสาน ประเทศล้านนา หรือยกเอาเชียงใหม่ ยกโคราชเป็นเมืองหลวงบ้างละ อีกทั้งยังมีการสวนสนามของกองกำลังทั้งตำรวจบ้าน ตำรวจในเครื่องแบบ มีการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ มีให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง ไม่ปิดบังกันอีกแล้ว
       
       ขณะเดียวกันยังมีการส่งต่อข้อความให้เห็นถึงการ "ติดอาวุธ"เพื่อทำร้าย ล่าสังหารคนไทยที่มีความคิดเห็นแตกต่าง โดยอ้างว่าพวกเขาเป็น"นักประชาธิปไตย"ปกป้องรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่านี่คือสัญลักษณ์ประชาธิปไตย กล่าวหาคนอื่นว่าไม่เคารพกฎหมาย สารพัด แต่ภาพที่ออกมากลับมีแต่ความรุนแรงกระทำต่อฝ่ายที่เห็นต่างอยู่ตลอดเวลา
       
       ที่น่าสะอิดสะเอียน น่าประณามก็คือมีความรู้สึก "สะใจ"ดีใจเมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงที่มีคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิ่งถล่มชาวบ้านที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลแม้ว่าผู้ที่เสียชีวิตจะมีเด็กตัวเล็กๆอายุเพียงแค่ 5-8 ขวบเท่านั้น ซึ่งคนที่พูดก็ระบุว่าเป็นแกนนำคนเสื้อแดงในท้องถิ่นและเคยรับราชการเป็นตำรวจมาก่อน นี่หรือคนไทยที่มีความคิด"บัดซบ"ไปไกลถึงเพียงนี้
       
       นี่ยังไม่นับรวมข้อมูลที่สะพรึงกลัวของ ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ "หน่วยซีล"ของกองทัพเรือ ที่ระบุว่า คนร้ายที่ยิงถล่มชาวบ้านที่ร่วมชุมนุมกับ กปปส.อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ที่มีเด็กอายุเพียง 5-8 ขวบเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสว่าเป็นฝีมือของพวก"กองกำลังต่างชาติ"โดยกล่าวเป็นนัยว่ามาจาก"เขมร"ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีการระบุมาแล้วว่ามีการลำเลียงกองกำลังติดอาวุธต่างชาติดังกล่าวเข้ามาแล้วจำนวนกว่า 300 คน เพื่อเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย
       
       ซึ่งก็สอดคล้องกับเหตุการณ์รุนแรงที่มีคนร้ายให้อาวุธสงครามก่อเหตุใส่เวทีของผู้ชุมนุมกปปส.รวมไปถึงก่อเหตุโจมตีฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ อยู่ตลอดเวลา ล่าสุดก็เพิ่งเกิดขึ้นที่บริเวณหน้าห้างบิ๊กซีสาขาราชดำริ ใกล้เวที กปปส.ที่ราชประสงค์จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเกือบ40 ราย และในจำนวนนั้นมีเด็กเล็กๆสองคนเสียชีวิต โดยมีคนเสื้อแดงมีอาการดีใจและสะใจกับผลงานของสัตว์ป่าในครั้งนี้
       
       แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือคนในรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น รตอ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ(ศรส.) ประธานที่ปรึกษาศรส.สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รวมไปถึง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่"ด่วนสรุป"ฟันธงอย่างน่าแปลกใจว่าเป็นฝีมือของพวกกปปส.สร้างสถานการณ์ป่วนเพื่อโยนบาปให้รัฐบาล ไม่น่าเชื่อว่านี่คือคำพูดของคนที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่กำกับดูแลงานด้านความมั่นคง
       
       ทั้งปรากฏการณ์ คำพูดและความเคลื่อนไหวของคนพวกนี้ ซึ่งทั้งหมดเป็นเครือข่ายของรัฐบาล เป็นขี้ข้าของ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาต่อสู้เพื่อรักษาอำนาจและสมบัติของ ทักษิณ และครอบครัวเท่านั้น มีลักษณะชัดเจนว่าเป็น "กบฎ"คิดแยกแผ่นดิน มีความผิดมหันต์ แต่คำถามก็คือ
       
       เมื่อเห็นพฤติกรรมดังกล่าวแล้วทางฝ่ายผู้นำกองทัพทุกคนจะมีความรู้สึกอย่างไร หรือวางเฉยเหมือนอย่างที่ผ่านมา หรือให้การเมืองแก้ด้วยการเมืองอย่างที่ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยใช้เป็นข้ออ้างมาตลอดหรือเปล่า ทั้งที่พิสูจน์ชัดเจนแล้วมีความคิดแบ่งแยกเป็นกบฎ จาบจ้วงทำลายสถาบันเบื้องสูง มีการสมคบกับกองกำลังต่างชาติมาเข่นฆ่าคนไทย
       
       คำถามที่พุ่งตรงไปที่ผู้นำเหล่าทัพ ว่าจะยังนิ่งเฉยในลักษณะธุระไม่ใช่ หรือประคองตัวเอาตัวรอดเพียงเพื่อรอเวลาเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแค่นั้นหรือ คำปฏิญาณที่ว่าเป็นทหารของชาติประชาชนและทหารของพระเจ้าอยู่หัวจะยังนิ่งเฉย ยอมให้พวกทรยศต่อแผ่นดินกระทำย่ำยีอยู่แบบนี้ตลอดไปหรือ !!
       
       ภาพข้อความประเทศล้านนา เหตุการณ์คนร้ายถล่มบิ๊กซีราชดำริและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

“บิ๊กตู่” ดีแต่เบ่งกล้าม เมื่อไหร่จะรับผิดชอบ!? โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กุมภาพันธ์ 2557 06:55 น



“บิ๊กตู่” ดีแต่เบ่งกล้าม เมื่อไหร่จะรับผิดชอบ!?

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์25 กุมภาพันธ์ 2557 06:55 น
สะเก็ดไฟ
       
       ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเป็นทางการ “บิ๊กตู่” ประยุทธ์ จันทร์โอชาผบ.ทบ. อุตส่าห์เงี่ยหูฟังรอทีเด็ด จะมีข่าวดี หรือวิธีการอะไรทำให้บ้านเมืองดีขึ้นได้บ้าง
       
       แต่เปล่าเลย ผิดถนัด หลายคนตั้งข้อสงสัยว่ามันเป็นการแถลงข่าวหรือผายลมกันแน่ เพราะนอกจากไม่ทำให้อะไรๆ ดูดีขึ้น ซ้ำยังเห็นปฏิกิริยาวางเฉยของท็อปบูตต่อไป !!!
       
       ฝ่ายทหารที่นำโดย “บิ๊กตู่” ถูกจับตามากที่สุดว่าจะมีแอ็กชันอย่างไรต่อสถานการณ์บ้านเมืองที่ส่อเค้าว่าจะรุนแรงมากขึ้นไปอีก วันนี้เหตุการณ์มันกระทบต่อความมั่นคงทางการเมือง ทางทหาร รวมทั้งเศรษฐกิจ สังคม ชัดเจน แล้วยังนิ่งดูดายอยู่ได้อย่างไร
       
       การออกมาประเมินว่ามีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเป็นผู้ลงมือปฏิบัติการ ซึ่งเกี่ยวเนื่องหรืออาจเป็นกลุ่มเดียวกันกับเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง เมื่อปี 2553 ที่จนถึงทุกวันนี้ยังดังก้องอยู่ในหู
       
       ก็มีคำถามว่า เมื่อรู้แล้วทำไมไม่จัดการ??
       
       “เสธ.วินัย” พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผบ.หน่วยซีล ออกมาเปิดโปงกองกำลังจากต่างชาติ หรือจากเพื่อนบ้านใกล้เคียงเรา หรือพูดง่ายๆ ก็จากเขมร พูดซ้ำไปซ้ำมา 2-3 ครั้ง ฉะนั้น มันก็มีสัญญาณว่าจะเกิดผลกระทบกระเทือนความมั่นคงของแผ่นดินแล้ว
       
       จะปล่อยให้เด็ก และสตรี ต้องสังเวยชีวิตไปอีกกี่ศพถึงจะเคลื่อนไหว ตอนนี้คนนินทาหมาดูถูกไปทุกหย่อมหญ้าเพิงหมาแหงน ก่อนอื่นใดก็ต้องมาสะสางกองกำลังต่างชาติ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่ย่ามใจปฏิบัติการอยู่เนืองๆ ตอนนี้ ต้องขับไล่-เด็ดหัวให้สูญสลายไป ไม่ใช่ดีแต่โกรธ ตะคอก เบ่งกล้ามไปวันๆ
       
       มันเป็นเรื่องของทหารแล้วที่จะเข้ามาจัดการคนไทยทำร้ายคนไทยด้วยกัน และยังมีคนต่างชาติเข้ามาทำร้ายคนไทยด้วย พวกตำรวจสีกากี คนในประเทศนี้เลิกหวังกันหมดแล้ว เพราะกลายเป็นขี้ข้าทรราช หมารับใช้ที่ไม่แยกแยะสิ่งที่ควร-ไม่ควร
       
       วันนี้สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจขึ้นเรื่อยๆ มีความคิดจะแบ่งแยกประเทศไทย เป็นไทยเหนือ-ไทยใต้ ดังที่มีแกนนำคนเสื้อแดงออกมาพูดว่า จะแบ่งภาคอีสานบ้าง เหนือบ้าง เป็นอีสานล้านนาบ้าง เป็นความคิดที่อันตราย หากปล่อยให้ปลูกฝังกันต่อเนื่องเรื่อยไป ย่อมไม่เป็นผลดีแน่ๆ ที่ภาคใต้ไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น เพราะตั้งแต่ปี 46-47 มีความพยายามอยู่ตลอด จนวันนี้ก็ยังไม่สำเร็จ แต่ภาคอื่นๆ ยังวางใจไม่ได้
       
       จะว่าไปเรื่องนี้มีการปลูกฝังอุดมการณ์ไว้หลายปีแล้ว ล้อเล่นไม่ได้เด็ดขาด คิดกันถึงขนาดจะกำหนดเมืองหลวงใหม่กันไว้แล้ว เหตุการณ์วันนี้มันก็ไปไกลมากแล้ว ถ้าเดินไปสู่จุดนั้นจะว่าอย่างไร
       
       อย่างน้อยๆ ทหารย่อมมีส่วนต้องรับผิดชอบที่ไม่ป้องปราม ปล่อยให้มันเกิดขึ้น จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบไปเต็มๆ เหมือนกัน
       
       ไม่อยากจะนึกภาพประเทศไทยอาจเป็นเหมือนเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ คิดแล้วก็อนาถใจ ต่อไปต้องทำพาสปอร์ตเพื่อเข้าไทยเหนือ ไทยใต้ หรือเปล่า เป็นอย่างนั้นก็น่าหดหู่ เศร้าใจ ประเทศไทยต้องแบ่งแยกไม่ใช่เพราะฝีมือใคร ไม่ใช่พม่ารามัญ หรือต่างชาติที่ไหนเข้ามาทำสงครามชิงเมืองไป
       
       แต่มันเกิดขึ้นจากความขัดแย้งของคนไทยด้วยกันเองเป็นคนก่อชนวน วันนี้ถ้าจะมีใครเป็นฝ่ายยอมเสียสละ ก็ต้องโฟกัสไปที่คนที่มีอำนาจ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในบ้านเมืองยามนี้ ต้องแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างก่อน
       
       แต่จนถึงป่านนี้ยังไม่มีวี่แววจะยอม ยังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับอำนาจ บ้านเมืองจะฉิบหาย ประเทศจะแบ่งแยก ก็ยังไม่มีสำนึกกันเลย...

“แม้ว” เล่นใต้ดินบอมบ์ M79 สั่ง “ขี้ข้าแดง” บุกกรุงเตรียมบู๊ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กุมภาพันธ์ 2557 07:35 น

“แม้ว” เล่นใต้ดินบอมบ์ M79 สั่ง “ขี้ข้าแดง” บุกกรุงเตรียมบู๊

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์25 กุมภาพันธ์ 2557 07:35 น

รายงานการเมือง
       
       กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ได้จัดประชุมใหญ่แกนนำทั่วประเทศ ในชื่องาน “นปช. ลั่นกลองรบ” มีคนเสื้อแดงเข้าร่วมประมาณ 5,000 คน ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยมีแกนนำระดับพระกาฬมาร่วมอย่างพร้อมพรั่ง
       
       ไม่ว่าจะเป็น นางธิดา โตจิราการ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวรชัย เหมะ นายประแสง มงคลสิริ นพ.เหวง โตจิราการ แถมในงานนี้ นางพญานกแสกอย่างนางธิดายังได้นำตีกลองสะบัดชัยเป็นเชิงสัญลักษณ์ให้รู้กันว่า
       
       นายหัวใหญ่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งทิ้งไพ่ใบสุดท้าย
       
       หรืออาจจะรวมไปถึงเงินก้อนโตก้อนสุดท้ายเพื่อเป้าหมายกำจัดเสี้ยนหนามอย่างสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมพวกให้สิ้นซากเสียที หลังต่อมความอดทนกว่า 4 เดือน ใกล้ระเบิดเต็มที
       
       ขี้ข้ากิตติมศักดิ์อย่าง “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเสื้อแดง ที่ได้รับความไว้วางใจให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยมาหลายกระทรวง ต้องทำหน้าที่เอาหน้า เลียแข้งเลียขาเจ้านายเสียหน่อย ออกโรงประกาศกับมวลลนเสื้อแดงให้เตรียมพร้อมบุกเข้ากรุงเทพฯ ต่อต้าน กปปส. เพื่อหนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรักษาการ ในการทำหน้าที่ต่อไป และทำทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจต่อไป
       
       เหตุการณ์ทั้งหมดจากเวทีลั่นกลองรบ น่าจะสอดคล้องกับเหตุการณ์ขว้างระเบิด และกราดยิงมวลชนที่เกิดขึ้นในจังหวัดตราด ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ บริเวณตลาดยิ่งเจริญ ที่เป็นการตั้งเวทีของกลุ่ม กปปส. จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
       
       ทำให้ พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ หรือหน่วยซีล ออกมาอีกครั้ง และบอกอย่างเชื่อมั่นว่า การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นของกองกำลังต่างชาติเนื่องจากคนไทยด้วยกันเองคงไม่ทำ 
       
       แถมหลังเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น แกนนำเสื้อแดงคนหนึ่งยังใช้คำพูดที่แสดงถึงความสะใจที่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวอีกด้วย
       
       เกมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้มองได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเล่นเกม 2 ทาง หลังจากที่พยายามใช้อำนาจรัฐที่ตัวเองกำอยู่ในมือมาแล้วแต่ไม่เสร็จสมอารมณ์หมายเสียที ไม่ว่าจะเป็นกองทัพที่ดูเหมือนจะใส่เกียร์ว่างมาพักใหญ่ ไม่ได้อย่างราคาคุยในคลิปถั่งเช่าสักนิด 
       
       
       แถมยังมีกระแสข่าวหลุดๆ ว่าทหารจะประกาศกฎอัยการศึก ออกมายับยั้งความแตกแยกที่เกิดขึ้น ก็ยิ่งไปกันใหญ่
       
       ด้านตำรวจก็พึ่งพาไม่ค่อยจะได้ ขนาดปฏิบัติการขอคืนพื้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ภายใต้คำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. ที่สถานการณ์วันนั้นตอนแรกตำรวจเหมือนจะคว้าชัยได้อยู่แล้ว แต่สุดท้ายกลับถูกมวลชนไล่ไปเกือบถึงสนามหลวง และเผ่นหนีกลับจังหวัดชลบุรีไปอย่างง่ายดาย
       
       คงสร้างความอับอายให้กับ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่น้อย จึงต้องแก้เกมว่าไม่ได้เป็นคนลงนามสั่งสลายการชุมนุมของกลุ่มกองทัพธรรมในบริเวณนั้น กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ ผู้บังคับบัญชาโยนขี้ไปให้ตำรวจชั้นผู้น้อยซะแบบนั้น
       
       แหม...แมนเหลือเกิน “เป็ดเหลิม”
       
       อนาคตจะสั่งใครไปสลายการชุมนุมก็คงไม่มีใครยอมโง่อีกแล้ว เพราะจับพลัดจับผลูจะตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตายได้ง่าย แถมวันต่อมาภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยให้ แกนนำ กปปส. นำมวลชนบุกเข้าไปในพื้นที่สโมสรตำรวจ พร้อมรอยยิ้มที่เกิดขึ้นระหว่างตำรวจกับมวลชนบริเวณนั้น คงจะเหมือนการตบหน้า ร.ต.อ.เฉลิม ฉาดใหญ่
       
       ทำให้คนฉลาดแก้มโกงอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะมองออกว่าหากปล่อยสถานการณ์ให้คาราคาซังอยู่แบบนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อครอบครัวชินวัตรแน่ๆ แต่สุดท้ายคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังเชื่อว่าอำนาจเงินที่ตัวเองมี จะสามารถจูงจมูกบรรดาแดงฮาร์ดคอร์ด ให้กลับมาเด็ดหัว “กำนันสุเทพ” ให้ได้
       
       แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องอย่าลืมว่า การชุมนุมของเสื้อแดงในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้หวืวหวาที่จะสามารถสร้างความหวาดหวั่นให้กับฝ่ายตรงข้ามได้เหมือนเหตุเผาเมืองปี 53 อีกแล้ว จะเห็นได้จากเหตุปะทะบริเวณสนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่คนเสื้อแดงใช้เป็นที่รวบรวมพล จนมีบรรดาสายแข็งออกมาบู๊กันอย่างล้างผลาญกับนักศึกษารามคำแหง ภาพตัดกลับไปที่สนามฟุตบอลที่ใหญ่โต กลับเหลือมวลชนเพียงแค่หยิบมือ สุดท้ายแกนนำโจกแดงคงทนความอับอายไม่ไหว สั่งยุติการชุมนุมเอาดื้อๆ
       
       ครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า เศษเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะซื้อใจคนเสื้อแดงให้ออกมาเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด เพื่อส่งคนในครอบครัวชินวัตร เข้าไปโกงเงินบรรดาชาวนา ที่ครั้งหนึ่งเคยลงทุนมาร่วมด้วยช่วยกันเผากรุงฯ แต่พอหมอกและควันจางหายไป คนไร้มิตรแท้อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กลับถีบพวกเขาลงไปในกองเพลิง
       
       จนวันนี้ก็ยังหาทางปีนขึ้นจากไฟที่ตัวเองเป็นคนจุดไม่ได้เลย
       
       พ.ต.ท.ทักษิณ เองก็น่าจะรู้ความจริงข้อนี้ดีว่า คนที่มาด้วยใจ กับคนที่มาด้วยเงิน มันแตกต่างกันมากเหลือเกิน จึงต้องใช้อาวุธสงครามถล่มมันซะทุกจุด ทุกวัน มีเป้าหมายทำลายล้างในลักษณะกินพื้นที่วงกว้าง โดยเลือกกลุ่มเด็กและสตรี เพราะเชื่อว่าตามธรรมชาติของมนุษย์คงไม่รักประเทศชาติมากกว่ารักชีวิตตัวเองแน่นอน และอีกไม่นานหมู่มวลมหาประชาชน ก็จะลดน้อยลงไป คราวนั้นคงจะเป็นโอกาสของกองทัพแดง ที่จะเข้าบุกตีช่องว่างที่เกิดขึ้นทันที
       
       จุดเปลี่ยนจึงถูกจับตามองมาที่นายสุเทพทันที เพราะเกมนี้แต่ละฝ่ายกำลังแก้เกมทุกวินาที หากฝ่ายใดพลาดพลั้งไป ต้องลิ้มรสความพ่ายแพ้ หนทางในสยามเมืองยิ้มคงจะไม่สวยหรูอีกแล้ว
       
       กว่า 4 เดือน ยังมองไม่ออกว่า ฝ่ายใครจะชนะ หรือนายสุเทพจะพาดบันไดหาทางลงเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังทำพฤติกรรมเดิมๆ ก็คือ การเหยียบศพผู้บริสุทธิ์ ผู้หญิง และเด็กๆ ขึ้นไปนั่งเสวยอำนาจอยู่บนกองเลือดอีกครั้งหนึ่งเสียแล้ว 

“ปู นรก.” โกงแล้วด้าน ใกล้หัวขาดตาม “พี่แม้ว” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กุมภาพันธ์ 2557 06:18 น.


“ปู นรก.” โกงแล้วด้าน ใกล้หัวขาดตาม “พี่แม้ว”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์26 กุมภาพันธ์ 2557 06:18 น.
สะเก็ดไฟ
       
       ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือ “ปู นรก.” นายกฯ รักษาการ พอรู้ตัวว่าจะโดนกองข้าวทับตาย รีบเล่นบทหมาโดนน้ำร้อน เต้นผางให้กุนซือข้างกาย กระแทกแป้นพิมพ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว
       
       โอดโอยไม่ได้รับความยุติธรรม หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาปมละเว้น และไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทั้งที่รู้ว่าเสียหายวายวอด
       
       ทว่า แทนที่จะได้รับคะแนนสงสาร กลับยิ่งโดนชาวบ้านร้านตลาดด่ากันเอ็ดตะโร เพราะนอกจากจะไม่ได้ทุเลาปัญหาที่ชาวนากำลังเผชิญแล้ว ดันเอาเวลามานั่งแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เปลือยสันดานเดิมๆ ของโคตรเหง้าชินวัตร เห็นแก่ตัวก่อนประโยชน์ส่วนรวม
       
       ที่หนักกว่านั้น แทนที่จะออกมาโพนทะนาด้วยตัวเองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไรให้ชาวบ้านชาวช่องเขาเห็นสีหน้าท่าทาง แต่ดันมุดรูให้กุนซือนั่งสาธยายผ่านจอคอมพิวเตอร์ให้
       
       งามไส้นายกรัฐมนตรีประเทศไทย มีก็เหมือนไม่มี!!
       
       ว่ากันตามอาการพ่นเป็นฟืนเป็นไฟใส่ “ป.ป.ช.” ผ่านเฟซบุ๊กแบบไม่ไว้หน้า จับสัญญาณรัฐบาลได้อย่างหนึ่งว่า อยู่ในสภาวะหมาจนตรอกเต็มที
       
       กลับไม่ได้ไปไม่ถึง ก็เลยต้องงัดวิชามารมาเป็นตัวช่วย ก๊อบปี้ตำราพี่ชาย “นช.แม้ว” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยใกล้หล่นจากอำนาจไม่มีผิดเพี้ยน
       
       โกงแล้วโยนว่าโดนกลั่นแกล้ง ลอกพฤติกรรมกันมาเป๊ะๆ
       
       หากยังจำกันได้ สมัย “นช.แม้ว”หายใจร่อแร่ก็ทำแบบนี้ หากเสียประโยชน์ก็เที่ยวโทษว่า ฝ่ายอำมาตย์ต้องการกำจัดตัวเอง แก้เกมใช้วิธีดิสเครดิตฝั่งตรงข้ามไว้ก่อน ทั้งที่ตัวเองโกงจริงๆ แล้วก็ได้ผลระดับหนึ่ง เพราะมีคนเสื้อแดงบางคนหลงเชื่อเสียสนิทใจ พ่อแม้วคนดีไม่ได้โกง!!
       
       มาเที่ยวนี้ “ปู นรก.” ก็เลยเดินตามรอยเท้าพี่มาติดๆ คลิกเอามุกเดิมกลับมาใช้ เพราะได้กลิ่นแล้วว่า “ป.ป.ช.” เอาแน่ ยังไงก็หัวขาด เลยรีบตะโกนแหกปากว่า “ดิฉันไม่ได้รับความยุติธรรม” ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการไต่สวน เข้าอีหรอบกินปูนร้อนท้อง ช็อตนี้เปลือยกันได้อีกดอก สารภาพก่อนเลยว่า โกงจริงๆ เพราะไม่มีคนดีที่ไหนกลัวการตรวจสอบ นอกเสียจากคนเลวที่ทำผิด
       
       จับยามสามตา รอได้เลย หาก ป.ป.ช.ฟันเปรี้ยง จนหัว “ปู นรก.” กระเด็น บรรดาลิ่วล้อนักโทษชายออกมาร้องแร่แห่กระเชิง อีกแน่ว่า ตัวเองโดนเผด็จการเล่นงานกับอีกผลลัพธ์หนึ่งที่ “ปู นรก.” หวังผลจากโพสต์เฟซบุ๊กครั้งนี้ก็คือ การส่งสัญญาณถึงฝั่งตรงข้ามว่าไม่ยอมตายง่ายๆ เพราะจากปฏิกิริยาครั้งนี้ต้องยอมรับว่าเป็นการกวักมือเรียกเสื้อแดงให้ออกมาโอบอุ้มไปในตัว หากฝั่งตรงข้ามจะฟัน ก็มีมวลชนอีกกลุ่มพร้อมออกมาปกป้อง
       
       ขู่ฟ่อต่อรองเลยว่า สงครามการเมืองมีแน่!!
       
       แต่รอบนี้สูตรเดิมน่าจะแป้ก เพราะเงื่อนไขหลายอย่างได้เปลี่ยนจากตอนสมัยนักโทษชาย กองกำลังเสื้อแดง ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเดิมแกนนำหลายคนมีคดีติดตัว พร้อมถูกศาลถอนประกันตัวทุกเมื่อ หากปลุกปั่น
       
       ที่สำคัญหลายรายตาขาว กลัวตาย เพราะ “กองกำลังข้าวโพดคั่ว” หมายหัวเอาไว้!!
       
       ขณะที่หลักฐานการโกงจำนำข้าวก็แน่นหนาที่จะมัดจนดิ้นไม่หลุด แถมทีมกุนซือแก๊งไอติม ยังชั้นไม่ถึง คิดจะแก้เกมการเมือง แต่กลายเป็นอวดโง่โดยเฉพาะเนื้อหาในเฟซบุ๊ก ที่อ้างว่าร้องขอความยุติธรรมจาก “ป.ป.ช.” ไปแล้ว แต่ไม่ได้ คือขอตรวจสอบพยานหลักฐานที่ถูกกล่าวหา กับคัดค้าน นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นองค์คณะไต่สวน
       
       รวมถึงการจวก ป.ป.ช.ว่าลุกลี้ลุกลน ทำคดีนี้เร็วเกินไป
       
       ทั้งที่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.เพิ่งจะแถลงอยู่หยกๆ ว่าผลการประชุมกรรมการชุดใหญ่เห็นว่า คำคัดค้านตัวนายวิชา ของ “ปู นรก.” ไม่เข้าข่ายมีส่วนได้ส่วนเสีย จึงเป็นองค์คณะไต่สวนต่อได้
       
       คิดจะหัวหมอเอาความสัมพันธ์ของนายวิชา กับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มาเล่นงานทำลายความชอบธรรม แต่ดันไม่ทำการบ้านอ่านระเบียบการไต่สวน ป.ป.ช.ให้ดี เลยโดนตอกกลับเสียหน้าหงายไม่มีชิ้นดี อย่างที่เห็น
       
       ขณะเดียวกัน ข้ออ้างที่โจมตีว่าเร่งรีบปิดคดีจนน่าสงสัยว่า รู้เห็นเป็นใจกับ กปปส. ก็โดน ป.ป.ช.สอนมวยเสียทีมกุนซือข้างกาย “ปู นรก.” เสียหลักหมดราคา เพราะคดีนี้ได้มีการไต่สวนกันมาตั้งแต่ปี 2555 โดยตอนนั้นพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเอาผิดตั้งแต่หัวอย่างนายกฯ เรื่อยไปจนหาง อย่างรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
       
       แต่ ป.ป.ช.เห็นว่า หลักฐานตอนนั้นพอจะมัดถึงแค่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ สมัยนั่ง รมว.พาณิชย์ เลยตั้งอนุกรรมการไต่สวนไว้เท่านั้นก่อน โดยมีวงเล็บไว้ว่า หากสาวไส้ได้ภายหลังว่า เชื่อมโยงกับใครอีก ก็แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้
       
       ระเบียบการไต่สวนเขียนไว้ชัด ตัวเบ้อเร่อ!!
       
       ดังจะเห็นได้ว่าตอนแจ้งข้อกล่าวหานายบุญทรง มีขบวนการเขมือบข้าวถูกสอยตามมาอีก 15 คน รวมถึง นายภูมิ สาระผล สมัยดำรงตำแหน่งรมช.พาณิชย์ อีกด้วย
       
       นอกจากนี้ ในช่วงแรกของรัฐบาล ป.ป.ช.เองก็เคยทำหนังสือเตือนถึง “ปู นรก.” ไปหลายรอบแล้วว่า โครงการดังกล่าวมีช่องโหว่ให้ทุจริตมโหฬาร และเสี่ยงจะสร้างความเสียหายต่อประเทศหากดันทุรังทำอาจจะโดนสอยได้ภายหลัง หากมีคนมาร้องเรียน
       
       แล้วก็มีคนมาร้องเรียน ทั้งในคำร้องของ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ที่กล่าวหาว่า นายกฯ จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการโกงรวมถึงคำร้องของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยื่นเอาผิดกรณีเดียวกันไว้นานโขแล้ว
       
       และไม่ใช่ ป.ป.ช.อย่างเดียวที่เตือน แม้แต่ สำนักงานผู้ตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็ร่อนหนังสือถึงให้ระวัง แต่สุดท้ายถูกเมินเฉย
       
       
       แล้ววันนี้เมื่อหลักฐานมันชัดคาตา ทั้งจีทูจีลวงโลก ทั้งโครงการที่เจ๊งหลายแสนล้านบาท ถ้าไม่เอาผิด “ปู นรก.” ในฐานะผู้นำรัฐบาล ซึ่งมีอำนาจสั่งระงับยับยั้งได้ทุกเมื่อ แล้วจะไปเอาผิดใคร
       
       เบ็ดเสร็จคดีนี้ ป.ป.ช.เลยทำมาปีกว่าดังนั้น แทนที่จะตัดพ้อว่า ทำเร็ว ควรจะด่าด้วยซ้ำว่า ทำช้าเกินไปจนเหลือบไรงาบข้าวพุงป่องกันไปหลายรายแล้ว
       
       ตามสภาพ “ปู นรก.” จึงตกอยู่ในที่นั่งลำบากเสียแล้ว แถมมาออกแนวเดินเจริญรอยตาม “นช.แม้ว” โอกาสจะมีจุดจบเหมือนกันชักยิ่งมีสูง
       
       ดีไม่ดีรอบนี้อาจโดนหนักกว่าพี่ชาย เพราะประเทศไทยมีบทเรียนมาแล้วว่า หากตีงู ต้องตีให้ตาย หากไม่ตาย มันจะแว้งกลับมากัด คงไม่มีใครพลาดอีกแล้ว
       
       ดังนั้น หากยังดันทุรังดื้อแพ่งต่อไป เผลอๆ อาจได้ไปอยู่กับพี่ชาย แบบปิดเทอมยาว!!

แผนดันใช้ “กฎอัยการศึก” ลากทหารปะทะประชาชน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กุมภาพันธ์ 2557 07:42 น

แผนดันใช้ “กฎอัยการศึก” ลากทหารปะทะประชาชน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์26 กุมภาพันธ์ 2557 07:42 น

รายงานการเมือง
       
       หลังเหตุระเบิดสังหารที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ออกมาจากฝ่ายตำรวจถึงการสืบสวนสอบสวนเหตุคนร้ายยิงถล่ม และระเบิดเข้าใส่เวทีปราศรัยของ กปปส.ที่ จ.ตราด และเหตุลอบวางระเบิดที่หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ราชดำริ ที่ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ เด็กสองพี่น้องเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา
       
       เสียงประณามสาปแช่งผู้วางแผนสั่งการและผู้ก่อเหตุทั้ง 2 เหตุการณ์ดังขึ้นไปทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าสุดท้ายตำรวจก็ยากที่จะสอบสวนหาคนผิดมาลงโทษได้
       
       ความรุนแรงคงไม่หยุดแค่นี้ การสร้างสถานการณ์รุนแรงเพื่อให้เกิดความสูญเสียของขี้ข้าทักษิณคงยังดำเนินต่อไป คืนวันจันทร์ที่ผ่านมามีการระดมยิงปืน และระเบิดเข้าไปยังเวทีลุมพินีสนั่นตั้งแต่ช่วงดึกถึงใกล้รุ่งสาง เคราะห์ดีไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ตำรวจยังปล่อยให้คนร้ายหลบหนีไปได้เหมือนเดิม
       
       เป็นเหตุที่บอกว่า การต่อสู้ระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.จะทวีความเข้มข้นขึ้นไปเรื่อยๆ แม้ฝ่ายรัฐบาลจะพยายามออกข่าวขอเจรจา แต่อีกด้านก็ไม่หยุดทำร้ายประชาชน หรือหากมีความต้องการจะเจรจาจริงคงไม่เป็นผล เพราะความสูญเสียมากขนาดนี้ ยากที่แกนนำ กปปส.จะหักหลังประชาชนได้
       
       อย่างไรก็ตาม พบว่าฝ่ายรัฐบาลดิ้นสู้หลายกระบวนท่าเพื่อหวังให้ กปปส.ยุติการเคลื่อนไหวให้ได้ เช่น การขอให้อัยการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งในคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่มีการออกข้อห้ามต่างๆ ออกมา 9 ข้อ จนทำให้ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ไปไม่เป็น ในการจัดการกับ กปปส. โดยเตรียมจะยื่นอุทรธรณ์ในสัปดาห์นี้ ด้วยการอ้างว่าฝ่ายรัฐบาลมีอำนาจในการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้ อีกทั้งผู้ชุมนุม กปปส.ได้ร่วมกันเคลื่อนไหวที่เป็นการกระทำความผิดกฎหมายหลายเหตุการณ์ ต้องดูว่าการยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งดังกล่าว ศาลจะว่าอย่างไร
       
       ขณะเดียวกันก็น่าสนใจไม่น้อยกับข้อเสนอของว่าที่ ส.ส.เพื่อไทย-อดีต ส.ส.เพื่อไทยบางคน อย่างเช่น อำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาเสนอให้รัฐบาลมีการประกาศกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร โดยอ้างว่าเพื่อควบคุมความสงบเรียบร้อยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 188 วรรค 2 ที่ระบุว่า
       
       ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกเฉพาะแห่งเป็นการรีบด่วน เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารย่อมกระทำได้ตามกฎหมายว่าด้วยกฎอัยการศึก จึงเป็นอำนาจของ ยิ่งลักษณ์ นายกฯ ในฐานะ รมว.กลาโหม ที่จะหารือร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ เพื่อใช้ประกาศกฎอัยการศึก
       
       เหตุที่พวกเพื่อไทยเสนอให้ใช้ “กฎอัยการศึก” ย่อมมีเจตนาแอบแฝงซ่อนเร้นหวังผลเลิศแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้หลังเกิดเหตุปะทะรุนแรงที่สะพานผ่านฟ้าฯ ช่วงสายวันที่ 18 ก.พ. ที่มีคนเสียชีวิต บาดเจ็บจำนวนมาก ตัว พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ก็ยังให้ความเห็นไว้ว่า สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องมีการประกาศกฎอัยการศึก เพราะต่างฝ่ายต่างได้ถอยกลับเข้าสู่ที่ตั้งแล้ว และอยากให้มีการเจรจากันมากกว่า
       
       ท่าทีของผู้นำเหล่าทัพที่ไม่ต้องการให้ทหารไปเป็นเครื่องมือของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในการควบคุมการชุมนุมของมวลมหาประชาชน ที่สุ่มเสี่ยงอาจมีการร้องขอให้ทำร้ายประชาชนได้ แต่ อำนวย คลังผา ก็ยังจะมาเสนอแนวคิดใช้กฎอัยการศึกเข้ามาอีก
       
       จึงเห็นได้ชัดว่านักการเมืองเพื่อไทยมีเจตนาต้องการดึงทหารมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง จัดการกับ กปปส. เพราะรู้กันดีว่ากำลังคนและศักยภาพของกองทัพเหนือกว่าตำรวจมาก และคงเห็นแล้วว่า ก่อนหน้านี้ที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากทหารเท่าใดนัก
       
       แต่หากใช้กฎอัยการศึกที่มีศักดิ์เทียบเท่าพระราชบัญญัติ และให้อำนาจทหารไว้สูงสุดเหนือกว่าฝ่ายพลเรือนในพื้นที่ ซึ่งประกาศกฎอัยการศึกไม่ว่าจะเป็นอำนาจในการตรวจค้น หรือเข้ายึดสถานที่ หรือขับไล่คนออกจากสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง อำนายในการการระงับ ปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งเมื่อทหารออกปฏิบัติการข้าราชการฝ่ายพลเรือนทุกฝ่ายต้องปฎิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
       
       อำนาจของทหารภายใต้กฎอัยการศึกเหล่านี้ หากมีการประกาศใช้กันจริงคงทำให้ฝ่ายทักษิณต้องการให้ทหารเป็นผู้จัดการกับ กปปส.โดยที่ ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้ออกคำสั่งอีกทอดหนึ่ง
       
       แต่ดูแล้ว ผู้นำเหล่าทัพก็คงค้านสุดตัว ด้วยมองว่าแม้สถานการณ์จะเลวร้ายขึ้นทุกที แต่ก็ยังน่าจะพอมีทางออกได้โดยไม่ต้องใช้กฎอัยการศึก ที่จะทำให้ทหารต้องออกมาเผชิญหน้ากับมวลมหาประชาชน จนสถานการณ์ยิ่งบานปลายขึ้นไปอีก
       
       น่าคิดว่า เหตุรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ ฝ่ายที่ลงมือนอกจากสร้างสถานการณ์เพื่อเป็นการประท้วงไม่พอใจคำสั่งศาลแพ่ง ที่ทำหมัน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จึงสร้างเหตุรุนแรงเพื่อให้การยื่นอุทธรณ์ของ ศรส. มีน้ำหนักมากพอ ในการให้ยกเลิกข้อห้ามของศาลแพ่งแล้ว ขณะเดียวกัน ผู้สร้างเหตุรุนแรง ก็อาจทำเพื่อให้ รัฐบาลมีความชอบธรรมพอในการกดดันให้ทหารยอมเอาด้วยกับการใช้กฎอัยการศึก
       
       ล่าสุด มีท่าทีอันสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่อ่านแถลงการณ์ชี้แจงจุดยืนของกองทัพบก ต่อสถานการณ์ทางการเมืองผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เมื่อ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา อันเป็นการชี้แจงในนามของ ผบ.ทบ. และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) มีเนื้อหาโดยสรุปว่า เป็นห่วงต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเวลานี้ทางกองทัพบกไม่ได้นิ่งนอนใจมีการประสานไปยังนายกรัฐมนตรี-ผบ.ตร.-ศรส. และทุกกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อร่วมกันยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้น รวมถึงหาตัวผู้ทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว และอ้างว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีหลายกลุ่ม แต่ส่วนใหญ่จะมีส่วนกับการชุมนุมในปี 2553 และเห็นว่าการใช้กำลังทหารเต็มรูปแบบคลี่คลายสถานการณ์ ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ควรใช้วิธีให้ทุกกลุ่มมาพูดคุยกันจะดีที่สุด
       
       เมื่อดูจากคำแถลงดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่าหากมีการเสนอจากฝ่ายรัฐบาลเพื่อให้มีการใช้กฎอัยการศึก กองทัพคงไม่เล่นด้วย
       
       นั่นหมายถึงว่า สถานการณ์ต่อจากนี้การขับเคี่ยวระหว่าง กปปส.กับรัฐบาลเพื่อไทย ก็คงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น เพราะฝ่าย ยิ่งลักษณ์ก็แสดงท่าทีชัดผ่านเฟซบุ๊ก “Yingluck Shinawatra” เมื่อ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ยังไง ก็ไม่ลาออก จะอยู่ในตำแหน่งจนถึงที่สุด อย่างบางประโยค ดังนี้
       
       “การที่หลายคนออกมาเรียกร้องให้ดิฉันลาออก จึงอยากถามกลับไปว่า การลาออกคือคำตอบหรือ เพราะถ้าดิฉันลาออกเพื่อเปิดทางให้เกิดสูญญากาศ ฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นประชาธิปไตยจะทำได้อย่างไร ดิฉันในฐานะประชาชนและผู้นำรัฐบาลต้องรักษาประชาธิปไตย ประคับประคองไปให้ถึงรัฐบาลใหม่แม้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ดิฉันขอทำหน้าที่ของตนเองจนถึงนาทีสุดท้าย”
       
       
       เมื่อยิ่งลักษณ์ยังไงก็ไม่ลาออก ผู้นำเหล่าทัพอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ปัดความรับผิดชอบใดๆ ในสถานการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติรอบด้านในตอนนี้ทั้งมีการใช้กองกำลังติดอาวุธออกมาเข่นฆ่าประชาชนและสมุนของทักษิณยังประกาศจะแยกประเทศ การจาบจ้วงสถาบันสูงสุดยังโหมหนักไม่ลดละแต่ทหารอย่างพลเอกประยุทธ์ยังไม่รู้สึก
       
       ขณะที่ กปปส.ก็ยึดมั่นในแนวทางการต่อสู้ของตัวเองอย่างมั่นคงส่วนฝ่ายคิดชั่วจ้องจะลอบทำร้ายเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ก็กำลังลงมือปฏิบัติการต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนจะยกพวกมาเผชิญหน้ากับมวลมหาประชาชนในกรุงเทพฯ หากยังไม่เลิกชุมนุม
       
       สถานการณ์จึงจะรุนแรงต่อไป มองเห็นความพินาศย่อยยับของชาติบ้านเมืองกำลังรออยู่ไม่ไกล

ยิ่งใกล้วันที่ 2 มีนาฯ “แม้ว-ปู” ยิ่งดิ้นรนก่อนหมดสภาพทางกฎหมาย!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กุมภาพันธ์ 2557 07:41 น.

ยิ่งใกล้วันที่ 2 มีนาฯ “แม้ว-ปู” ยิ่งดิ้นรนก่อนหมดสภาพทางกฎหมาย!!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์26 กุมภาพันธ์ 2557 07:41 น.

ผ่าประเด็นร้อน
       
       สังเกตหรือไม่ว่าช่วงนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวของเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ออกมาพร้อมๆ กัน ไม่ว่าเป็นความพยายามใช้กำลังตำรวจนับหมื่นนายพร้อมอาวุธครบมือ “บดขยี้” สลายการชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ การใช้กองกำลังติดอาวุธลอบทำร้ายผู้ชุมนุม ซึ่งก็ได้ผลเหี้ยมโหดราวสัตว์นรก เพราะทำให้เด็กและผู้หญิงเสียชีวิต และบาดเจ็บกันเป็นเบือ และยังมีการมุ่งหมายชีวิตแกนนำผู้ชุมนุมแทบทุกเวทีมีให้เห็นทุกวัน รวมไปถึงเหิมเกริมหนักข้อด้วยการยิงถล่มศาลถึงสองครั้งห่างกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
       
       ขณะเดียวกัน คนในรัฐบาลในระดับรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่างจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ก็ขึ้นเวทีปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงให้จับอาวุธทำร้ายคนที่เห็นต่างหรือพวกที่ต่อต้านรัฐบาลทรราช ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ แบบรุนแรง ทำกันถึงขั้นข่มขู่แยกประเทศแยกแผ่นดินกันเลยทีเดียวและล่าสุด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็แสดงอาการเหมือน “โผล่มาจากรู” ออกมายืนยันว่า “จะไม่ยอมลาออก”จากรักษาการนายกฯ อย่างเด็ดขาด
       
       ทุกการเคลื่อนไหวระดมโหมเข้ามาพร้อมกัน เป้าหมายเพื่อให้เกิดความกลัว บั่นทอนฝ่ายตรงข้าม แต่กลับกลายเป็นว่าผลออกมาในทางตรงกันข้าม เพราะยิ่งเพิ่มความเกลียดชังเพิ่มมากขึ้น และชี้หน้าัไปทันทีว่าคนที่ก่อเหตุร้ายแรงแบบอุบาทว์ทั้งหลายล้วนเป็นฝีมือของเครือข่ายระบอบทักษิณทั้งสิ้น โดยมีกองกำลังติดอาวุธจากเขมรเข้ามาผสมโรงด้วย และที่สำคัญผลจากความเกลียดชังดังกล่าวยังผลกระทบต่อธุรกิจของ “ตระกูลชินวัตร” ที่กำลังกอบโกยมาเป็นเวลานาน เริ่มส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากมีการรณรงค์ต่อต้านไม่กินไม่ใช้กันทุกวัน
       
       ขณะเดียวกันก็มีท่าทีแข็งกร้าวจากสำนักงานศาลยุติธรรมว่าจะดำเนินคดีกับใครก็ตามที่ “ละเมิดอำนาจศาล” ด้วยวิธีการต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นการส่งต่อข้อความทางโซเชียลฯ ดูหมิ่น การข่มขู่คุกคามที่กำลังเกิดขึ้น รวมไปถึงคนที่ลงมือใช้อาวุธสงครามถล่มที่ทำการศาลยุติธรรม โดยจะต้องสาวไปถึงคนที่จ้างวานด้วย แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบไปถึงเครือข่ายทักษิณโดยตรง เพราะรู้กันอยู่ว่าคนที่ไปวางพวงหรีดต่อต้านศาลนั้นล้วนเป็นคนเสื้อแดงทั้งสิ้น
       
       ล่าสุดก็มีการเปิดเผยว่ามีการส่งน้องเขยทักษิณ คือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่เป็นคนของ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นั่นแหละเข้ามา “หยั่งเชิง” เข้ามาเจรจากับหลวงปู่พุทธะอิสระที่เวทีแจ้งวัฒนะเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งตามข่าวบอกว่ายังไม่มีอะไรเป็นเรื่องเป็นราวและนัดหมายว่าจะกลับมาใหม่ในสัปดาห์หน้า
       
       นี่คือลักษณะอาการของคน “ดิ้นรน” ลุกลี้ลุกลนจนผิดสังเกต ทั้งโหมเร่งก่อเหตุรุนแรง ปลุกระดมมวลชนข่มขู่ รวมไปถึงการส่งคนเข้ามาเจรจา ทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไปแน่นอน
       
       อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบรอบตัวจึงได้เห็นคำตอบและสาเหตุว่าทำไมต้องมีการเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าว เริ่มจากในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำหนดให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปรับทราบข้อหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และแม้ว่าตามขั้นตอนแล้วจะยังสามารถยื้อได้โดยอาจใช้วิธีขอเลื่อนนัดออกไปก่อน แต่ทุกอย่างย่อมมี “กรอบเวลา” กำหนดเอาไว้ ซึ่งที่ผ่านมากรรมการ ป.ป.ช.ที่ดูแลคดีอย่าง วิชา มหาคุณ ก็เคยระบุมาแล้วว่าภายในเดือนมีนาคมจะสามารถ “ชี้มูล” ได้แล้วว่ามีความผิดหรือไม่ ซึ่งก็คือแค่เดือนหน้าเท่านั้น
       
       นอกจากนี้ยังมีเรื่องใหญ่ใน “แง่มุมกฎหมาย” ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษก็คือ 
       
       นั่นคือในวันที่ 2 มีนาคม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีครบ 30 วัน และการเลือกตั้งก็ยังทำได้ไม่ครบทุกเขตเลือกตั้ง จึงไม่อาจเปิดสภาเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ 
       
       ทำให้นักกฎหมายหลายคนฟันธงว่า หลังวันที่ 2 มีนาคมเป็นต้นไปเธอก็จะ “พ้นสภาพ” ไปอีกขั้น คำถามก็คือจะเกิดสภาพ “สุญญากาศ” หรือไม่ ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากกลไกในวุฒิสภาที่กลุ่มที่มาจากการเลือกตั้งจะต้องหมดวาระลงไปในวันที่ 1 มีนาคมและต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ทำให้ในสภาเหลือเพียงแค่ “วุฒิสภาสรรหา” ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่ขี้ข้าทักษิณ ชินวัตร ทำให้รองประธานวุฒิสภา คือ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ขึ้นมารักษาการประธานวุฒิสภา อาจทำหน้าที่เป็นคนเสนอชื่อนายกฯคนใหม่ตามรัฐธรรมนูญ
       
       แม้ว่าในเรื่องหลังยังมีข้อถกเถียงกันทางกฎหมายว่าเป็นไปได้หรือไม่ แต่ก็แน่นอนว่าเมื่อเลยวันที่ 2 มีนาคมไปแล้วมันก็ยิ่งทำให้สถานะความชอบธรรมของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยิ่งติดลบลงไปอีก และสิ่งที่ทำได้ก็คือ “กำลังใจ” จากพวกเดียวกัน นั่นคือเวลานี้เธอมีกำหนดการไปกบดานที่เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นแหล่งปลอดภัยที่สุด มีกำหนดอยู่ที่นั่นตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นั่นก็หมายความว่าจะไม่ยอมเดินทางไปรับทราบข้อหาทุจริตจาก ปปช.ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์อย่างแน่นอน
       
       ดังนั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป ในทางกฎหมายสำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เริ่มตีบตันลงไปเรื่อยๆ จน “ไม่มีที่ยืน” อย่างที่เธอโอดครวญเอาไว้จริงๆ!!

หนังหนากอดเก้าอี้หนีปัญหา “ปูเปื้อนเลือด” ทำชาติติดหล่ม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กุมภาพันธ์ 2557 07:26 น


หนังหนากอดเก้าอี้หนีปัญหา “ปูเปื้อนเลือด” ทำชาติติดหล่ม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์27 กุมภาพันธ์ 2557 07:26 น
รายงานการเมือง
       
       นอกจากจะไม่เร่งลากตัวคนร้ายมาประจาน กลับยังหน้าด้านโผล่มาโยนความผิดเรื่องปรากฏการณ์ “ห่าระเบิด” ที่เกิดขึ้นหลายจุดใน กทม.และต่างจังหวัด เป็นฝีมือของพวกแนวร่วม กปปส. ที่จ้องสร้างสถานการณ์เพื่อล้มล้างรัฐบาล ทั้งที่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ดันสามารถด่วนสรุปมาได้ว่าเป็นฝีมือใคร
       
       หนำซ้ำยังออกแนวพิรุธ รีบโยนว่า เหตุการณ์ของ “ไอ้เดรัจฉาน” เหล่านี้เกิดขึ้นได้ เป็นผลพวงมาจากการที่ศาลแพ่งออกข้อห้ามต่างๆ ส่งผลทำให้ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ของ “ขี้ข้าเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ผอ.ใหญ่ ขยับเขยื้อนอะไรไม่ได้จนเกิดเหตุความวุ่นวายหลายจุดจนน่าสงสัยว่าบางทีโศกนาฏกรรมครั้งนี้ มีใครบางคนจงใจพยายามหาความชอบธรรมให้กับ ศรส. ที่อยู่ในช่วงระหว่างขออุทธรณ์ต่อศาลแพ่ง เพื่อขอลูกกระสุนกลับมาใส่ปืน
       
       ข้อสังเกตหลายอย่างมันทำให้รัฐบาลดิ้นหลุดยาก กับข้อครหาที่ประชาชนตั้งขึ้นโดยเฉพาะพิกัดที่ “ห่าระเบิด” ลงใส่ ล้วนแล้วแต่เป็นจุดที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลอยู่ทั้งสิ้น ทั้งเวที กปปส. อ.เขาสมิง จ.ตราด เวที กปปส.ราชประสงค์ ศาลอาญา และศาลแพ่ง คนที่บาดเจ็บล้มตายไม่เคยมีคนของรัฐบาลปะปนอยู่ในนี้สักคน
       
       หาก กปปส.จะดรามาทำร้ายตัวเองแล้วได้ประโยชน์อะไร เพราะอย่างไรเสียรัฐบาลก็หนังหนา ไม่ลุกไปไหนง่ายๆ
       
       ดังนั้น หากจะอยากแก้ข้อกล่าวหา และทำให้เห็นว่าตรรกะตัวเองแม่นยำ ก็ต้องไปลากคอ “ไอ้เดรัจฉาน” ฆ่าเด็กมาประจานต่อสังคมเพราะหลักฐานหลายอย่างมีเกลื่อนกลาด ทั้งกล้องวงจรปิดบริเวณนั้นที่มีอยู่ไม่รู้กี่จุด ทั้งพยานที่เห็นเหตุการณ์ งานนี้ไม่ใช่งานยาก ยิ่งตำรวจไทยไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ยกเว้นจงใจเกียร์ว่าง เท่านั้น
       
       แต่หากจับไม่ได้หายจ้อยไปเหมือน “ไอ้ปื๊ด” ก็แสดงว่า “ไอ้เดรัจฉาน” ตัวนี้ที่สังคมกำลังตามหาตัว มันเป็นพวกรัฐบาลทรราชนั่นแหละ!!
       
       คดีแล้วคดีเล่าที่เฝ้ารอ...แล้วก็หาย ยังติดตามจับกุมคนร้ายไม่ได้ ไม่มีแม้แต่ความคืบหน้า แล้วจะไปพึ่งหวังอะไรได้กับพวกตำรวจขี้ข้ารับใช้ทรราชจนเมามัวไม่ลืมหูลืมตา งานในหน้าที่บกพร่องอย่างร้ายกาจ ฝ่ายนู้นจับฝ่ายนี้เฉย ช่วยกระเตงรัฐบาลกันไป อุ้มชูกันไว้ โดยเฉพาะนายตำรวจชั้นยศใหญ่ๆ รัฐบาลรอดกูก็ใหญ่ รัฐบาลไปกูก็จบ!!!
       
       ที่น่าสมเพชเวทนาที่สุดกว่าใครนาทีนี้ คงหนีไม่พ้นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย อย่าง “ปูเปื้อนเลือด” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สวมบทปากปราศัย แต่น้ำใจเชือดคอ ประเทศชาติจะฉิบหายวายวอดขนาดไหน ก็ยังตีกรรเชียงหนีปัญหาอยู่ร่ำไป ไม่รู้สึกรู้สากับปัญหาที่เกิดขึ้นอาศัยกุนซือข้างกายกระแทกแป้นสะอึกสะอื้น สร้างภาพให้ดูไปวันๆ
       
       ตลกร้าย แทนที่จะมาประชุมติดตามสถานการณ์เพื่อลาก “ไอ้เดรัจฉาน” มาประหารเซ่นเลือดเนื้อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิต กลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ตะแล๊ดแต๊ดแต๋ ดอดไปโผล่ จ.สระบุรี ไปที่นั่นที่นี่ ล่าสุดไปเชียงใหม่ เชียงราย เดี๋ยวจะโผล่ไปอีสานเมืองหลวงคุณอยู่แถวนั้นหรืออย่างไร เมืองหลวงตอนนี้ยังอยู่กรุงเทพฯ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
       
       ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น เป็นการตอกย้ำภาพนายกรัฐมนตรีจับสลากมาได้ เพราะไม่รู้จักลำดับความสำคัญว่า อย่างไหนควรทำ เอาแต่ติ๊ดชึ่งอย่างเดียว
       
       สภาพหมดภาวะผู้นำ ไร้อำนาจบริหาร ง่อยเปลี้ยเสียขา ไร้ความชอบธรรมที่จะอยู่บนเก้าอี้ก็ควรเลิกเหนี่ยวรั้งความเจริญประเทศ ยอมไขก๊อกลาออกให้ชาติเดินไปข้างหน้าต่อได้ดีกว่า
       
       หากจะดื้อแพ่งอยู่ไปวันๆ แล้วต้องหนีหัวซุกหัวซุน ทำอะไรแบบไร้ยางอายแบบนี้ อยู่ไปก็ไร้ความหมาย ไสหัวไปเพื่อชาติน่าจะงดงามกว่า
       
       ยิ่งนานวันคนยิ่งเอือมระอากับนายกฯหญิงคนนี้ แรกๆ ที่เข้ามาตั้งความหวังว่าจะดี แต่ปรากฏชัดแล้ว ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง ความรู้ไม่มี แม้กระทั่งความรู้รอบตัวยังกระจอก พูดผิดๆ ถูกๆ กิริยาไม่สำรวม เป็นถึงผู้นำประเทศแต่บุคลิกฉุยฉายเกินจำเป็น
       
       ยิ่งอยู่บริหารประเทศนานคนยิ่งเห็นธาตุแท้ เป้าหมายเพื่อพี่ชาย และโคตรเหง้าตระกูลชินวัตร มาทำงานเหมือนทำธุรการรายวันเท่านั้น ไม่มีความคิดเชิงก้าวหน้า ต้องรอพี่ชายสั่ง นโยบายก็ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ ปูเป็นแค่ฝ่ายนำเสนอ
       
       ที่สำคัญนายกฯ คนนี้มีความบกพร่องอย่างร้ายแรง เรื่องการตัดสินใจที่ไม่เด็ดขาด ความรู้ไม่มี บวกกับความไม่เด็ดเดี่ยวมั่นใจ บ้านเมืองมันเลยคาราคาซัง เดินช้าเป็นเต่าป่วย เปิดช่องพวกทุจริตกะซวกเงินเข้ากระเป๋ากันเพลินจนชาติฉิบหายล่มจม แล้ววันนี้ก็อย่างที่เห็น สถานการณ์การเมืองท่ามกลางการชุมนุมที่เดินหน้าไม่ออก ถอยหลังไม่ได้ นายกฯทำอะไรไม่ถูก หาทางออกไม่เจอ
       
       นอกจากลากกระเตงทู่ซี้ให้มันดิ่งเหวไปเรื่อยๆ
       
       คิดอะไรไม่เป็นนอกจากตีกรรเชียงกอดอำนาจอย่างน่าสมเพชเวทนา ปล่อยให้พี่ชายจัดการปัญหารอบกาย และห้ำหั่นกับฝ่ายตรงข้าม
       
       แต่ยิ่งนานวันเกมยิ่งเปลี่ยน ฝ่ายรัฐบาลนักโทษเพลี่ยงพล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้เข้าตาจน แล้วก็มีเหตุการณ์แปลกๆ ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงป่าเถื่อน จากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย กองกำลังใต้ดินที่ยังจับไม่ได้คาหนังคาเขา แม้จะสันนิษฐานว่า ก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2553 ในนามชายชุดดำมาแล้วก็ตาม
       
       หรือเป้าประสงค์ คือ มุ่งหมายสร้างความหวาดกลัวข่มขู่และเอาจริง เพื่อไม่ให้การชุมนุมขยายวง ต้องการให้ม็อบฝ่อ กังวลเรื่องความปลอดภัย แม้อาจจะประสบความสำเร็จในบางจุดในบางโอกาส แต่เชื่อว่าอีกหลายๆ โอกาสอาจไม่สำเร็จ แล้วเมื่อมีการประมวลเหตุการณ์ประเมินผลลัพธ์ ก็เชื่อเหลือเกินว่าหากเป็นคำสั่งจากคนต่างแดนจริง ผลได้ไม่คุ้มเสียแน่ คนจะรู้แล้วว่าธาตุแท้ที่พยายามโกหกหน้าตายมาตลอดเป็นอย่างไร
       
       วันนี้ฝ่ายทหารเริ่มขยับออกมาป้องปรามแล้ว เหมือนรู้ความเคลื่อนไหวใต้ดิน ออกมาปะทะกองกำลังไม่ทราบฝ่ายไม่ให้เด็ดหัวประชาชนสร้างสถานการณ์ความหวาดหวั่น ปิดล้อมสกัดความรุนแรงไว้ทุกทิศทาง
       
       ดูสถานการณ์แล้วยิ่งบีบให้รัฐบาลเดินเข้าสู่มุมอับ ซอยตัน ลนลานทำอะไรไม่ถูกแล้ว ดังนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจะเดินเกม เพื่อปิดเกมอย่างไร เมื่อจังหวะโอกาสมาแล้ว ลูกเข้าตีนแล้ว จะชู้ตเข้าโกล์ หรือเตะทิ้งเอาลูกทุ่ม ยื้อเวลารอบางอย่าง
       
       เวลาที่จะตัดสินใจมันก็เหลือไม่มากแล้ว จะทำอะไรก็ควรรีบทำ ก่อนโอกาสจะไม่มี!!!