วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

IMFเตือนไทย เลิกจำนำข้าว ลดภาระคลัง เมื่อ 13 พ.ย.56

IMFเตือนไทย เลิกจำนำข้าว ลดภาระคลัง


ไอเอ็มเอฟเตือนรัฐบาลไทยเลิกจำนำข้าว ลดภาระทางการคลัง แนะจ่ายเงินเพื่อช่วยชาวนาที่ยากจนโดยตรงแทน "ยรรยง" สวนทันที เดินหน้าต่อ   อ้างเทียบการช่วยเหลือสินค้าเกษตรกับประเทศอื่นแล้ว ไทยมีสัดส่วนช่วยเหลือไม่ได้สูงมาก ป.ป.ช.ยัน 20 พ.ย.นี้ไม่มีการชี้มูล "ปู" คดีจำนำข้าวแน่นอน
    เมื่อวันอังคาร กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกรายงานเศรษฐกิจไทยเสนอให้รัฐบาล ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือแวต จาก 7% เป็นระดับใกล้เคียงประเทศเพื่อนบ้านที่ 10% ให้ขึ้นภาษีทรัพย์สิน และตัดค่าลดหย่อนทางการภาษีบุคคลธรรมดา เพื่อเพิ่มรายได้ภาษีให้มากขึ้น
    รัฐบาลกลางจะขาดดุลงบประมาณเพิ่มเป็น 3.4 % ต่อจีดีพีในปีนี้ เพิ่มจาก 1.7% ต่อจีดีพี ในปี 2554 และหนี้สาธารณะจะเกิน 53% ของจีดีพี ภายในปี 2561 ในขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าว่าจะรักษาหนี้สาธารณะไว้ไม่ให้เกิน 50% ต่อจีดีพี และทำให้งบประมาณสมดุลภายในปี 2560 ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของไทยปีนี้จะขยายตัวในระดับต่ำที่ 3.1% แต่เติบโตสูงขึ้นเป็น 5.2% ในปีหน้า
    ไอเอ็มเอฟยังระบุว่า เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายงบประมาณสมดุล รัฐบาลจึงต้องหารายได้เพิ่มด้วยการขึ้นภาษีและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง และให้รัฐบาลยกเลิกโครงการรับจำนำข้าว เพื่อลดภาระทางการคลัง โดยเสนอให้รัฐบาลจ่ายเงินโดยตรงเพื่อช่วยเหลือชาวนาที่ยากจนแทนการรับซื้อข้าวในราคาสูงกว่าตลาดดังเช่นที่รัฐบาลปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ ไอเอ็มเอฟยังเสนอให้ยุติการอุดหนุนราคาพลังงาน
    นอกจากนี้ยังแนะนำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับปกติ หากมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อสูงขึ้น โดยดอกเบี้ยนโยบายของไทยขณะนี้อยู่ที่ 2.5% ซึ่งไอเอ็มเอฟและธนาคารแห่งประเทศเป็นระดับที่ต่ำกว่าปกติ
    แต่นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนกรานว่า การดำเนินโครงการรับจำนำยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และเมื่อเทียบสัดส่วนการช่วยเหลือสินค้าเกษตรของไทยกับประเทศอื่นๆ จะพบว่าไทยมีสัดส่วนการช่วยเหลือที่ไม่ได้สูงมาก และเมื่อเทียบกับเงินสำรองที่ไทยมีอยู่ ไทยยังมีฐานะทางการคลังที่ดี 
    อย่างไรก็ตาม การที่โครงการรับจำนำใช้เงินในการดำเนินโครงการแล้ว 6 แสนล้านบาทนั้น เป็นการดำเนินโครงการในช่วงเวลานาน 3 ปี ซึ่งยังเป็นไปตามกรอบการใช้เงินที่มติคณะรัฐมนตรีให้ไว้คือ ไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ใน 2 ปี แบ่งเป็นเงินหมุนเวียนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 9 หมื่นล้านบาท และเงินกู้โดยรัฐบาลค้ำประกัน 4.1 แสนล้านบาท และกำหนดให้มีการขาดทุนจากการดำเนินโครงการไม่เกินปีละ 8 หมื่น - 1 แสนล้านบาท
    นายยรรยงกล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ (กขช.) เพื่อพิจารณาเรื่องการช่วยเหลือข้าวสารให้ประเทศฟิลิปปินส์ที่ได้ประสบภัยธรรมชาติ เบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์อาจเสนอให้บริจาคข้าวที่มีคุณภาพในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อเป็นการรักษาความสัมพันธ์ที่ฟิลิปปินส์เป็นผู้ซื้อข้าวใหญ่อันดับสองของอาเซียนเฉลี่ยปีละหลายล้านตัน และประเทศอาเซียนด้วยกัน นอกจากนี้ ที่ประชุมจะหารือการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเรื่องต่างๆ หลังเปิดโครงการมาแล้วมากกว่า 1 เดือน
     ด้านนายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และโฆษก ป.ป.ช. แถลงถึงความคืบหน้าการไต่สวนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ที่ได้ลงพื้นที่ไปในหลายจังหวัด จึงต้องรอฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ก่อน ซึ่งจะนำมาสรุปและรายงานเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีทุจริตจำนำข้าวของรัฐบาล ภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้ ขณะเดียวกัน ในช่วงนี้ได้มีการเรียกพยานมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมอีกหลายคน คงต้องรอให้ครบถ้วนก่อน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการตรวจสอบเส้นทางการเงินจากเช็คนั้น ได้ยุติเสร็จแล้ว ตอนนี้เป็นการตรวจสอบในส่วนของบุคคล
    ถามว่า เรื่องนี้ถูกหยิบยกไปเป็นประเด็นปราศรัยบนเวทีผู้ชุมนุมล้มรัฐบาล นายวิชากล่าวว่า ป.ป.ช.ไม่เกี่ยว แต่ ป.ป.ช.ทำงานตามเป้าหมายที่ได้วางแผนการทำงานไว้ ตั้งแต่เก็บข้อมูลให้ละเอียด เรียกพยานสอบเพิ่มเติม ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญ 
    ซักว่า จะมีการชี้มูลในวันที่ 20 พ.ย.นี้หรือไม่ นายวิชาตอบว่า ไม่มี เป็นไปไม่ได้ที่จะชี้มูลการไต่สวน ยืนยันว่ายังไม่ใช่การชี้มูลอย่างแน่นอน แต่จะเป็นการให้เจ้าหน้าที่มาสรุปข้อมูลที่ลงไปเก็บในพื้นที่มารายงานต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนเท่านั้น เพราะการทำงานเป็นไปในรูปของคณะอนุกรรมการฯ ไม่ได้ทำกันเพียงไม่กี่คน
    “เราจะทำงานชุ่ยๆ ไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องระดับประเทศ เป็นเรื่องระดับโลกที่จับตามอง และเพิ่งทราบว่าทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ต้องการให้ยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวนี้เสีย เพราะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก สื่อต่างประเทศได้นำเสนอข่าวเรื่องนี้ไปทั่วโลก” นายวิชากล่าว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น