วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คนกำแพงเพชรลุกฮือต้าน กม.ล้างผิดอัปยศ ปูทางสร้างบรรทัดฐานใหม่ “โกงไม่ผิด” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 พฤศจิกายน 2556 19:06 น.

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น





คนกำแพงเพชรลุกฮือต้าน กม.ล้างผิดอัปยศ ปูทางสร้างบรรทัดฐานใหม่ “โกงไม่ผิด”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์6 พฤศจิกายน 2556 19:06 น.

แถลงการณ์ต้าน พ.ร.บ.ล้างผิดคนโกง ชี้เป็นกฎหมายส่งเสริมคนทำผิด สร้างค่านิยมใหม่ “โกงแล้วล้วนได้แต่ผลดี” ขณะที่มวลชนส่วนหนึ่งตบเท้าขึ้นรถเข้าร่วมการชุมนุมในกรุงเทพฯ
       
       เย็นวันนี้ (6 พ.ย.56) เครือข่ายภาคประชาชน จ.กำแพงเพชร ทั้งพ่อค้า นักธุรกิจ คณะอาจารย์ นักศึกษา จากหลายสถาบัน รวมกว่า 500 คน รวมตัวกันที่หน้าที่ว่าการอำเภอเมือง พร้อมร่วมกิจกรรมโบกธงชาติ เป่านกหวีด แถลงจุดยืนต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย จากนั้นตัวแทนจากทุกภาคส่วนได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัยต้านร่างกฎหมายดังกล่าว
       
       แถลงการณ์ของภาคประชาชนกำแพงเพชรระบุว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมีเจตนาที่จะลบล้างคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีทุจริตต่างๆ และให้คดีที่ยังค้างคาเป็นอันต้องยุติไป ทำให้ผู้กระทำความผิดในคดีทุจริต ทั้งในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ พ้นจากความรับผิดและความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง จะส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อหลักนิติธรรม สิทธิมนุษยชน และหลักธรรมาภิบาล โดยเฉพาะการต่อต้านด้านการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย
       
       พ.ร.บ.ดังกล่าวยังส่งผลที่ตามมา คือ ถ้อยคำในร่างมาตรา 3 เป็นการส่งเสริมการกระทำทุจริตคอร์รัปชัน ส่งผลให้ผู้มีส่วนสมรู้ ร่วมคิด ทั้งตัวการ ผู้สนับสนุน และผู้ถูกใช้ให้กระทำ ไม่มีความเคารพและเกรงกลัวต่อกฎหมาย ทำให้การคอร์รัปชันยิ่งทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น จนมิอาจประมาณความสูญเสียได้
       
       การล้างผิดในคดีทุจริตเป็นการทำลายระบบคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและสังคมอย่างร้ายแรง สังคมไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนชาติจะรับค่านิยมใหม่ว่า “โกงแล้วไม่มีความผิด โกงแล้วล้วนได้แต่ผลดี” ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความล้มเหลวทางสังคมอย่างใหญ่หลวงเกินกว่าจะแก้ไขได้
       
       นอกจากนี้ ถ้อยคำในร่างกฎหมายดังกล่าวส่งผลเสียโดยตรงและอย่างรุนแรงต่อผู้ถูกกล่าวหา เนื่องจากถูกตัดโอกาสที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมให้ถึงที่สุด หมดโอกาสที่จะได้ใช้ความจริงพิสูจน์ข้อกล่าวหา และลบล้างความระแวงแคลงใจของคนในสังคม
       
       และที่สำคัญกระบวนการยุติธรรมของประเทศก็จะหมดความศักดิ์สิทธิ์ เพราะไม่สามารถทำให้สังคมเชื่อในคำตัดสิน และไม่สามารถนำตัวคนผิดมาลงโทษตามครรลองของกฎหมาย เพื่อชดใช้ และรับผิดต่ออาชญากรรมร้ายแรงที่กระทำต่อแผ่นดินและคนไทยทั้งประเทศได้
       
       ดังนั้น ประชาชนชาวกำแพงเพชรจึงลุกขึ้นมาต่อสู้แสดงจุดยืน คัดค้านและต่อต้านร่าง พ.ร.บ. เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย สร้างค่านิยมและบรรทัดฐานที่ถูกต้อง
       
       หลังจบคำแถลงการณ์ผู้ที่มาร่วมชุมนุมได้แยกย้ายกันเดินทางกลับทันที โดยมวลชนส่วนหนึ่งขึ้นรถเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมกับมวลชนที่กรุงเทพฯ ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น