วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความหายนะของ"ระบอบทักษิณ"มาจากความถ่อย-ทรยศหักหลัง !! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 พฤศจิกายน 2556 05:57 น.

ความหายนะของ"ระบอบทักษิณ"มาจากความถ่อย-ทรยศหักหลัง !!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์21 พฤศจิกายน 2556 05:57 น.

ผ่าประเด็นร้อน
       
       คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อบ่ายวันที่ 20 พฤศจิกายน เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ว่าเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย รวมไปถึงเข้าข่ายการให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองในลักษณะที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 อีกทั้งในกระบวนการแก้ไขก็เป็นไปแบบรวบรัด ปิดบังบิดเบือนอย่างชัดเจน 
       
       ในคำแถลงของศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ชัดให้เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ยังมีเจตนาเพื่อ"ทำลายระบบการถ่วงดุล"ตรวจสอบกลั่นกรองของวุฒิสภา โดยนำไปสู่"สภาผัวเมีย"ผิดไปจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
       
       นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังชี้ให้เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าวยังมีการ "สอดใส้"ผิดไปจากร่างเดิมที่เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันยังมีการ "เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน"ซึ่งถือว่ามีความผิด ผิดต่อคำปฏิญาณที่สมาชิกรัฐสภาต้องทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์
       
       นั่นคือคำพิพากษาชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญที่สรุปในสาระสำคัญในเบื้องต้น ซึ่งยังไม่นับรวมที่ศาลฯได้ย้ำให้เป็นบรรทัดฐานว่าคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร รวมถึงรัฐสภาด้วย
       
       ขณะเดียวกันยังได้สอนให้เห็นถึงคำว่า "เสียงข้างมาก"ว่าต้องมีเจตนาเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ 
       
       เป็นคำพิพากษที่ "ตอกฝาโลก"กดให้ "ระบอบทักษิณ"จมดิน จนไม่อาจโงหัวจึ้นมาได้อีก เพราะนี่คือหายนะอย่างแท้จริง ทั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และสมาชิกรัฐสภา "ขี้ข้า"ทั้ง 312 คน ที่ร่วมกันประกอบ"พิธีกรรมแบบโจร"ไม่เหลือความชอบธรรมใดๆอีกเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประธานรัฐสภา สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และประธานวุฒิสภา นิคม ไวยรัชพานิช ที่มีทางเดียวในตอนนี้ก็คือต้อง"ลาออก"เท่านั้น และในวันนี้ไม่ต้องมาพูดถึงเรื่องการ"ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ"เพื่อบเกลื่อน แต่ให้เตรียมยอมรับ "ชะตากรรม"ที่กำลังตามมาอีกหลายกระทงให้ดีก็แล้วกัน
       
       แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะไม่ได้ตัดสิทธิ์ สส.และ สว.ทั้ง 312 คน และประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภาก็ตาม แต่คนพวกนี้ถือว่า "หมดสภาพ"หมดความชอบธรรมอย่างสิ้นเชิงแล้ว เพราะพฤติกรรมที่ผ่านมาระหว่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการกระทำที่ "มิชอบ"ในทุกขั้นตอน พฤติกรรมไม่ต่างกับ"โจร" เป็นการรวมหัวสมคบกัน "ปล้นอำนาจ"ไปจากประชาชน คนพวกนี้ไม่สมควรที่จะอยู่ในตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาอันทรงเกียรติอีกต่อไปแม้แต่นาทีเดียว อย่าบังอาจกินเงินเดือนของประชาชนต่อไป
       
       อย่างไรก็ดีนี่คืออีกหนึ่งความ"หายนะ"ของระบอบทักษิณ หลังจากก่อนหน้านี้เพิ่งแสดงให้เห็น "ธาตุแท้"ผ่านทางร่างกฎหมายล้างผิดให้คนโกง ภายใต้ชื่อว่าร่างพระราชบัญญัตนิรโทษกรรมไปแล้วมาหมาดๆ ในคราวนั้นได้ก่อให้เกิดกระแส "เกลียดทักษิณ" และ "เกลียดชินวัตร"เพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราดแผ่ขยายลุกลามออกไปทั่วประเทศ และคราวนี้ก็เป็น"อีกดอก"หนึ่งที่ซ้ำเข้ามาติดๆกัน เป็นการแจกแจงให้เห็นว่า คนพวกนี้มีเจตนาทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวอย่างไร ใช้เสียงข้างมากเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์อย่างไรบ้าง
       
       แม้ว่าในคำพิพากษาไม่ได้ยุบพรรคเพื่อไทย ซึ่งหากมองอีกมุมหนึ่งก็ถือว่าดีเหมือนกัน เพราะสามารถ "ขจัดเงื่อนไข"นำไปสร้างกระแส "ถูกกลั่นแกล้ง"ขึ้นมาอีก ทำให้คนพวกนี้หมดความชอบธรรมลงในเรื่อยๆด้วยพฤติกรรมด้วยตัวของมันเอง 
       
       ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนถือว่าเป็น "หายนะ"ของระบอบทักษิณ ซึ่งก็ต้องหมายรวมถึงรัฐบาลที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เวลานี้เปรียบเหมือน "เป็ดง่อย"เข้าไปทุกทีแล้ว เพราะถือว่าทุกอย่างล้มเหลวในทุกด้าน ขาดความชอบธรรม ขาดความน่าเชื่อถือจากสังคมส่วนใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะพยายามยื้อเวลาออกไปทุกทางรวมทั้งการใช้วิธีการแบบเดิมนั่นคือใช้ "มวลชนเสื้อแดง"ออกมาชุมนุมสนับสนุนรัฐบาล แต่นาทีนี้มันไม่ขลังอีกแล้ว ทุกอย่างกำลังถดถอยลงไป และที่สำคัญแม้ว่ามีอำนาจ "แต่บริหารไม่ได้"
       
       ความหายนะดังกล่าวของระบอบทักษิณ จะไปกล่าวโทษใครไม่ได้เป็นอันขาด ต้องโทษตัวเอง ไม่เคยสรุปบทเรียน ทุกอย่างล้วนมาจากความ "ถ่อยเถื่อน"ของตัวเอง ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ไม่เคยใช้เสียงข้างมากที่ประชาชนมอบให้ไปใช้เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ตรงกันข้ามกลับนำไปอ้างใช้ประโยชน์ส่วนตัว และพวกพ้องในครอบครัวเท่านั้น !!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น