วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เดินขบวน เมื่อ 8 พ.ย.56

เดินขบวน

เรียน คุณอัตถ์ที่นับถือ
          พอหมอฟันบอกว่าฟันซี่ที่มีปัญหานั่นเก็บไว้ก่อนได้ ค่อยมาจัดการกับมันทีหลัง ผมก็ออกเดินจากถนนโยธี ค่อยๆ ย่องมาถนนพระรามที่ ๖ แวะ (พัก) กรมทรัพยากรธรณีดูพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเปลือกโลก คือ ดินหินและการกำเนิดของสิ่งมีชีวิต พยายามมองหาสัตว์ที่เป็นบรรพบุรุษของสัตว์ที่ถูกอ้างอิงมากที่สุดคือเหี้ย แต่ไม่เจอ แล้วออกเดินต่อไปที่อุรุพงษ์ ที่นั่นเป็นช่วงเวลาพักผ่อนไม่มีกิจกรรมอะไร ผมนั่งพักและหาอาหารรับประทานแล้วนั่งรถเมล์ไปที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
          ผมตั้งหลักอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานที่ยอดนิยมของนิสิตหนุ่มๆ สมัยที่ผมเคยอยู่และน่าจะรวมถึงสมัยนี้ด้วย พอได้เวลาก็ลงไปที่สนามหญ้าหน้าอนุสาวรีย์ ๒ กษัตริย์เพื่อเริ่มกิจกรรม พอได้เวลาก็ออกเดินมุ่งหน้าไปที่หอศิลป์ ของ กทม.ที่สี่แยกปทุมวัน ตามแผนนั้นจะแบ่งเป็น ๓ ขบวน ขบวนแรกเลี้ยวขวาที่สี่แยกไปเชิญชวนประชาชนที่สยามสแควร์ ขบวนที่สองเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกไปเชิญชวนประชาชนที่มาบุญครอง ขบวนที่สามผู้สูงวัยเดินตามสบาย ถึงก็ชั่งไม่ถึงก็ชั่งตรงไปที่หอศิลป์เลย
          ด้วยความเป็นมือใหม่ทั้งคนเดินคนจัด ไมโครโฟนเริ่มมีปัญหาก่อน สื่อสารขัดข้องพอผู้สูงวัยเริ่มทยอยเดินล่วงหน้า คนที่มาทีหลังไม่รู้แผนก็ออกเดินตาม ขบวนธงสีชมพูต้องวิ่งแซงขึ้นไปเพื่อนำหน้าขบวน หัวขบวนถึงหอศิลป์แล้วหางขบวนเพิ่งออกจากประตู (อย่างที่เห็นในไทยโพสต์วันที่ ๖ พ.ย.) ในที่สุดก็ล้นลานหอศิลป์ลงมาเต็มสี่แยก  
          ๖ โมงเย็นร้องเพลงชาติกัน หลายคนบอกว่าจะไปต่อที่ราชดำเนิน ผมกลับบ้านเพราะหมดแรง นั่งเฝ้าจอจนประมาณ ๔ ทุ่ม มีฝรั่งคนหนึ่งขึ้นเวทีราชดำเนิน ชื่อเจฟฟรีย์ เป็นคนเชื้อชาติอเมริกันสัญชาติไทย เป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เป็นนักประวัติศาสตร์ สมองผมล้าแล้วผมจำปราศรัยของท่านได้คร่าวๆ ว่า ----- คนไทยสมัยนี้สอนเด็กให้เอาชนะ ไม่หาความรู้ ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ ข้าราชการชั้นสูงไม่ทำหน้าที่ ซื้อตำแหน่ง คอร์รัปชัน มีค่านิยมส่งลูกไปเรียนเมืองนอก คนไทยสยบยอมต่ออำนาจ ฯลฯ     
          ท่านกรีดหน้าชาวไทยยับเยินชนิดโกรธไม่ลง เพราะท่านพูดความจริงและอย่างจริงใจ และเมื่ออ่านคอลัมน์คนปลายซอยวันที่ ๖ พ.ย. คุณเปลวชื่นชมปราศรัยของอาจารย์วรพรรณ เรืองผกา จึงอยากขอให้ไทยโพสต์นำปราศรัยที่ดีมีประโยชน์มาเผยแพร่ด้วยนะครับ
                                      ด้วยความนับถือ
                                             ป.ปฏัก
    คงใกล้จบแล้วกระมังครับ คุณ ป.ปฏัก คงเหงาแย่ ฮ่าๆๆๆ  
    ที่จริงคนไทยเรารู้เรื่องของเราดีอยู่แล้ว เมื่อฝรั่งมาช่วยขยายความก็เกิดภาพที่ชัดเจนขึ้น เหมือนได้ส่องกระจกครับ 
----------
                     "ยิ่งเละ" 
เรียน คุณอัตถ์ อัตนัย ที่รักนับถือ
    ผมเขียนจดหมายถึงคุณอัตถ์ ตรงกับ วันเกิดครบรอบ ๑๗ ปี ของไทยโพสต์ เป็นความตั้งใจที่จะเขียนถึงในวันนี้ เพื่อถือโอกาสอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในปฐพีไทยและในสากลโลก อันมีอำนาจบันดาลได้ดังใจปรารถนา ขอให้จงบันดาลสรรพสิ่งอันเป็นมิ่งมงคล โปรดดลคุ้มครองให้ "ไทยโพสต์" และคณะผู้บริหาร คณะทำงานทุกคน จงรอดปลอดภัยจากสรรพสิ่งอันเป็นอวมงคลทั้งปวง จงมีความยืนยงใน "อิสรภาพแห่งความคิด" ไปจนกว่าสุดจะหาไม่....เทอญฯ
    ขอสิ่งสักดิ์สิทธิ์ประทานพรให้แล้ว ก็ขอเขียนถึงเรื่องบ้านเมืองที่ยังละล้าละลัง วังเวงใจ มองไปทางไหนเห็นแต่ความมืดมิด ก็ด้วยผู้บริหารบ้านเมืองเป็นคนที่ชาวบ้านร้านตลาดได้เปลี่ยนชื่อเสียงให้ว่า "ยิ่งเละ" ซึ่งชาวบ้านร้านตลาดก็ขานรับกันครึกโครมว่า "นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย ที่มีนามจริงว่า "ยิ่งลักษณ์" (ไม่ต้องแปลให้เสียเวลา) สมควรจะเปลี่ยนชื่อว่า "ยิ่งเละ" เพราะแกเละไปแทบทุกเรื่อง (ของการบริหารบ้านเมือง) ปล่อยให้นางนั่งหอคอยงาช้าง รับคำสั่งข้ามฟ้าจาก "ไอ้หน้าเหลี่ยม" พี่ชายนางอย่างเดียว ว่างๆ ก็หาเรื่องออกไปดูงานต่างประเทศ ผลาญเงินชาติเป็นว่าเล่น (๒ สมัย) ยังไม่เห็นผลงานปรากฏเป็นรูปธรรม มีแต่คำพูดที่ลอยฟุ้งไปทั่ว เป็นคำพูดที่โบราณกล่าวว่า "น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง" นั่นเทียว
    รัฐบาลยิ่งเละ ดูจะเป็นรัฐบาลที่มีความคิดเละๆ ทำแต่เรื่องเละเทะ ไม่ต้องพูดถึงการที่มีความคิดดันทุรังจะเอาชนะฝ่ายค้าน ด้วยการเทงบเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน เพื่อที่จะรับจำนำข้าวชาวนาปี ๒๕๕๗ ทั้งๆ ที่ข้าวที่รับจำนำไว้เดิมยังขายไม่ออก ทิ้งให้เน่าเละคาโกดัง ตอนนี้จะคิดรับจำนำยาง มันสำปะหลัง ทั้งๆ ที่นักวิชาการเกษตรทั่วไปตะโกนกรอกรู....หูว่า มันเป็นการแก้ปัญหา "ท้ายน้ำ" ที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ รมต.บางคนถึงกับบอกว่า ถ้ายางมันราคาตกก็ยกที่ไปปลูกกาแฟ หรือสะตอ ดีไหม?...ห้า ห้า ห้า ตอนนี้มันสำปะหลังกำลังจะมาพร้อมกับปัญหาอ้อย หรือพืชเศรษฐกิจหลักทั้งนั้น รมต.กระทรวงเกษตรไม่เคยทำนา ไม่เคยลงไปคัดอ้อย ปลูกมันสำปะหลัง ไม่เคยถือไต้ออกไปกรีดยาง มีแต่ปริญญายาวเฟื้อย เพื่อจะก้าวขึ้นไปนั่งบนหอคอยงาช้างสั่งการตามความคิด "สับปะหลก" คำโบราณ แปลว่า คิดฟุ้งซ่าน หาหัวหางไม่เจอ
    รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารการศึกษาชาติ ๒ ปี เปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ๕ คน การศึกษามันถึงเละตุ้มเป๊ะอย่างนี้ ปัญหาเรื่องการสอบเข้าเรียนระดับอุดมศึกษา ยังไม่ทันแก้เสร็จสิ้น ฝ่ายคณะกรรมการ สพฐ.แผลงฤทธิ์ อยู่ดีๆ ก็จัดตัดคำว่า "นาฏศิลป์" ออกจากวิชาเลือกขั้นพื้นฐานของ "รากเหง้า" ชีวิตไทย ที่เขากำลังเร่งพัฒนากันอยู่ดีๆ บอกว่า วิชาวัฒนธรรมไม่จำเป็นต้องใช้คำว่านาฏศิลป์ ตัดออกไปใช้คำว่า "การแสดงพื้นบ้าน"....ถุย!! พอถูกโจมตีก็รีบออกมาปฏิเสธหน้าตาเฉย ไม่เคยคิด จะทำยังงั้น...อ้าว แล้วรายงานการประชุม อย่ารีบไปแก้ไขใหม่นะ อายหมามัน 
    และขอบอกว่า การกำหนดให้โรงเรียนระดับต้นๆ ทุกโรงเรียนเร่งกวดขันการพูด การอ่านภาษาอังกฤษให้ชัดเจน ก่อนที่จะเปิดประเทศเป็นเสรีอาเซียน เดี๋ยวจะพูดกะพวกอาเซียนด้วยกันไม่รู้เรื่อง ผมฟังแล้วก็ขำว่ะ ทุกชาติมันมีภาษาพ่อ ภาษาแม่ของมันด้วยกันทั้งนั้น ถ้าจะพูดภาษาพ่อแม่กูแล้วพวกมึงไม่รู้เรื่อง กูเลิกคบงั้นหรือ? พอเปิดประเทศเข้าจริงๆ มันก็แลกภาษาพูดกันจนรู้เรื่องเองแหละ อย่าไปยึดภาษาอังกฤษที่ไม่ใช่ภาษาพ่อแม่ของเราเป็นหลัก เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญขั้นคอขาดบาดตาย คนที่เขาต้องการติดต่อค้าขายทำธุรกิจสูงๆ นั้น มันพูดภาษาไอ้กิดได้ดีทุกคน ไม่ต้องห่วงว่าจะโง่ จะถูกเขาหลอก พวกมึงคิดมากไปหรือเปล่าวะ? กูจะบอกให้ ถ้าพูดภาษาใดไม่ได้ก็ยังมี "ภาษากลางที่ใช้พูดกันได้ทั่วโลกอีกภาษาหนึ่ง รู้ไหมภาษาอะไร....."ภาษาใบ้" ไงวะ?
    รัฐบาลชุดนี้คิดทำแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง หรือเรื่องที่ยังไม่สมควรจะทำ...อะไรหรือ? ก็การคิด แก้ไขรัฐธรรมนูญ ไง พวกมันคิดแต่จะแก้กฎหมาย ย้ายกฎหมู่ เอาพวกมากลากไป ดึงเอากฎหมายที่มันคิดว่า "ไม่เป็นธรรม" "ไม่เป็นประชาธิปไตย" แก้กันใหม่จนกลายเป็น "กฎหมายเผด็จการ" ติดหนวดฮิตเลอร์ โง้งไปเลย พวกมึงช่วยกันแก้จนสามารถเอาคนโกงชาติเป็นหมื่นๆ ล้าน หนีออกนอกประเทศเข้ามาในประเทศจนได้ (พวกมึงอย่าปฏิเสธว่า กฎหมายนี้ไม่ช่วยไอ้หน้าเหลี่ยม ทั้งละลายความผิด และเรียกเอาทรัพย์สิน (ที่มึงโกงชาติไปคืนได้) พวกรัฐบาลแดงฮ่อทำในขณะที่ประชาชนกำลังรอการแก้ไข ทั้งเรื่องข้าวยากหมากแพง เรื่องอุทกภัย เรื่องธรรมชาติที่กระหน่ำจนน้ำท่วมจมูกจะหายใจไม่ออกตายอยู่แหงมๆ นี่แล้ว
    รัฐบาลยิ่งเละบอกทุกครั้งว่าทำเพื่อประชาชน (กูว่ามันไม่ใช่ประชาชนส่วนใหญ่ว่ะ มันก็แค่ช่วยพวกแดงฮ่อด้วยกันนั่นแหละ) ยิ่งเรื่องคดีดัง "ปราสาทพระวิหาร" ที่จะมีกำหนดแถลงปิดคดีร้อยปีระหว่างไทยกับเขมรกำลังจะเกิดขึ้น และมีแนวโน้มว่าไทยจะแพ้ ต้องเสียอาณาเขตที่ดินรอบปราสาท ๔.๖ ตารางกิโลเมตร แน่นอนเรื่องนี้กูบอกมาหลายหนว่า "ไทยไม่เคยยอมรับปราสาทพระวิหาร ที่ศาลโลกชุดก่อนมันพิพากษาชี้ว่า ปราสาทเป็นของเขมร ก็ด้วยใช้แผนที่ฝรั่งเศสทำช่วยเขมรขี้ข้าของตัว จะได้เก็บเอาไว้เป็นกันชนชายแดน และหัวหน้าคณะปฏิวัติ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ประกาศเป็นทางการไม่ยอมรับคำพิพากษา เอาธงไทยไปปักเอาไว้ไม่เคยเอาลงจากยอดเสา ๒๕ ปี พอไอ้เขมรดำเอาชนะเขมรแดงได้กลับมาครองเมืองภายใต้บารมีเวียดนาม บังอาจร้องศาลโลกเอาปราสาทคืนอีก มีไอ้บ้าคนไหนไม่ทราบที่บังอาจเอาธงไตรรงค์ลงจากยอดเสา ไอ้บ้านั่นมันยอมเขาดื้อๆ ไม่เคยถามประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ คราวนี้พวกกูและชาวไทย (ที่รักชาติ) ทั้งประเทศจะไม่ยอมฟังคำพิพากษาซี้ซั้วของพวกมึง คราวนี้จะปักธงชาติไทยที่เดิมอีกครั้ง จะดูหน้าไอ้ปึ้งสมองเลี่ยน ที่มันกำลังคิดจะเอาปราสาทถวายพ่อมันไอ้เขมรดำ ไอ้คนนี้มันคือพญาละแวก เขมรกบฏกลับมาเกิด แถมอีกคนไอ้คนนี้เลือกตั้งคราวหน้าคงหายศีรษะไปจากสภาแน่นอน มันคือ "ไอ้จ่าส้นตีน" (สมควรเรียกมันอย่างนั้น เพราะมันใช้รองเท้าชูในสภาทรงเกียรติ หยามความเป็นสภาแห่งชาติ จริงไหมวะ? ขอร้องพี่น้องชาวสุรินทร์ที่ลงคะแนนในเขต ถ้าไอ้จ่าส้นตีนกลับมาเสนอหน้าให้เลือกอีกครั้ง ก็ช่วยกันเอา "ส้นตีนยันหน้า" มันออกไปด้วย...นะครับ)
    ย่อหน้านี้ ผมขอคุยกับคุณอัตถ์เป็นส่วนตัวว่า ถ้าข้อความที่ผมเขียนลงไปในจดหมายฉบับนี้ มันจะเป็นเหตุให้คุณอัตถ์ และบรรณาธิการจะต้องเข้าไปกินข้าวผัดห่อ โอเลี้ยงแก้ว ในห้องขัง ก็ขอให้เก็บเอาไว้อ่านส่วนตัว ไม่ต้องเอาลงเผยแพร่ให้กระเทือนซางใครบางคน ก็ได้นะครับ...ขอบคุณ
                            คนไทย หัวใจรักชาติ
    ดีครับนั่งล้อมวงกินข้าวผัด ดูดโอเลี้ยงด้วยกัน น่าจะอร่อยครับ ฮ่าๆๆ แล้วเชิญเฒ่า ๗๒ เป็นสักขีพยาน ถึงนาทีนี้เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ต้องไล่รัฐบาลนอมินีระบอบทักษิณสถานเดียวครับ หากยังให้ "ยิ่งเละ" อยู่ต่อ ประเทศฉิบหายย่อยยับแน่นอน 
----------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น