วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ราชดำเนิน...ถนนของประชาชนวันศุกร์ ที่ 8 พฤศจิกายน 2556

วันศุกร์ ที่ 8 พฤศจิกายน 2556

เมื่อวานผมตัดสินใจเดินทางโดยรถตู้จากพัทยา เพื่อไปร่วมเติมเต็ม และแสดงออกเพื่อการคัดค้าน พ.ร.บ นิรโทษกรรม ฉบับลักหลับ สับขาหลอก ประชาชน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บนถนนราชดำเนิน ถนนแห่งประวัติศาสตร์การต่อสู้ของเหล่า วีรชน ที่เคยย่ำเดินเรียกร้องให้ได้มาซึ่ง ประชาธิปไตย...ผมถามตัวเองว่า ผมไปตามกระแสโซเชียลมีเดีย ที่ร้อนแรง แชร์กระหน่ำ ทั้งในเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ ไลด์ ฯลฯ หรือเปล่า?...ผมตอบตัวเอง ว่า...ก็ใช่นะไม่ปฎิเสธ    หรือกลัวจะถูกตราหน้าว่าเป็นไทยเฉย หรือเปล่า?...ผมก็ตอบตัวเองว่า...ก็ใช่ อีกนั้นแหละ...แต่อย่าลืมกันนะครับว่า ประชาชนชาวอียิปต์รวมตัวกัน โค่นล้มรัฐบาลของประธานาธิบดีอียิปต์ ฮอลนี มูบารัก ในปี ๒๕๕๔ ก็เริ่มต้นจากการแชร์ ต่อๆกันในเฟสบุ๊ค โซเชียลมีเดีย เช่นกัน 
แต่อย่างไรก็ดี ผมก็ยังพอจะมีความรู้เรื่องการเมืองอยู่บ้าง และติดตามข่าวสารบ้านเมืองตลอด ว่าใครโกง ใครเลว ปู้ยี่ปู้ยำ ทำกับประเทศชาติอย่างไร?...ผมมองเห็นเหมือนประชาชนหลายๆคนในประเทศมองเห็น เมื่อวานผมจึงไม่ ลังเล ใจ ที่จะไปร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ถนนราชดำเนิน
ผมยอมรับ...ว่าตัวผมเองเป็นพวกโลกสวย แต่ก็ยังมีใจห่วงชาติบ้านเมือง ผมจึงนั่งรถเมล์ มาลงแถวๆ วัดโพธิ์ท่าเตียน เดินเก็บภาพที่สวยงามของเมืองไทยไปเรื่อย ก่อนเข้าสู่พื้นที่ชุมนุม
เมืองไทยเป็นประเทศ ที่สวยงาม ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส จนได้รับขนานนามจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกว่าเป็น สยามเมืองยิ้ม...ประเทศไทยเป็นประเทศ ที่ถือได้ว่า มีความอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ...ใครใคร่ค้า ค้า ใครใคร่ขาย ขาย

ประชาชนคนไทยอีกหลายสาขาอาชีพ...ยังคงทำมาหากินกันอย่างปกติทั้งที่มีม๊อบอยู่ไม่ไกล อีกทั้งเมื่อวานชาวธรรมศาสตร์ ก็รวมตัวกันเดินไปยังรัฐสภากันอย่างมากมาย แต่ก็มีได้ยินคุยเรื่องการเมือง ที่เกิดขึ้นกันบ้าง มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย...อยู่ที่ว่าใคร จะได้รับ หรือเสพข้อมูล กันมาอย่างไร

คนไทยอีกหลายคน ไม่รู้หรอกครับว่า พ.ร.บ. นิรโทษกรรม เป็นมาอย่างไร? ใครได้? ใครเสีย? ...มีผลกระทบต่อพวกเขาอย่างไร? พวกเขารู้แต่เพียงว่า ขอให้มีพื้นที่ให้พวกเขาทำมาหากิน ทำมาค้าขายได้ดี มีเงินใช้...ผมจึงเห็นประชาชน อีกหลายๆคน ไม่สนใจเรื่องบ้านเมือง ว่าใครจะดี ใครจะเลว ...ใครจะโกงกินประเทศชาติกันอย่างไร?...แต่ใครอย่ามาทำอะไร แล้วกระทบการทำมาหากินของพวกเขาก็แล้วกัน
นักลงทุน พ่อค้าหัวใส ที่แฝงตัวเข้าไปเป็นนักการเมือง รู้ถึงความต้องการของคนไทยกลุ่มนี้ จึงมีนโยบายเอาใจประชาชนเหล่านี้ออกมามากมาย...คือนโยบายประชานิยม ทั้งหลายแหล่นั้นเอง...คนกลุ่มนี้ไม่รู้หรอกครับว่า ในอนาคตจะได้รับผลกระทบ จากนโยบายนี้อย่างไร? พวกเขาจะรู้แต่เพียงว่า รัฐบาลนี้ใจดี เอาเงินมาปล่อยให้เขากู้... จากไม่มีโอกาสจะมีรถยนต์กับเขาก็อุตส่าห์ใจดีมีนโยบายรถคันแรก... ชาตินี้หาเงินทั้งชาติคงจะเก็บเงินซื้อบ้านไม่ได้ รัฐก็อุตส่าห์ทำหมู่บ้านเอื้ออาทรให้อีก... การรักษาพยาบาล โรคบางโรค อาจต้องใช้เงินเป็นแสน แต่รัฐบาลนี้มีนโยบาย ๓๐ บาท ก็รักษาได้แล้ว...

ประชาชนกลุ่มนี้หลายคน...ไม่มีโทรศัพท์ ถึงมีก็ใช้โทรศัพท์ ราคาถูก ไม่ได้เล่นอินเตอร์เน็ต ไม่ได้เล่นเฟสบุ๊ค...หาเช้ากินค่ำ ตกเย็นกลับบ้านดู ทีวีรุ่นเก่า ดื่มยาดอง เหล้าขาว แอลกอฮอล์ราคาถูก สังสรรค์ในหมู่ของพวกเค้า
เชื่อได้ว่าพวกเขาเหล่านี้...ก็เฝ้ารอรัฐบาล ที่มีความจริงใจต่อการเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้อง ข้าวยากหมากแพง เพิ่มเติมสวัสดิการแก่ครอบครัวของพวกเขา ให้มีโอกาสอยู่ได้ในสังคมอย่างมีความสุข 
มีบ้างมั๊ย ที่รัฐบาล คิดจะร่าง พ.ร.บ เพื่อช่วยเหลือคนเหล่านี้อย่างจริงจัง

ผมเดินลัดเลาะจากท่าเตียน ผ่านวัดพระแก้ว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สนามหลวง...มุ่งสู่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พื้นที่ชุมนุมคัดค้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย บน "ถนนราชดำเนิน ถนนของประชาชน" โดยแท้จริง เป็นถนนที่มากมายด้วยหนทางประชาธิปไตยที่ครอบคลุมชีวิตและจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ

ถนนนที่ทอดยาว มากมาย ด้วยเรื่องราวการต่อสู้ มีผู้คนที่กล้าพอที่จะร่วมคิด ร่วมฝัน ร่วมสร้าง และร่วมสู้ ครั้งแล้วครั้งเล่า ชีวิตแล้วชีวิตเล่า ถนนสายนี้ผมเคยแต่ขับรถผ่าน ไม่มีโอกาสลงมาเดินเหมือนเช่นวันนี้...
ถนนราชดำเนิน ปกติถ้าไม่มีการชุมนุมจะดูเงียบขรึมและน่าเกรงขาม จะพบเห็นแต่หน่วยงาน ใหญ่ๆ โตๆ ตั้งเรียงรายอยู่สองฟากฝั่ง ทั้งกองทัพภาคที่ ๑ กองบัญชาการทหารบก ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานองค์การสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ ฯลฯ และถนนแห่งนี้ยังใช้เป็นที่จัดงานสำคัญๆ เช่นพิธีสวนสนาม พิธีถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้า
ผมเดินเข้าสู่ ถนนราชดำเนินกลาง ผ่านอนุสรณ์วีรชนเดือนตุลา ก่อนเข้าสู่ที่ชุมนุม บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย


ในบรรดาวีรชนที่เสียชีวิตบนถนนสายนี้ ผมจดจำภาพและเรื่องราวที่เขียนถึงเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๑๖ ได้ตลอดเวลาคือภาพของ วีรชน จีระ บุญมาก เขาถูกยิงหน้ากรมประชาสัมพันธ์ ร่างของเขาถูกแห่ แล้วนำขึ้นไปไว้บนพานรัฐธรรมนูญเพื่อประจานการกระทำของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองขณะนั้นที่ใช้ความรุนแรงในการปราบปราม ...พอผมมายืนอยู่หน้าอนุสาวรีย์แห่งนี้ จึงอดไม่ได้ ที่จะมองขึ้นไปยังพานรัฐธรรมนูญ แห่งนั้น

เพราะ พ.ร.บ นิรโทษกรรม เพื่อล้างผิดฆาตกร คนโกงชาติ แท้ๆ ถึงทำให้ประชาชนผู้รักชาติ รักแผ่นดิน พากันออกมาคัดค้าน พ.ร.บ ฉบับนี้กันอย่างมากมาย มหาศาล...ประชาชนที่ออกมาคัดค้านมีทุกหมู่เหล่า หลากหลายอาชีพ เพราะเป็น พ.ร.บ. ที่สุดซอยจริงๆ ทำเพื่อช่วยฆาตกรตัวจริง คนโกงชาติตัวจริง ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนโดยส่วนรวมเลย ที่บอกว่าปรองดอง มีหนทางอีกมากมายที่ทำได้ ...แต่รัฐบาลก็เล่นบท หลอกประชาชนไปวันๆ

การแถลงถอนร่าง พ.ร.บ. ของนายกรัฐมนตรีถึง ๖ ร่าง ในบ่ายแก่ๆ วันนั้น ยิ่งทำให้ประชาชน ในที่ชุมนุม เป่านกหวีด โห่ร้อง ด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ. ทั้ง ๖ ร่าง ไม่มีร่างที่เป็นปัญหา ต้นเหตุของการชุมนุมในครั้งนี้อยู่ด้วยเลย จึงไม่แปลกที่เย็นวันวาน ผู้คนเลยออกมากันอย่างมากมายล้นหลาม
 

ผมอยู่ในที่ชุมนุม จนถึงช่วง คุณ สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำม๊อบราชดำเนิน ออกมาประกาศบนเวทีท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ตั้ง ศาลประชาชน ขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทั่วทั้งประเทศ ทุกที่การชุมนุม เป็นผู้พิพากษา ในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.๐๐ น.
วันนั้น คงจะมีคดีมากมายที่คนชั่วกระทำต่อประเทศไทย ประชาชนชาวไทย...และรู้สึกอัดอั้นมานานหลายปี ...จึงขอเชิญชวนประชาชนคนไทยผู้เป็นเจ้าของประเทศ ออกไปกันเยอะๆ เป็นล้านๆ เพื่อไปร่วมเป็นผู้พิพากษา ล้างบางคนชั่วให้สิ้นซากออกจากแผ่นดินไทยให้หมด...ครับ 
แล้วเจอกัน บน ราชดำเนิน...ถนนของประชาชน


ราชดำเนิน-แอ๊ด คาราบาว 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น