"คำนูณ" ฟันชัด!! "ปู" ไม่สำนึก?? ยิ่งแถลงปชช.ยิ่งลุกฮือต้านกม.อัปยศ!!!
คำนูณ สิทธิสมาน อัดยับ!! นายกฯ ยิ่งออกมาแถลงประชาชนก็ยิ่งฮือขึ้นมาต่อต้านกฎหมายอัปยศ ชี้สิ่งที่แถลงเหมือนไม่ได้สำนึก นาทีนี้แถลงอะไรประชาชนก็ไม่เชื่อ ??
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก ทางทีนิวส์ทีวี ประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยมองว่า ทางเครือข่ายทักษิณต่อสู้ไปตามสถานการณ์เท่านั้น เมื่อมีกระแสพี่น้องประชาชนตื่นตัวแบบนี้ก็ต้องถอยออกมาก่อน เพื่อรักษาสภาพความเป็นรัฐบาลเอาไว้ แต่เมื่อใดที่กระแสมันจางลง มีจังหวะ เขาจะสอดใส่ในสิ่งที่เขาต้องการขึ้นทันที ซึ่งเราจะเห็นอาการถอยของผู้ที่กุมอำนาจโดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ชนิดที่เรียกว่า ถอยสุดซอย
ทีนิวส์ : ก่อนอื่นเลยมองสถานการณ์การเคลื่อนไหวที่มีออกมา ทั้งการแถลงของวิปรัฐบาล ทั้งการแถลงของเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงนายกรัฐมนตรีด้วยว่าอย่างไรบ้าง
คำนูณ : ทางฝ่ายพรรคเพื่อไทยได้ถอยออกมาสุดๆ แล้ว ตอนนี้แกนนำม็อบเรียกได้ว่า กำลังลุกฮือทั่วประเทศที่ไม่เอาร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ทางพรรคเพื่อไทยเองก็คงจะเป็นห่วงสถานการณ์ว่า จะยกระดับไปสู่การขับไล่รัฐบาล
ทีนิวส์ : คุณคำนูญมองท่าทีของรัฐบาลแล้วว่า จะถอยจริงหรือไม่
คำนูณ : คือเราก็ต้องดูกันต่อไป ขั้นตอนในการโยนมาให้วุฒิสภา ไม่ต้องโยนมาหรอกครับ วุฒิสภามีหน้าที่ที่จะต้องพิจารณาโดยอิสระอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าวุฒิสภาเป็นสภาตรวจสอบ สภากลั่นกรอง เพราะฉะนั้นอำนาจมันย่อมน้อยกว่าสภาผู้แทนราษฎร การพิจารณาในวันจันทร์ ถ้าวุฒิสภาไม่รับร่างไว้ มันไม่ได้แปลว่าร่างกฎหมายจะตกไป สถานการณ์ก็คือเราก็ส่งร่างคืนไปยังสภาผู้แทนราษฎร และอันนี้ก็จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 148 เนื่องจากว่ากฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่กฎหมายการเงิน เพราะฉะนั้นสภาผู้แทนราษฎรก็ต้องรอไว้ 180 วัน หลังจากนั้น 180 วันก็ขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฎร จะมีใครเสนอว่าให้ยืนยันร่างที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปหรือไม่ ใครก็ได้เสนอมีผู้รับรอง 20 คน ก็จะพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ก็ขอให้ยืนยันเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายก็ถือว่า ผ่านกระบวนการรัฐสภาเรียบร้อย นายกรัฐมนตรีก็สามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยได้เลย แต่ว่าในระหว่างนั้นเป็นช่วงขั้นตอนที่ส.ส. หรือส.ว. สามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า มันขัดต่อรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ในมาตรา 154 นั่นหมายความว่า กฎหมายนี้ยังไม่ตกไป แต่ว่ามันจะถูกยับยั้งโดยวุฒิสภา และเมื่อพ้น 180 วันแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฎรว่าเขาจะยกขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ จะยืนยันหรือไม่ ถ้าเขายืนยันด้วยเสียงข้างมากกึ่งหนึ่ง มันก็ยังมีขั้นตอนต่อไปก็คือ สามารถยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ ในสถานการณ์ที่ดำรงอยู่
ทีนิวส์ : นั่นหมายความว่ากระบวนการต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น เป็นเพียงแค่การชะลอร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ออกไปเท่านั้น
คำนูณ : มันยังไม่ตกไปครับ ยกเว้นว่า รัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยจะแถลงออกมาเป็นประชาคมต่อพี่น้องประชาชนอย่างชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยก็ต้องสัญญาอย่างมีสัจจะว่า เมื่อพ้น 180 วันไปแล้ว พรรคเพื่อไทยไม่ว่าสมาชิกคนใดก็ตามแต่ใครก็แล้วแต่ จะไม่หยิบยกเอาร่างฉบับนี้ขึ้นมาอีก
ทีนิวส์ : แต่ว่าวันนี้ทางเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงทางนายกรัฐมนตรีด้วย ก็มีการแถลงข่าวให้สัญญาเอาไว้ว่า ให้นำร่างฉบับนี้ขึ้นมาพิจารณาอีก
คำนูณ : เป็นสิ่งที่ควรจะทำครับ แต่ขณะนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ในขณะนี้เครดิตของรัฐบาลมีความตกต่ำมาก เราจะเห็นได้เลยคำแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรี ถ้าคนเชื่อเรื่องก็คงจะเรียบร้อย แต่ปรากฏว่า ยิ่งนายกรัฐมนตรีออกมาแถลงคนก็ยิ่งฮือขึ้นมา เพราะสิ่งที่ท่านได้ออกมาแถลงเหมือนท่านไม่ได้สำนึก ท่านยังยืนยันว่า สิ่งที่ท่านทำนั้นมันถูก เพียงแต่ว่ามีการออกมาคัดค้านกัน ท่านก็จะทำอย่างนั้น ตามมาด้วยการยืนยันของประธานวุฒิสภา ซึ่งก่อนหน้านี้ก็พูดอีกอย่างหนึ่ง มาเมื่อวานนี้ก็พูดอีกอย่างหนึ่ง เหมือนกับจะช่วยตอกย้ำรัฐบาล อันนี้ผมตั้งข้อสังเกตเองนะครับ ตามด้วยเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นั่นแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อถือของพี่น้องประชาชนที่มีต่อรัฐบาล ผมเข้าใจว่ามันเป็นความอึดอัดคับข้องใจที่ดำรงมา เรื่องนั้น เรื่องนี้ ตลอดระยะเวลา 2 ปี และที่สำคัญเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสังคมก็เตือนแล้ว จำได้ไหมครับ ตอนที่นายกฯจะตั้งสภาปฏิรูป ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายพันธมิตรต่างๆ บอกว่า ให้ช่วยชะลอไว้ เรื่องร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็อีกเรื่องหนึ่ง และคุยกันมันก็ทำให้บรรยากาศการพูดคุยกัน มันมีความเป็นไปได้ ถึงผู้คนเขาจะไม่เชื่อรัฐบาล แต่เขาจำเป็นที่จะต้องไปคุย ท่านก็บอกว่ามันเป็นคนละเรื่อง อันนี้เป็นเรื่องของสภาไม่เกี่ยวกัน ทำกันไปพร้อมทั้ง 2 ทางได้ สิ่งที่เกิดขึ้นมันอัปยศอดสูมากที่สุด เพราะฉะนั้นนายกรัฐมนตรีแถลงอะไรออกมา นาทีนี้ผู้คนก็ไม่เชื่อ อันนี้ก็เป็นปัญหาใหญ่ของบ้านเมือง
ทีนิวส์ : ทีนี้ทางหลายฝ่ายก็ได้ออกมาพูด ไม่ว่าจะเป็นทางวิปรัฐบาล ทางเลขาธิการพรรคเพื่อไทยนายกฯ แต่ว่าบุคคลสำคัญที่ออกมาพูดยืนยันถึง 2 ครั้ง 2 หน ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงยืนยันในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ แล้วก็ยืนยันอีกว่า จะเดินทางกลับมาเมืองไทย เพราะฉะนั้นมันจะมีการชั่งน้ำหนักระหว่างกันไหมคะ กับข้อมูลทั้ง 2 ฝ่าย
คำนูณ : แต่ละคนก็มีสิทธิ์ที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ผมเองก็มีความเห็นทางหนึ่ง ทางเครือข่ายคุณทักษิณ เขาก็ต่อสู้ไปตามสถานการณ์ มีกระแสพี่น้องประชาชนตื่นตัวแบบนี้เขาก็ถอยออกมาก่อน เพื่อรักษาสภาพความเป็นรัฐบาลเอาไว้ แต่เมื่อใดที่กระแสมันจางลง มีจังหวะ เขาจะสอดใส่ในสิ่งที่เขาต้องการขึ้นทันที ตลอดระยะเวลา 2-3 เดือน ตั้งแต่ที่มีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ เราจะเห็นว่า เครือข่ายเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ทำให้ระบบรัฐสภามันสามานย์ อาศัยกลยุทธข้อบังคับต่างๆ อภิปรายอย่างหนึ่ง ลงมติอีกอย่างหนึ่ง ทำแบบนี้ ลืมไปว่า สังคมมันมาถึงจุดๆ หนึ่งผู้คนก็ทนไม่ได้ เขาก็ลุกขึ้นมาเอง โดยผู้คนที่ลุกขึ้นมา ไม่ใช่ผู้คนที่เคยคัดค้านท่านโดยตลอดเป็นประจำเสมอไป แต่มันเป็นการตื่นตัวที่มีผู้ประกอบอาชีพต่างๆ ออกกันมามากเป็นพิเศษ
ทีนิวส์ : แต่ตอนนี้หลายคนก็เริ่มวิตกกังวลกัน กับทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดง ที่จะออกมาชุมนุมกันในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ คุณคำนูญมองตรงนี้อย่างไร
คำนูณ : ทางเครือข่ายของพรรคเพื่อไทย เขาคงที่จะไม่ใช้มวลชนเข้ามาเพื่อให้เกิดปัญหามากขึ้น เพราะในความเป็นจริงที่เราเห็นกันอยู่ ในขณะนี้่เขาไม่ได้มีปัญหาแต่เพียงฝ่ายค้านอย่างเดียว แม้กระทั่งแต่คนเสื้อแดงเอง ก็มีปัญหา เหมือนเขาถูกตัดหางปล่อยวัดหมด เห็นว่าทางคุณตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ กำลังมีสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมตั้งใหม่เป็นของตัวเอง อันนี้เห็นได้ชัดครับว่า ความซื่อสัตย์ หรือสัจจะ หรือความกตัญญูกตเวที แม้แต่พวกเขาเองที่ช่วยกันส่งขึ้นมาถึงขนาดนี้ ที่เอาหยาดเหงื่อแรงงาน ชีวิตเลือดเนื้อ เพื่อปูทางให้เขากลับเข้ามาสู่อำนาจ เมื่อถึงเวลาที่เขาเห็นว่ามีวิธีการที่จะรักษาอำนาจที่ยั่งยืนกว่านั้น เขาก็สามารถตัดทิ้งได้ แล้วนับประสาอะไรกับพี่น้องประชาชนคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงข้ามกับเขามาตลอดว่า เขาจะสามารถปฏิบัติได้ตามสัจจะที่ลั่นวาจาเอาไว้ อันนี้ก็เป็นประเด็นสำคัญที่ผมคิดว่า พี่น้องประชาชนต้องชั่งน้ำหนักกัน
ทีนิวส์ : คุณคำนูญมีอะไรจะปิดท้ายไหมคะ
คำนูณ : ผมอยากจะบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้น มันมาจากรัฐบาลในระยะเวลา 2 ปี จุดเท่าไหร่ก็จุดไม่ติด ผู้คนก็มากันน้อย แต่เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นก็คือ การลุกฮือจากหลายๆ กลุ่มที่เขาไม่เคยมีบทบาททางการเมืองมาก่อน มันเป็นกระแสขึ้นมา และเมื่อตื่นขึ้นมา เราจะเห็นอาการถอยของผู้ที่กุมอำนาจโดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาดต่อ 2 วันมานี้ ชนิดที่เรียกว่า ถอยสุดซอย มันเป็นปาฏิหาริย์ของการตื่นตัวของประชาชน เพราะฉะนั้นถ้าประชาชนสามารถรักษาปากิหาริย์เหล่านี้ไว้ได้ ผมเชื่อว่า ปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ ก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ ก็ขึ้นอยู่ที่ว่า เราจะสามารถรักษาพลังที่ตื่นตัวขึ้นมา ณ ขณะนี้ และจะดำรงเป้าหมายของเรา และจะพัฒนายกระดับเป้าหมายของเรา จากการคัดค้านร่างกฎหมายเลวทรามฉบับหนึ่ง ไปสู่การต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ ไม่ว่าจะการปฏิรูปประเทศ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแกนนำกลุ่มต่างๆ ที่จะต้องขบคิดในจุดนี้ให้ดี มันมีช่วงระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น