วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มธ.เป่านกหวีดไล่นิรโทษโกง เมื่อวันที่ 7 พ.ย.56 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์



มธ.เป่านกหวีดไล่นิรโทษโกง


เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ ได้มีการชุมนุมของกลุ่มประชาคมศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน มธ. คณาจารย์ รวมตัวกันเพื่อแสดงพลังต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม บริเวณหน้าตึกโดม และกระจายล้นไปยังสนามฟุตบอลและบริเวณหน้าตึกคณะวารสารศาสตร์ โดยมีศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันร่วมกว่า 5,000 คน และผู้มีชื่อเสียงในแวดวงการเมือง อาทิ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน, ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการ มธ., นายอภิชาติ ดำดี ศิษย์เก่า มธ.รุ่นที่ 21, ดร.เฉลิมชัย วศีนนท์ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, นายมานิจ สุขสมจิตร อดีตประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีจากแวดวงดารา-นักแสดง อาทิ เชอร์รี่-เข็มอัปสร สิริสุขขะ, หน่อย-บุษกร วงศ์พัวพัน, ต้อ-มารุต สาโรวาท ผู้กำกับและผู้จัดละคร ร่วมเดินขบวนคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ช่วงเช้า เวลา 09.00 น. นายอภิชาติ ดำดี ศิษย์เก่า มธ.รุ่นที่ 21 โดยได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีต่อเนื่อง พร้อมอ่านแถลงการณ์ต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มีเนื้อหา ดังนี้ ตามที่สภาผู้แทนราษฎร ได้ผ่านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม วาระ2 และ3 ไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 ดังที่ทราบกันโดยทั่วไปและเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ ขัดต่อหลักนิติธรรม ล้มล้างกระบวนการยุติธรรมและจงใจเร่งรัดให้ผ่านร่างโดยเร็วเกินกว่าปกติ โดยไม่สนใจเสียงท้วงติงจากสังคม เป็นเหตุให้เกิดแรงคัดค้านต่อต้านจากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ เรือนแสนเรือนล้านในเวลาเพียง 3-4 วันอย่างไม่เคยมีมาก่อน นับจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 โดยขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยในฐานะเสียงข้างมากในสภาว่า หากยังยืนยันที่จะบริหารประเทศต่อไป ต้องเร่งปฏิบัติตามสิ่งที่แถลงไว้โดยเร็วที่สุด อย่าทำเพียงเพื่อเอาชนะทางการเมือง อย่าตระบัดสัตย์ซ้ำเหมือนในกรณีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอีก แต่หากไม่สามารถทำได้ ท่านหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศอีกต่อไป บทเรียนในครั้งนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่มีอำนาจใดเหนืออำนาจประชาชนและในฐานะที่ประชาชนคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง เราต้องตรวจสอบผู้รับมอบอำนาจจากเราไปว่า เขาใช้อำนาจในทางที่ถูกที่ควรตามเจตจำนงค์ที่เรามอบให้ไปหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามเจตจำนงค์ เรามีสิทธิ์ทวงคืนอำนาจนั้นได้
ทั้งนี้ กลุ่มประชาคมฯ เคลื่อนขบวนออกจากมหาวิทยาลัยในเวลา 10.40 น. พร้อมเป่านกหวีดแสดงพลังคัดค้าน โดยเดินทางมุ่งหน้ามายังจุดหมายแรกที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อหยุดอ่านคำแถลงการณ์ ก่อนเคลื่อนขบวนผ่านสะพานมัฆวานรังสรรค์ ไปยังรัฐสภาเพื่อยื่นหนังสือต่อวุฒิสภา อย่างไรก็ตามระหว่างเดินขบวนนั้นถึงบริเวณหน้ากองทัพบก ตำรวจตั้งแถวปิดกั้นการชุมนุมไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมกลุ่ม มธ.เดินผ่าน ทาง มธ.จึงได้ส่งตัวแทนเจรจาและเคลื่อนขบวนต่อได้จนกระทั่งมาถึง บริเวณหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก เพื่อจะเดินข้ามมายังสะพานมัฆวานฯ ซึ่งปรากฏเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำแท่งปูนขนาดใหญ่มาวางเรียงกั้นไว้เพื่อปิดถนนส่งผลให้ผู้ชุมนุมไม่สามารถเดินผ่านไปได้ ดังนั้น ดร.สุรินทร์ และ ศ.ดร.สุรพล ได้เป็นตัวแทนของกลุ่ม มธ. มาเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้ข้อสรุปว่าจะให้ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน มารับหนังสือตรงบริเวณหน้าประตูยูเอ็น ก่อนที่กลุ่มประชาคม มธ.ที่ร่วมเดินขบวนจะแยกย้ายกลับ


วันที่ 7/11/2556 เวลา 22:31 น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น