วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ใกล้จะถึงจุดระเบิดเต็มที เมื่อ 5 พ.ย.56

ใกล้จะถึงจุดระเบิดเต็มที เมื่อ 5 พ.ย.56


ขนาดถือเป็นเพียง มือใหม่หัดม็อบ เท่านั้น...แต่ไม่ว่าโดยบุคลิก ลีลา ความอดทน อดกลั้น ในการพูดจาปราศรัย  ตลอดไปจนถึงความเฉียบขาดในการวางแผน การตัดสินใจ  คงต้องยอมรับว่ายี่ห้อ เทพเทือก ในวันนี้ สามารถแปะเอาไว้ข้างฝา จัดอยู่ในทำเนียบแถวหน้าของ นักเคลื่อนไหวมวลชน อย่างไม่มีใครกล้าปฏิเสธกันได้ง่ายๆ...
                                                           ----------------------------------------------------
    การเคลื่อนขบวนมวลชนนับหมื่น นับแสน ออกไปยืดเส้น ยืดสาย จากสถานีรถไฟสามเสน ผ่าเข้าสู่ใจกลางม็อบอุรุพงษ์ ก่อนร่วมควงแขน เคียงบ่า เคียงไหล่ โผล่ออกไปแถวหลานหลวง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วัดพระแก้ว ฯลฯ วันวานนี้ ถ้าหากว่ากันตามภาษานักเทคนิครัฐประหาร อย่าง คูร์สิโอ มาลาปาเต อาจต้องเรียกว่า...ถือเป็นการ ซ้อมรบแบบมองไม่เห็น เอาเลยประมาณนั้น คือเป็นการติดเครื่อง จูนเครื่อง ทดสอบความแรงของกระบอกสูบ อัตราเร่งในระหว่างการเปลี่ยนเกียร์ เชนจ์เกียร์ ได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ หลังจากนั้น...ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะตัดสินใจเหยียบคันเร่ง กันเมื่อไหร่ ตอนไหน เท่านั้นเอง...
                                                        -------------------------------------------------------
    ประกอบกับอัตราความเร็วและความแรงของบรรดาม็อบแต่ละม็อบในช่วงนี้...คงต้องยอมรับว่า ต่างฝ่ายต่างพร้อมแล้วที่จะใส่เกียร์ห้า ติดเทอร์โบ กะจะเหยียบให้มิดตีน มิดด้าม ไปด้วยกันทั้งสิ้น เสียงเป่านกหวีดที่ดังสนั่นลั่นโลกไปทั่วทั้งย่านสีลม โดยม็อบสีลม ความร้อนเร่าของนักเรียนอาชีวะและนักศึกษารามคำแหงที่ไหลมาบรรจบกับความลึก ความจัดจ้าน ของนักรบมืออาชีพแห่งสมรภูมิภูผาทีอย่างพลตรี จำลอง ศรีเมือง ที่แยกอุรุพงษ์ ไปจนถึงความเปรี้ยวมือ เปรี้ยวเท้า ของบรรดาม็อบพื้นบ้านในแต่ละจังหวัด ฯลฯ งานนี้...โอกาสที่คุณน้อง ปู ยิ่งลักษณ์ จะลอยไป ลอยมา กรีดกรายเป็นพรีเซนเตอร์ต่อไปเรื่อยๆ เหมือนแต่ก่อน...น่าจะลำบากเอามากๆ!!!
                                             ------------------------------------------------------------
    แม้ว่าจะยังคงใช้วิธีนิ่งเงียบ ตั้งมั่นอยู่ในที่ตั้ง ท่องคาถาซ้ำๆ ว่าเป็นเรื่องรัฐสภา รัฐบาลไม่เกี่ยว...แต่โดยอากัปกิริยาเท่าที่พอจับสังเกตได้ไม่ยาก คงต้องสรุปว่าชักจะ ออกอาการ อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการระบายความเกรี้ยวกราดใส่คนใกล้ชิดอย่างคุณ ปุ้มปุ้ย แบบตรงไป-ตรงมา การเอ่ยคำพูดซ้ำๆ เรียกร้องให้อภัยต่อกันและกันด้วยเส้นเสียงสั่นๆ แถมน้ำตาคลอเบ้าอีกต่างหาก ซึ่งก็ยังมิอาจสรุปได้ว่า สั่นเพราะความสะเทือนใจ หรือสั่นเพราะความตกใจกันแน่  เนื่องจากความหมายของ การให้อภัย ที่ว่า มันดูจะไม่ได้ถูกกลั่น ถูกกรอง ออกมาจากจิตใจที่บริสุทธิ์ ที่จริงใจ แต่อย่างใด แต่ออกไปทางสั่นๆ ไหวๆ พอๆ กับลีลาการกระโดดไป กระโดดมา ของ จิงโจ้ ซะละมากกว่า...
                                                      ------------------------------------------------------------
    และแม้ว่าขั้นตอนของการต่อต้าน คัดค้าน กฎหมายนิรโทษกรรม (พี่ชายนายกฯ) จะยังคงเหลืออยู่อีกประมาณยก สองยก คือยังต้องรอไปถึงขั้นตอนวุฒิสภา ไปจนถึงขั้นตอนศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่โดยอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนในแต่ละม็อบ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...มันชักจะเกิดการสั่งสม สะสม เกิดการยกระดับ ชนิดนาทีต่อนาทีไปแล้วก็ว่าได้ เรียกว่า...ถึงจะยังไม่รู้หมู่ รู้จ่า ยังไม่รู้ว่าจะเป็นวุฒิสภา หรือเป็นศาลรัฐธรรมนูญกันแน่ ที่จะเป็นผู้หยุดยั้งกฎหมายอัปยศฉบับนี้กันในยกสุดท้าย แต่จะเป็นด้วยความเจ็บปวด รวดร้าว ทรมาน จากพิษบาดแผล ที่ถูกรัฐบาลประเคนใส่มาโดยตลอด 2 ปีกว่าๆ  หรือไม่ เพียงใด ก็มิอาจสรุปได้ แนวโน้มที่ผู้คนในแต่ละม็อบจะพร้อมใจส่งเสียงตะโกนว่า รัฐบาล...ออกไป หรือ ยิ่งลักษณ์...ออกไป มันชักจะใกล้ถึงจุดแบบเฉียดฉิวเต็มที...
                                                     --------------------------------------------------------------
    พูดง่ายๆ ว่า...อาจไม่ต้องรอเวลาลากไปถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน อันเป็นวันที่คาดๆ เอาไว้ว่า ได้เวลาที่วุฒิสภาจะหันมาสุมหัวรวมตัวเพื่อใคร่ครวญ พิจารณาในเรื่องราวเหล่านี้ แม้กระทั่ง ณ วินาทีนี้ หรือในวันนี้ พรุ่งนี้ หลายต่อหลายราย ยังถึงกับเผลอหลุดปาก ส่งเสียงตะโกนในแบบที่ว่าออกมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย หรือมันได้เกิดการยกระดับทางอารมณ์ความรู้สึกแบบออโตเมติกขึ้นมาดื้อๆ ชนิดไม่ว่าผู้นำมวลชนมือใหม่หรือมือเก่าก็ตามแต่ อาจจะ เอาไม่อยู่ กันเลยก็ไม่แน่!!! คือแทนที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะสิ้นสุด ยุติ ด้วยการแพ้น็อก แพ้คะแนนกันในยก 5 หรือในกรณีของกฎหมายนิรโทษกรรมแต่เพียงเท่านั้น เผลอๆ...มันอาจมียก 6 ตามมา หรือไม่งั้นอาจถึงขั้นขออนุญาตน็อกก่อนระฆังยกสุดท้ายจะเริ่มต้น และผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายของหมัดน็อก อาจไม่ใช่แค่รัฐสภา แต่รวมไปถึงรัฐบาลที่อาจถูกอัปเปอร์คัตร่วงคาเวทีเอาง่ายๆ...
                                                     -----------------------------------------------------------------
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ถ้าหากรัฐบาลยังคงมุ่งมั่นอยู่แต่การเอาชนะในทางเทคนิค อาศัยเหลี่ยม เล่ห์ เพทุบาย อาศัยอำนาจรัฐ หรืออำนาจมวลชนอันธพาลเป็นที่ตั้ง งัดเอากฎหมายที่ถูกทำให้กลายเป็นกฎหมา มาสร้างความหงุดหงิด รำคาญ มาใช้ข่มขู่ คุกคาม ผู้ซึ่งกำลังตกอยู่ในอารมณ์ ประชาชนทนไม่ไหว หนักขึ้นเรื่อยๆ หรือปล่อยให้กุ๊ย ให้อันธพาล ออกไปโรยหมามุ่ย ไปตีหัว คั่วแห้ง ใครต่อใคร เพื่อให้เกิดความกลัว โอกาสที่ม็อบหนึ่งม็อบใดจะเกิดอาการ  นอตหลุด ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ไม่ต่างไปจากช่วงจังหวะเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลา 16 นั่นแหละ แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างทำท่าจะยุติลงไปได้บ้างแล้วก็ตาม แต่ด้วยเหตุที่อารมณ์ความรู้สึกของผู้คนมันถูกยกระดับไปถึงขั้นพร้อมจะจุดระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ เพียงแค่เจอเข้ากับ ไม้ขีด ก้านเดียวเท่านั้น กระทั่งเผด็จการแท้ๆ ยัง เอาไม่อยู่ แล้วเผด็จการในคราบประชาธิปไตย หรือเผด็จการทุนสามานย์จะไปเหลืออะไร!!! แรงกดดันที่รัฐบาลได้สร้างสมมาตลอดช่วง 2 ปีกว่าๆ จนก่อให้เกิดบรรดา ประชาชนทนไม่ไหว โผล่ขึ้นมาเต็มบ้าน เต็มเมือง เช่นนี้ มันจึงไม่ต่างอะไรไปจากการเพิ่ม อัตราเสี่ยง ให้กับตัวเอง ชนิดยังไม่ทันถึงยกสุดท้าย...อาจต้องอพยพไปตั้งหลักอยู่ที่มอนเตเนโกรทั้งตระกูลเอาเลยก็ไม่แน่!!!
                                                    --------------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก สุนทโรวาท อิหม่าม อาลี... “ผู้ใดก็ตามที่ขึ้นขี่ความเป็นทรราช ภายในไม่นานไม่ช้าบังเหียนในมือของเขานั่นแหละ ที่จะกระชากตัวเขาเองให้คว่ำคะมำลงมา...”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น