วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มทภ.4จับเท็จสุภรณ์กุข่าวขนอาวุธ เมื่อ 22 พ.ย.56

มทภ.4จับเท็จสุภรณ์กุข่าวขนอาวุธ


รัฐบาลพล่าน ส่ง “สุภรณ์” สร้างข่าวความรุนแรง หวังสกัดมวลชนทะลักเข้าราชดำเนิน เปิดตัว “เต้ย จักราช” อ้างเป็น “อส.ทพ.” สังกัดกรมทหารพรานที่ 42 ขนอาวุธให้ “เทพเทือก” เอามาใช้ในการชุมนุม แต่แม่ทัพภาคที่ 4 ยันตรวจสอบแล้วไม่พบชื่ออยู่ในสังกัดแต่อย่างใด  
    เมื่อวันพฤหัสบดี มีความพยายามจากฝ่ายรัฐบาล ต้องการจะดิสเครดิตกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และพยายามจะสร้างข่าวความรุนแรงเพื่อสกัดกั้นไม่ให้มวลชนเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ โดยนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้พานายเต้ย จักราช ซึ่งอ้างว่าเป็น อส.ทพ. สังกัดกรมทหารพราน 42 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มาแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล อ้างว่ารู้เห็นการขนอาวุธสงครามเข้ามาในพื้นที่การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 
นายสุภรณ์กล่าวว่า แถลงข่าวในครั้งนี้ เนื่องจากไม่ต้องการให้ถูกมองว่ากุข่าว เพราะเป็นเรื่องจริง และเป็นข้อมูลที่มีพยานบุคคลชัดเจน จึงนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชนถึงเบื้องหลัง และหลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการหาข้อเท็จจริงต่อไป ซึ่งการเปิดเผยของนายทหารพรานเต้ย อย่างน้อยที่สุดจะเป็นข้อมูลที่สะท้อนว่า 1.นายสุเทพต้องกล้าออกมายอมรับความจริงว่าได้สั่งการให้กลุ่มนายทุน พ่อค้าสวนปาล์ม จ.ตรัง เข้าไปประชุมที่กองร้อยทหารพราน 42 จริงหรือไม่ 
2.ได้มีการสั่งเตรียมอาวุธเหมือนที่ทหารพรานเต้ย  ได้ยินชัดเจนว่าอาวุธสไนเปอร์ทั้งหมดนี้ถูกขนไปให้นายหัวเทพจริงหรือไม่ 3.เหตุการณ์เหล่านี้เป็นการเตือนให้เห็นว่าการชุมนุมในครั้งนี้มีอาวุธขนขึ้นมา และเตรียมก่อเหตุ เพื่อจะได้เตือนไปถึงประชาชนว่าอยู่บ้านดีที่สุด เพราะการชุมนุมอาจไม่ปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการแจ้งให้กองทัพทราบเรื่องนี้หรือไม่ รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า ได้แจ้งให้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ ทราบแล้ว และได้คุยกับ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยได้ขอให้ช่วยประสานแจ้งไปยังกองทัพเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง และตอนนี้กำลังเป็นห่วง ร.ต.จักรภพ เพชรสีหมื่น ผบ.มว. สังกัดกรมทหารพรานที่ 42 ซึ่งเป็นหัวหน้าของ อส.ทพ.เต้ย เพราะทราบว่าถูกทำร้ายด้วย ซึ่งได้แจ้งยังพล.ท.ภราดรสั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงไปช่วยดูแลด้วย
     นายสุภรณ์กล่าวด้วยว่า ไม่เคยรู้จักกับ อส.ทพ.เต้ยมาก่อน แต่ได้มีการประสานมากับตำรวจที่ตนรู้จัก และยืนยันว่าไม่มีการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ตนไม่กล้าเอาข้อมูลเหล่านี้มาเปิดเผยหรือใส่ความนายสุเทพ เพราะถ้าไม่เป็นความจริง อาจถูกนายสุเทพฟ้องร้องได้ แต่เห็นว่าเป็นข้อมูลจริง และถ้าไม่เปิดเผย รอจนเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาก่อน ตนจะถูกประณามได้ว่ารู้แล้วไม่ยอมแจ้ง
    ขณะที่นายเต้ยเล่าว่า ที่เห็นมีข้าราชการ 4 คน แต่งชุดเครื่องแบบมา 2 คน ซึ่งเป็นทหารยศพันตรี แต่อีก 3 คนเป็นบุคคลภายนอก ซึ่งตนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน    เมื่อถามว่าถ้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนแล้วรู้ได้อย่างไรว่าเป็นนายทุนสวนปาล์ม นายเต้ยอ้างว่าหลังจากวันนั้นได้มีเพื่อนมาถามว่าได้รู้จักคนคนนี้ไหม ซึ่งตนได้บอกว่าไม่รู้จัก เพื่อนเลยเล่าให้ฟังว่านายทุนคนนี้อยู่ อ.กันตัง จ.ตรัง และเพื่อนก็เห็นหน้านายทุนคนนี้ 
เมื่อถามว่า เท่าที่เห็นเป็นสไนเปอร์จริงหรือไม่     นายเต้ยบอกว่า เป็นสไนเปอร์จริงๆ และตนเป็นคนยกกล่องสไนเปอร์เข้าไปในห้องประชุมเอง โดยใส่รังมารังละ 1 กระบอก มีความยาวประมาน 1.5-2 เมตร เป็นสไนเปอร์รุ่น Chey Tac M 200 ซึ่งยกวันแรกจำนวน 2 กล่อง วันที่ 2 จำนวน 5 กล่อง รวม 7 กล่อง
    ซักว่า หลังจากวันนั้นแล้วได้เห็นขั้นตอนการยกออกไปจากหน่วยทหารหรือไม่ นายเต้ยกล่าวว่า ไม่เห็นขั้นตอนที่ขนออกมา น่าจะรอบขนกันช่วงดึก ต่อข้อถามว่าทำไมคุณเต้ยถึงถูกซ้อม เขาบอกว่า พอดีตนถูกถ่ายคลิปไว้ตอนที่ตนโทรคุยโทรศัพท์ และเขาพยายามเข้ามาขอดูโทรศัพท์ว่าติดต่อกับใคร ซึ่งตอนที่จะยกกล่องสไนเปอร์มีเจ้าหน้าที่มาบอกว่าห้ามนำโทรศัพท์เข้าไป และให้ถอดซิมออก และเอาไว้นอกห้องประชุม 
ถามว่า ส่วนตัวรู้สึกไม่ชอบมาพากลตอนไหน เขากล่าวว่า ตั้งแต่ตอนที่มีการประชุมกันวันแรก ตอนที่ตนเข้าไปเสิร์ฟน้ำ ได้ยินเขาพูดถึงการหาอาวุธไปให้นายหัวเทพ ซึ่งพูดเป็นภาษาใต้ โดยมีบุคคล 2 คน เข้ามาเรียกตนกับหัวหน้าเข้าไปเค้นความจริง และขอดูโทรศัพท์ ซึ่งตนได้แจ้งไปว่าโทร.คุยกับแม่
    ระหว่างนี้ผู้สื่อข่าวขอให้เปิดดูรอยฟกช้ำที่ถูกซ้อม  ทั้งนายเต้ยและนายสุภรณ์มีท่าทีอึกอัก โดยนายสุภรณ์ ตอบแทนว่า อส.ทพ.เต้ยถูกเตะมาหลายวันแล้ว ไม่ถึงกับช้ำอะไรมาก ซึ่งการเตะอาจไม่มีบาดแผลอะไร ผู้สื่อข่าวขอดูบัตรประจำตัว อส.ทพ. แต่เขาอ้างว่าอยู่กับภรรยา และนายสุภรณ์บอกว่าจะนำเอามาให้ดูในวันหลัง
อย่างไรก็ตาม พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4  ยืนยันว่า จากที่ได้พูดคุยและตรวจสอบไปยังต้นสังกัดกรมทหารพรานที่ 42 แล้ว ไม่พบว่ามีอาสาสมัครทหารพรานชื่อนายเต้ย จักราช อยู่แต่อย่างใด สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการพูดกันไปเอง และเรื่องที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดความเสียหาย ขอยืนยันว่านายเต้ยไม่ได้เป็นทหารพรานสังกัดกรมทหารพรานที่ 42 แน่นอน และไม่มีทหารจากกองทัพภาคที่ 4 คนใดนำอาวุธปืนเข้าไปในที่ชุมนุมเพื่อจะสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
        "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการพูดกันไปมา ผมไม่ทราบว่ามีใครต้องการจะดึงทหารไปเป็นเงื่อนไขอะไรหรือไม่ แต่ยืนยันว่าทหารมีกฎระเบียบวินัยในการปฏิบัติตามหน้าที่ โดยเฉพาะการยึดมั่นตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้กำลังพลปฏิบัติตามหน้าที่ โดยทหารจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ซึ่งขณะนี้ภารกิจของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นหนักอยู่แล้ว ยืนยันว่า ไม่มีทหารคนใดที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องหรือดำเนินการในเรื่องแบบนี้" แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุ
ที่รัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ  พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ว่า การชุมนุมในกรุงเทพฯ เป็นไปโดยสงบ เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบก็ไม่พบอาวุธ  จึงอยากถามว่าใช้งบประมาณลับไปจำนวนกี่บาท ตำรวจที่ตายไป 3 ศพในระหว่างปฏิบัติหน้าที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล จะจ่ายประมาณ 7 ล้านบาท เท่ากับคนเสื้อแดงหรือไม่  รวมทั้งใช้อาวุธอะไรในการสลายการชุมนุม และเตรียมสไนเปอร์จัดการแกนนำ และทำไมถึงเปลี่ยนการดูแลตำรวจจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก มาเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน
    พล.ต.อ.ประชาตอบแทนนายกฯ ว่า การเสียชีวิตตำรวจ 3 นาย เพราะโรคประจำตัว ไม่ใช่จากการชุมนุม  ส่วนที่ตำรวจเตรียมอาวุธ ขอยืนยันไม่เป็นความจริง ไม่มีทั้งกระสุนจริงและสไนเปอร์ รัฐบาลเตรียมพร้อมเอาไว้ แค่แก๊สน้ำตา โล่ กระบอง กระสุนยาง ตามหลักสากล   การพูดเรื่องสไนเปอร์เป็นการพูดเพียงเอาสนุกในเวทีปราศรัย ทั้งนี้ ตนยืนยันว่ายังดูแลภาพรวมทั้งหมดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และดูแลการชุมนุม ร.ต.อ.เฉลิมมาช่วยในบางครั้งเพราะเป็นผู้มีประสบการณ์  
รองนายกฯ ระบุว่า สำหรับการดูแลแกนนำผู้ชุมนุม จะดูแลให้ดีที่สุด เพราะเกรงว่าหากเกิดอะไรขึ้นจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ส่วนการระบุว่าเอาตำรวจไปไว้ที่สูง 28 แห่ง นำไปจริงในวันลอยกระทง เพราะการข่าวแจ้งจะมีความวุ่นวายในบริเวณแยกผ่านฟ้าฯ เท่านั้น จึงส่งกำลังไปดูแลความปลอดภัย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเวลาการพิจารณากระทู้สดจบลง นายวัชระได้ใช้สิทธิพาดพิง แต่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ทำหน้าที่การประชุม ไม่อนุญาต สร้างความไม่พอใจให้แก่นายวัชระ จนเป่านกหวีดประท้วง ส่งผลให้นายวิสุทธิ์ขอให้นายวัชระออกจากห้องประชุมไป แต่นายวัชระไม่ได้ปฏิบัติตาม
ร.ต.อ.เฉลิมได้ใช้สิทธิพาดพิงด้วยน้ำเสียงช้าๆ และไม่สู้ดี ระบุว่า นายวัชระพูดไม่เป็นความจริง และปัญญาทึบ เพราะตนไม่ดูแล สตช. ด้านนายวัชระใช้สิทธิ์พาดพิงว่า ตนพูดความจริง ส่วนที่ระบุว่าปัญญาทึบนั้น อยากบอกว่าผมเรียนรุ่นพี่ของ ร.ต.อ.เฉลิมที่ ม.รามคำแหง  แต่จบก่อนตนเพราะใช้วิธีอะไร โปรดไปถามกันเอง   ส่วนน้ำเสียงของ ร.ต.อ.เฉลิมก็ไม่สู้ดี ตนเป็นห่วงในเรื่องสุขภาพของท่านจริงๆ
นายฉลอง เรี่ยวแรง ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า อยากถามผู้นำฝ่ายค้านปล่อยให้ ส.ส.ฝ่ายค้านพูดจาหยาบคายว่า “ไอ้ควาย ไอ้โง่”  โดยไม่เปิดไมค์ได้อย่างไร และถามถึงจุดยืนของท่าน ไปไหนหมด รวมทั้งปล่อยให้มีการเป่านกหวีดอีกด้วย
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ไม่ทราบว่านายฉลองมาถามกระทู้สดผู้นำฝ่ายค้านได้หรือไม่ และตนนั่งอยู่ก็ไม่ได้ยิน หากท่านได้ยิน ใช้การประท้วง และระบุว่าคือใคร ทั้งนี้ ตนเคารพสภา และนายกฯ ก็ควรเข้ามาทำหน้าที่เช่นเดียวกัน
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงข่าวสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ในขณะนี้ว่า กลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งชุมนุมอยู่ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีจำนวนประมาณ 300 คน, กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ(กปท.) มีจำนวน 250 คน และกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) มีจำนวน 100 คน  โดยเหตุการณ์ยังคงเป็นปกติ 
ทั้งนี้ จากกรณีที่ บช.น.ได้แถลงข่าวให้พี่น้องประชาชนทราบว่า ในวันที่ 19 พ.ย. ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 24 พ.ย. จะมีผู้ไม่ประสงค์ดีก่อเหตุวินาศกรรมเพื่อสร้างสถานการณ์นำไปสู่ความรุนแรงนั้น บช.น.ได้สั่งการให้ บก.น.1-9 เน้นการออกตรวจพื้นที่และดูแลจุดสูงข่ม เพื่อป้องกันการเกิดเหตุร้ายแรง ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่ามีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
     ขณะที่บรรยากาศการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง ได้มีการเตรียมพื้นที่การชุมนุมเพื่อรองรับประชาชนที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.นี้ โดยจะขยายพื้นที่และติดตั้งจอมอนิเตอร์เพิ่ม จัดรถสุขาให้เพียงพอกับประชาชน และจะนำเต็นท์มาลงเพิ่มอีก ด้านการรักษาความปลอดภัย อาสาสมัครยังคงเฝ้าระหว่างตามจุดต่างๆ อย่างเต็มความสามารถ และเดินตรวจตราเป็นระยะ เพื่อป้องกันคนที่จะเข้ามาก่อความปั่นป่วนในพื้นที่ชุมนุม
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกลุ่มผู้ชุมนุม กล่าวถึงกรณีที่มีการปล่อยข่าวว่านายสุเทพใช้ทหารพรานนำอาวุธเข้ามาในที่ชุมนุมว่า ไม่เป็นความจริง และขอให้ทางฝั่งรัฐบาลที่กำลังปล่อยข่าว หยุดให้ข่าวใส่ร้ายได้แล้ว เพราะการชุมนุมเป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ ซึ่ง นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ได้ยืนยันแล้วว่าการชุมนุมของเราถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะสลายการชุมนุม มีแต่ต้องให้การดูแลความเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มาร่วมชุมนุมอีกด้วย
    เวลา 20.15 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นเวทีปราศรัยว่า กรณีนายสุภรณ์กล่าวหาว่าตนและผู้ชุมนุมกำลังก่อการร้ายและใช้อาวุธสงคราม อีกทั้งยังขู่ประชาชนที่กำลังจะเดินทางมาร่วมชุมนุมไม่ให้มา นั่นคือวัตถุประสงค์ของนายสุภรณ์สุนัขรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม การแถลงข่าวดังกล่าวเดือดร้อนถึงกองทัพ ดังนั้นทางกองทัพจึงตรวจสอบถึงความมีตัวตนของ อส.ทพ.เต้ย จักราช ปรากฏว่าแม่ทัพภาคที่ 4 ออกมายืนยันว่าไม่ปรากฏรายชื่อนายทหารพรานเต้ยอยู่ในสารบบของทหาร อีกทั้งยังยืนยันว่าไม่มีทหารคนใดจากกรมทหารพรานที่ 42 นำอาวุธเข้ากลุ่มชุมนุมใดกลุ่มชุมนุมหนึ่ง
ด้านการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่สะพานมัฆวานรังสรค์ นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. เปิดเผยว่า จะมีการยกระดับการชุมนุมในวันที่ 22 พ.ย. โดยจะเป็นการเคลื่อนมวลชนเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนเข้าร่วมชุมนุม และชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงกรณีกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท และการแก้ไขมาตรา 190 รวมถึงการอธิบายถึงการปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งการเคลื่อนขบวนที่ผ่านมาเป็นไปอย่างสงบสันติ อหิงสา จึงไม่กังวลเรื่องกรณีการปะทะกับตำรวจเช่นครั้งที่ผ่านมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น