|
|
กลุ่มต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมโจร ปักหลักอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รอง ผบ.ตร.เชื่อคุมสถานการณ์ได้ เผยไม่ถือว่าทำผิด เหตุอยู่นอกเขตห่วงห้ามตามประกาศ ศอ.รส. ส่วนกลุ่ม คปท.ยังปักหลักแยกอุรุพงษ์ เตรียมยกระดับการชุมนุม 7 พ.ย. ด้านองค์กรเครือข่ายต่างๆ ยังเคลื่อนไหวค้านนิรโทษกรรมยกเข่ง จุฬาฯ นัดรวมพลแสดงพลังต้านเย็นนี้ ส่วน ม.มหิดล ประชุมคณบดีก่อนแถลงจุดยืน ตำรวจเพิ่มแท่งแบริเออร์พร้อมรั้วลวดหนามรอบทำเนียบฯ สกัดผู้ชุมนุม ส่วนที่บ้าน “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” ใช้ตำรวจ 4 กองร้อยดูความปลอดภัย “ปู” เผ่นไปตะวันออก ตรวจงาน 3 วันรวดหลังประชุม ครม.
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่บริเวณถนนราชดำเนิน เช้าวันนี้ (5 พ.ย.) มีผู้ชุมนุมปักหลักค้านคืนบางส่วนได้เริ่มทำกิจกรรม ส่วนใหญ่ได้ประกอบอาหารไว้เลี้ยงผู้มาร่วมชุมุม ส่วนบริเวณเวทีปราศรัยยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดการจราจรบริเวณถนนราชดำเนินกลางจากแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศขาออกมุ่งหน้าแยกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 3 ช่องทาง ส่วนถนนราชดำเนินขาเข้าได้ปิดการจราจรโดยให้ผ่านไปยังถนนดินสอได้ สำหรับโรงเรียนสตรีวิทยา ยังคงเปิดเรียนตามปกติ
พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยยังไม่ถือว่าผิดอะไร เพราะไม่ได้อยู่ในเขตหวงห้ามตามที่ ศอ.รส.ประกาศไว้ จึงถือว่าสามารถชุมนุมได้ ส่วนการชุมนุมอยู่ในเกณฑ์ดูแลได้ แม้จะมีจำนวนมาก โดยตำรวจได้วางกำลังดูแลตามปกติ แต่หากจะมีการเคลื่อนไหวแบบดาวกระจายตำรวจก็จะดูแลเรื่องความปลอดภัย และการจราจร ที่ผ่านมาตำรวจพยายามพูดคุยกับแกนนำ การ์ดของที่ชุมนุม เพื่อให้ดูแลความเรียบร้อยภายใน โดยตำรวจจะดูแลรอบนอก มีการตั้งจุดสกัดอยู่โดยรอบตลอด 24 ช.ม.
ด้านบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ซึ่งยังคงชุมนุมต่อเนื่องที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ ถ.พระราม 6 โดยบรรยากาศขณะนี้ยังเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ผู้ชุมนุมยังคงพักผ่อนตามอัธยาศัย ขณะมวลชนบางส่วนได้ช่วยกันเก็บกวาดขยะในพื้นที่ชุมนุม
ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้นเป็นไปอย่างเข้มงวด หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ก่อกวนโยนระเบิดปิงปองเข้าพื้นที่ชุมนุม โดยมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในทุกจุด และมีการผลัดเปลี่ยนเวรยามตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมาแกนนำ คปท.ประกาศยกระดับการชุมนุมด้วยการเคลื่อนมวลชนในวันที่ 7 พ.ย. เวลา 10.00 น. แต่ไม่บอกว่าจะไป ณ จุดใด โดยเรียกร้องให้พี่น้องผู้รักชาติมารวมตัวเพื่อเคลื่อนมวลชนในวันดังกล่าว
สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กรและเครือข่ายที่คัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณาจารย์ บุคลาการ และนักศึกษาจากจุฬาลงกรณ์ นัดร่วมพลคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ 2 รัชกาล ก่อนเคลื่อนขบวนออกจากจุฬาฯ ไปตามจุดที่กำหนดไว้ ในเวลา 16.00 น. ขณะที่มหาวิทยาลัยมหิดลได้เชิญคณบดีทุกคณะหารือเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองต่อ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในเวลา 13.30 น. และน่าจะทราบท่าทีหลังการประชุม
ส่วนการรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล ซึ่งวันนี้ซึ่งมีการประชุม ครม. ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนพร้อมรถควบคุมผู้ต้องขังและรถฉีดน้ำ คอยประจำการภายในพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาลแต่จากการสังเกต ยังไม่มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือมีการเพิ่มเติมมาตรการอะไรเป็นพิเศษ โดยยังคงมีความเข้มงวดจากการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ได้มีการนำแบริเออร์สูงเกือบ 2 เมตร มาทำแนวกั้นที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ เช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ โดยเปิดช่องทางให้รถวิ่งผ่านเข้า-ออก 2 ช่องทางจราจรเท่านั้น โดยบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ก็มีการนำแท่งแบริเออร์ขนาดปกติพร้อมรั้วลวดหนาม และทำทางเบี่ยงไว้ ขณะที่ทางเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาลทุกด้าน จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่ผ่านเข้า-ออกอย่างเข้มงวดทุกประตู แต่ยังคงเปิดทุกประตูให้เจ้าหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาลเดินทางเข้า-ออกตามปกติ
สำหรับที่บ้านพัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ซอยโยธินพัฒนา 3 ยังคงมีตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ตำรวจภูธรภาค 4 และตำรวจภูธรภาค 5 รวม 4 กองร้อย ตรึงกำลังคอยรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. แต่ยังไม่มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ หลังกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ได้เดินทางมายื่นข้อเรียกร้องและจะเดินทางมาอีกในวันที่ 10 พ.ย.
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ชลบุรี ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี หลังจากนั้นจะไป จ.ระยอง กับ จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นการลงพื้นที่รวม 3 วัน ตั้งแต่วันนี้ไปถึงจนถึงวันที่ 7 พ.ย.
อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุม ครม. นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมเจ้าหน้าที่ได้มอบเข็มกลัดที่ระลึกรูปมะลิเฉลิมนรินทร์ ซึ่งเป็นมะลิพันธุ์ใหม่ของโลกที่พบได้ในประเทศไทยเท่านั้น และมอบ ดอกกล้วยไม้มหาพรหมราชินี ประดิษฐ์ ซึ่งค้นพบโดย วว. เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฯ หรือ วว. ครบรอบ 50 ปี แก่นายกรัฐมนตรีและ คณะรัฐมนตรี ณ บริเวณหน้าอาคารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
โดยนายกรัฐมนตรีชื่นชมผลงานวิจัยที่ใช้ผักผลไม้มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ครีมบำรุงผิว เครื่องปรุงประกอบอาหาร ส่วนพลังงานทดแทน เช่น น้ำมันจากสาหร่ายเซลล์เดียว สามารถใช้เติมในรถยนต์ และเครื่องบิน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอ วว.มาช่วยแปรรูปสินค้าเกษตร เพื่อแก้ปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาด เช่น การนำข้าว 1 ตันมาผลิตเป็นเอทานอลได้ 350 ลิตร โดยทาง วว.จะประสานกับเอกชนในการนำข้าวมาแปรรูปแทนมันสำปะหลัง
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมตามปกติ โดยมีวาระการประชุมอาทิ การพิจารณาเอกสารความร่วมมือไทยและจีนด้านรถไฟความเร็วสูง ในการซื้อขายข้าว โดยไทยได้เสนอมอบหมายให้จีน วางแผนและออกแบบรถไฟสาย กทม.-นครราชสีมา ซึ่งจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุม คณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจการค้าไทย-จีน ครั้งที่ 3 นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะเสนอขอความเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกมันสำปะหลัง โดยจ่ายชดเชยค่าบริหารการตลาด แทนการรับจำนำหัวมันสด เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้หมุนเวียนในการเพาะปลูกและไม่รีบเร่งขุดหัวมันสดขายในช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคมทำให้มันล้นตลาดจนส่งผลให้ราคาตกต่ำ ซึ่งเชื่อว่าจะใช้งบประมาณต่ำกว่าการรับจำนำครั้งก่อน
สำหรับในส่วนของหน่วยงานด้านความมั่นคงนั้น ยังไม่มีการเสนอวาระพิเศษเข้าสู่ที่ประชุม ซึ่งคงมีแต่วาระทั่วไป ที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี จะได้รายงานสถาการณ์ การดูแลการชุมนุมของกลุ่มต่างในภาพรวมให้กับคณะรัฐมนตรีได้รับทราบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น