วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เทือกลั่นเดือนนี้จบ วันศุกร์ยกระดับขับไล่ทรราชรัฐอารยะข่มขืนยัดข้อหากบฏ เมื่อ 13 พ.ย.56


เทือกลั่นเดือนนี้จบ วันศุกร์ยกระดับขับไล่ทรราชรัฐอารยะข่มขืนยัดข้อหากบฏ

“ประชา” รายงานตัวเลข 3 ม็อบสูงสุดแค่ 4.6 หมื่น ตำรวจยุคเชลียร์แจ้งความ “เทือก” ด่วนจี๋ แจกคุก 7 ปีกรณีอารยะขัดขืน พ่วง 2 แกนนำ คปท.ฝ่าฝืนกฎหมายติดหนวด สำทับผู้ชุมนุมอาจติดร่างแห 3 ปี ชี้อยู่ขั้นที่ 2 ก่อนปลุกจลาจลล้มรัฐบาล "เด็จพี่" รุดฟ้องดีเอสไอยัดข้อหากบฏ "สหภาพรัฐวิสาหกิจ” นำสู้ เตรียมตัดไฟ-น้ำกระทรวงค้างหนี้ “เจ้าจำปี” ไฟเขียว พนง.หยุด “กปท.” ถวายฎีกาผุดสภาประชาชน “พะเยาว์” ปลุกแดงอย่าหลงคำแกนนำ นปช.หลอกมาตายซ้ำ "สุเทพ" ลั่นจบในเดือนนี้ พร้อมวางมือ วันศุกร์เตรียมยกระดับอีกระลอก

เมื่อวันอังคาร ในเวลา 11.00 น. นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมอดีต ส.ส.ทั้ง 8 คน ที่ประกาศลาออกจากสมาชิกภาพเพื่อมาร่วมต่อสู้กับผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้เดินทางมาลาออกจากการเป็น ส.ส.อย่างเป็นทางการที่รัฐสภา โดยได้นำพวงมาลัยสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ที่หน้าอาคารรัฐสภา 1 ก่อนเข้ายื่นหนังสือลาออก และได้เป่านกหวีดที่บริเวณห้องโถง อาคารรัฐสภา 1 เป็นสัญลักษณ์ด้วย
นายสุเทพให้สัมภาษณ์ถึงการลาออกว่า ได้ตัดสินใจปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติ เพราะไม่มีทางอื่นในการต่อสู้ ซึ่งไม่ได้ปรึกษานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค เพียงแต่แจ้งให้ทราบ ส่วน ปชป.จะส่งใครลงสมัครแทนก็เป็นเรื่องของพรรค พวกตนเองไม่เกี่ยวกับพรรคแล้ว เป็นประชาชนธรรมดา
นายอภิสิทธิ์กล่าวเรื่องนี้ว่า เป็นสิทธิของ ส.ส. ซึ่งเขาก็ชี้แจงว่าต้องการทำให้สถานะเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้องประชาชนที่มาชุมนุม
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวว่า ในวันที่ 13 พ.ย. กกต.จะประชุมเรื่องดังกล่าวเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท
ส่วนนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นว่า ทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งซ่อมคนละ 30 ล้านบาท รวมเป็นเงินถึง 240 ล้านบาท จึงควรเรียกเก็บเงินการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาและครั้งใหม่จากผู้ที่ลาออกด้วย เนื่องจากไม่มีเหตุผลจำเป็น เพราะไปดำเนินการเมืองนอกสภา
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า เป็นท่วงทำนองสุนัขจิ้งจอกทางการเมือง เจ้าเล่ห์ พยายามทำให้ขาดระหว่างพรรคกับม็อบเท่านั้นเอง ซึ่งจริงๆ ตัดไม่ขาด ส่วนของตนเองนั้นก็ได้ชี้แจงนายกฯ ตั้งแต่หลายวันก่อน ว่าถ้าประเมินว่าสถานการณ์จำเป็น ก็จะลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ไปต่อสู้ปกป้องระบอบ
ประชาธิปไตย ปชป.ไม่ต้องมาเรียกร้อง
มีรายงานข่าวจาก พท.แจ้งว่า การเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ กทม. คนเสื้อแดงได้หารือเบื้องต้นและเตรียมเสนอให้คณะกรรมการพรรคสนับสนุนนายสมหวัง อัศราสี ผู้ช่วยเลขานุการนายณัฐวุฒิให้ลงสมัครแล้ว และหวังถึงชัยชนะ เพื่อให้เกิดกระแสตีกลับไปยัง ปชป.ที่เลือกแนวทางผิดให้ ส.ส.ลาออกไปเคลื่อนไหวนอกสภา
ชี้ม็อบรวมกันไม่ถึงแสน
รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจ้งว่า ก่อนเข้าประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้หารือนอกรอบกับพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ถึงการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ซึ่ง พล.ต.อ.ประชาได้รายงานตัวเลขของผู้ชุมนุมทั้ง  3 จุดในช่วงที่มีประชาชนมาชุมนุมสูงที่สุด พบว่า เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอยู่ที่ 3.8 หมื่น, เวทีกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ 5 พันคน และเวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่แยก จปร. อยู่ที่ 3 พันคน ซึ่งไม่ได้มีจำนวนเป็นแสนคนอย่างที่พูดกัน
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า เงื่อนไขการชุมนุมมีคำตอบแล้วทำให้สถานการณ์มีแนวโน้มบรรเทาลง ไม่ง่ายที่จะหาเงื่อนไขใหม่ขึ้นมา ส่วนการลาออกของ ส.ส.นั้น ถือเป็นกลยุทธ์เพื่อเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ ไม่สุ่มเสี่ยงที่พรรคจะผิดกฎหมาย
    ขณะเดียวกัน ตลอดทั้งวันต่างมีการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นถึงแนวทางอารยะขัดขืนที่นายสุเทพได้ประกาศบนเวทีราชดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนัดหยุดงาน และชะลอจ่ายภาษี ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เชื่อว่าไม่ว่าใครคงอยากรณรงค์ให้ประชาชนทุกคนเสียภาษีอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐต้องทำ และการทำงานต่างๆ หรือการศึกษาต่างๆ อย่าหยุดงานเลย เพราะยังมีเวลาอื่นๆ นอกเวลาทำงานยังสามารถแสดงออก แสดงความคิดเห็นได้ การเสียภาษีต่างๆ สุดท้ายจะทำให้ประเทศเราเจ็บปวด ที่ไม่เสียภาษีและจะส่งผลถึงเศรษฐกิจที่จะกระทบต่อพวกเราเอง ตรงนี้ต้องขอความร่วมมือ
    เมื่อถามว่า ถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ในฐานะยุยงปลุกปั่น นายกฯ กล่าวว่า ต้องให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา แต่ต้องขอร้อง และพยายามหลีกเลี่ยง เราอยากให้อดทนซึ่งกันและกัน ไม่อยากเห็นความรุนแรง การใช้กฎหมายจะใช้เท่าที่จำเป็น เราก็พยายามขอร้องก่อน
“คงไม่พูดอย่างนั้น เราต้องมองว่าในส่วนรัฐบาลก็ต้องดำเนินการไป ถ้าไม่มีรัฐบาลเราก็ทำงานกันไม่ได้ ขอให้เราได้พิสูจน์ เราก็ได้รับฟังข้อคิดเห็นมาแล้ว อยากให้ประชาชนกลับและยุติการชุมนุม เพื่อจะได้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เราไม่อยากได้ยินว่าหลายๆ ประเทศเปลี่ยนกำหนดการไม่เดินทางมา หรือไม่มาลงทุนในประเทศไทย เพราะหลายมาตรการต่างๆ เราอยากให้ร่วมกันสร้างความเชื่อมั่น”น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบข้อถามว่าผู้ชุมนุมจะยกระดับการชุมนุม คิดว่าสำเร็จหรือไม่
นายปลอดประสพกล่าวว่า ผู้เจริญแล้วจะไม่กระทำในลักษณะดังกล่าว เพราะเป็นการทำผิดกฎหมาย ผิดจริยธรรม และทำให้สังคมเสื่อม ปชป.ควรหาแนวทางรณรงค์อื่น คนพูดคงจะคลั่งที่เสนออย่างนั้นมาได้
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน กล่าวว่า การเรียกร้องให้คนหยุดงาน ถือเป็นความผิดเข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 117 โทษจำคุก 7 ปี และการไปตั้งศาลประชาชน ก็เข้าข่ายกบฏในราชอาณาจักร การออกมาตรการอารยะขัดขืน เป็นเรื่องไร้สาระ เพราะวันนี้งานหายาก แล้วใครจะไปเลิกทำงาน เขาต้องทำมาหากิน
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ชอบธรรม ทั้งๆ ที่สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ และเชื่อว่ามีผู้ชุมนุมร่วมจะไม่มาก ส่วนที่โรงเรียน มหาวิทยาลัยออกมาคัดค้านเป็นสิทธิเสรีภาพทางวิชาการ ส่วนการปิดการเรียนการสอนนั้นก็ทำได้ แต่ต้องเกิดจากความไม่ปลอดภัยเท่านั้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำหนังสือเวียน
ข้องใจ ปชป.อารยะขัดขืน
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขอให้สังคมไปตรวจสอบว่ากิจการของคนในพรรคประชาธิปัตย์มีการหยุดงานจริงตามที่ประกาศตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.หรือไม่ และต้องตามดูว่ากิจการในเครือข่ายได้งดเว้นการเสียภาษีเหมือนที่ยุยงประชาชนหรือไม่ โดยเฉพาะทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน จะเป็นการกำหนดชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม
“ฝ่ายค้านมีเจตนาที่ชัดเจนว่าต้องการล้มรัฐบาล ปลุกระดมประกาศมาตรการต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วจะทำให้ประเทศเสียหาย ขอให้พี่น้องประชาชนได้ใช้วิจารณญาณ วันนี้มองไปข้างหน้าเราเห็นอะไร เห็นประเทศไทยในปี ค.ศ.2020 ปี ค.ศ.2030 หรือเราเห็นประเทศไทยในปี พ.ศ.2549 ที่มีการรัฐประหาร” นายณัฐวุฒิระบุ
พล.ท.ภราดรกล่าวถึงกรณีให้ประชาชนเป่านกหวีดในทุกสถานที่ที่นายกฯ เดินทางไปว่า เราระมัดระวังอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่ได้จำกัดสิทธิ แต่สิ่งที่ต้องตระหนักซึ่งกันและกันคือ ต้องไม่ละเมิดผู้อื่น
“เชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนจะทำความเข้าใจได้ และคงไม่เป็นปัญหาต่อรัฐบาล” พล.ท.ภราดรตอบเรื่องการประเมินผลของมาตรการอารยะขัดขืน
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า ประชาชนที่ออกมาต่อต้านเรื่องนี้ร่วมกับ ปชป. ขออย่าตกเป็นเครื่องมือ ขณะนี้นายสุเทพกำลังฟอกตัวเอง เพราะวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ต้องไปพบอัยการสูงสุด เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลพร้อมกับนายอภิสิทธิ์ เพราะถ้าแน่จริงทำไมไม่ชวนน้องชายตัวเองทั้งนายธานีและนายเชน เทือกสุบรรณ ให้ลาออกทั้งตระกูล
“ขอเรียกร้องให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ นำกฎหมายมาเล่นงานนายทุนที่สนับสนุนม็อบ เพื่อตรวจสอบเส้นทางเงินและยึดทรัพย์ เพราะกระทำผิดกฎหมายโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย อย่าเพียงแต่ขู่เท่านั้น” นายสุภรณ์กล่าว
    ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงข่าวเรื่องนี้ว่า อาจเข้าข่ายกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และมาตรา 117 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 14,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งล่าสุดมีการแจ้งความดำเนินคดีนายสุเทพแล้วที่ สน.สำราญราษฎร์ และที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว
    “ขณะนี้ผู้ชุมนุมยกระดับสู่ขั้นที่ 2 คือสร้างความไร้ระเบียบ ปลุกเร้าให้ปฏิเสธอำนาจรัฐ โดยเชิญชวนให้ประชาชนทำอารยะขัดขืน ก่อนเข้าสู่ขั้นที่ 3 คือสร้างความวุ่นวาย ปะทะ จลาจล เพื่อเป้าหมายขั้นที่ 4 คือ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ต้องการ ซึ่ง ศอ.รส.ได้รายงานให้นายกฯ รับทราบตลอด” พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
ขู่คุกร่วมอารยะขัดขืน
พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวว่า บช.น.จะดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม คปท.จำนวน 2 คน คือ นายนิติธร ล้ำเหลือ และนายอุทัย   ยอดมณี ที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้วที่ สน.นางเลิ้ง ตามเลขคดีอาญาที่ 760/2556 ลงวันที่ 9 พ.ย. ส่วนกรณีของนายสุเทพก็มีการร้องทุกข์ที่ สน.สำราญราษฎร์แล้ว โดยรับเป็นคดีอาญาที่ 1380/2556 ลงวันที่ 12 พ.ย.
“ประชาชนผู้ที่ทราบความมุ่งหมายแล้ว ยังเข้ามามีส่วน หรือเข้าช่วยร่วมกันหยุดงาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี  หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” พล.ต.ต.อดุลย์ระบุ
แหล่งข่าวใน บช.น.เผยว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนนครบาลและฝ่ายสืบสวนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจับตามองและเฝ้าระวังกลุ่มผู้ชุมนุม คปท.อย่างใกล้ชิด และให้เตรียมความพร้อมพนักงานสืบสวนและรถควบคุมผู้ต้องหาไว้บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงจุดชุมนุม  เนื่องจากมีรายงานการข่าวว่า อาจมีการเผาที่ทำการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าสะพานมัฆวานรังสรรค์
ขณะเดียวกัน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายธาริตเพื่อให้ดำเนินคดีกับนายสุเทพ พร้อมพวกรวม 9 คนที่ประกาศลาออกจาก ส.ส.มาเป็นแกนนำเคลื่อนไหวล้มรัฐบาล ซึ่งถือเป็นความผิดตามมาตรา 116 และมาตรา 177 รวมถึงข้อหากบฏ นอกจากนี้ ยังขอให้ตรวจสอบกลุ่มนายทุนที่ให้การสนับสนุนเงินทุน พร้อมให้ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ และผู้ว่าฯ กทม.และปลัด กทม. ที่ใช้อำนาจหน้าที่ให้การสนับสนุนการชุมนุม
นายธาริตกล่าวว่า จะรับเรื่องดังกล่าวไปตรวจสอบโดยมอบหมายให้ พ.ต.ท.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งหากเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.แนบท้ายคดีพิเศษก็จะรับสอบสวนเป็นคดีพิเศษทันที แต่หากไม่เข้าก็จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในวันที่ 27 พ.ย.นี้ เพราะดีเอสไอเคยออกแถลงการณ์แจ้งเตือนไปแล้ว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.กล่าวเรื่องนี้ว่า ส่อเจตนาข่มขู่ คุกคาม ซ้ำเติมประชาชนที่มาชุมนุม  และยังเป็นการสร้างความเกลียดชังรัฐบาลโดยไม่จำเป็น
      ด้านนายคมสัน ทองศิริ เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ (สรส.) กล่าวหลังประชุมตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ 44 แห่งว่า มติ สรส.ให้แต่ละรัฐวิสาหกิจไปประชุมเพื่อกำหนดท่าทียกระดับการต่อสู้ร่วมกับประชาชน และแจ้งกลับมาให้ สรส.รับทราบ ซึ่งหน่วยงานใดจะเริ่มดำเนินการวันไหนก็ดำเนินการได้เลย แต่ยืนยันว่าทุกหน่วยงานจะไม่นำประชาชนมาเป็นเงื่อนไข เช่น การตัดน้ำ, ตัดไฟ หรือแม้แต่การนัดหยุดงาน เพราะเป็นการทำผิดกฎหมาย แต่สิ่งที่จะดำเนินการนั้นจะให้มีผลกระทบต่อนักการเมืองมากกว่า
      “ขณะนี้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง  (สร.กฟน.) ประชุมแล้ว ซึ่งรัฐบาลต้องตอบคำถามว่าจะแต่งตั้งกรรมการบริหาร หรือบอร์ด กฟน.ได้เมื่อใดภายในวัน 15 พ.ย. ถ้าไม่เช่นนั้นจะตัดไฟในหน่วยงานราชการที่ค้างค่าไฟอยู่ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปาส่วนภูมิภาคก็มีแนวทางตัดน้ำในหน่วยงานราชการเช่นกัน ส่วนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) จะประชุม 13 พ.ย. โดยแนวทางคือการทำงานให้ช้าลง เช่น ปล่อยขบวนรถจากอู่ให้ช้าลง จากเดิมปล่อยทุก 5 นาที เป็น 15 นาที เป็นต้น” นายคมสันกล่าว
      นายดำรงค์ ไวยคณี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ  บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มีมติให้สิทธิ์พนักงานแต่ละบุคคลตัดสินใจอย่างอิสระว่าจะหยุดงาน 3 วันระหว่างวันที่ 13-15 พ.ย.นี้หรือไม่ หากเห็นว่าการหยุดงานจะทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติก็ทำได้ ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วย และคาดว่าจะเห็นการหยุดงานของพนักงานบางส่วนตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.เป็นต้นไป
ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้ปฏิเสธกระแสข่าวที่มหาวิทยาลัยจะปิดการเรียนการสอนระหว่างวันที่ 12-15 พ.ย. ว่า ไม่เป็นความจริง มศว ยังมีการเรียนการสอนตามปกติ ส่วนนิสิต และอาจารย์หรือบุคลากรอยากไปร่วมชุมชุม มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้บังคับหรือสั่งห้าม
นายชัยชาญ ถาวรเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร (มศก.) กล่าวเช่นกันว่า มหาวิทยาลัยยังเปิดตามปกติ ไม่มีการหยุดเรียนหรือหยุดทำงาน แต่หากจะมีการหยุดหรือไม่เข้าเรียนก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล เช่นเดียวกับนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ระบุว่า ไม่มีการประกาศหยุดเรียนหรือหยุดทำงาน แต่ก็ไม่ได้ห้ามนักศึกษา หรือบุคลากรไปร่วมชุมนุม เพราะถือเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก
    ยังมีการตอกย้ำถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวย้ำว่า  พรรคยืนยันอีกครั้งว่าจะไม่มีการหยิบยกร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้นมาพิจารณาแน่นอน และจะปล่อยให้ตกไปทั้งฉบับ สะท้อนว่าพรรครับฟังความเห็นของพี่น้องประชาชน   
    นายพร้อมพงศ์แถลงหลังประชุมพรรคว่า ที่ประชุมยืนยันมติพรรคจะไม่นำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมกลับมาพิจารณาอีก ส่วนการลงสัตยาบันก็ไม่ใช่ปาหี่ แต่เป็นการแสดงความจริงใจ รวมทั้งยืนยันรัฐบาลจะไม่ยุบสภาหรือลาออกแน่นอน                   
      มีรายงานข่าวจากพรรคชาติไทยพัฒนาแจ้งว่า ในการประชุมพรรคได้หารือถึงกรณีร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างกว้างขวาง เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยปรึกษาเลยตั้งแต่ชั้น กมธ.ถึงการลงมติ ทำให้พรรคถูกสังคมตำหนิอย่างมาก แกนนำรัฐบาลถือว่าไม่ให้เกียรติพรรคร่วม จึงเป็นเหตุให้พรรคไม่แสดงความคิดเห็นในช่วงนี้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.กล่าวว่า การลงสัตยาบัน 4 พรรคร่วม เชื่อว่าเป็นแค่ปาหี่หลอกม็อบกลับบ้าน เรื่องนี้จะจบจริงๆ ต่อเมื่อมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลชุดใหม่ ที่จะไม่หยิบยกร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายพิเศษใน 60 วัน กฎหมายฉบับนี้จึงจะถือว่าจบโดยสมบูรณ์
พะเยาว์ให้ขอโทษ ปชช.
    ขณะที่นางพะเยาว์ อัคฮาค มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด หนึ่งในผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปี 2553 ออกมาเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กมธ. 37 คน และ ส.ส. 310 คน ขอโทษประชาชนต่อสาธารณะที่ทรยศ หักหลังประชาชนออกกฎหมายขัดต่อความรู้สึกคนจำนวนมาก จนก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
     “พวกที่โหวตรับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมีพฤติกรรมเยี่ยงโจร ตอนหัวค่ำด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าบ้าน พอตกดึกก็พากันเข้าไปปล้นทรัพย์ ตื่นเช้าเจ้าของบ้านจับได้ก็ถูกโจมตี แล้วก็มาเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันปกป้องรัฐบาล” นางพะเยาว์กล่าว และว่า ขอเตือนคนเสื้อแดงว่า อย่าตกเป็นเหยื่อโดยขาดเหตุผล เพราะขนาดกว่า 90 ศพที่เสียชีวิตไป วันนี้เขายังนิรโทษกรรมไม่ได้ ฉะนั้นการเคลื่อนไหวรอบนี้ขอเรียกร้องให้แกนนำคนเสื้อแดงมาออกนำหน้าในการต่อสู้ ไม่ใช่แอบอยู่หลังประชาชน
    นายณัฐวุฒิกล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า เป็นหน้าที่ออกมาปกป้องประชาธิปไตย แต่ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่มีการเผชิญหน้า ส่วนจะมีการตั้งเวทีใน กทม.หรือไม่ เราต้องประเมินสถานการณ์ ซึ่งการชุมนุมของนายสุเทพนั้นก็เชื่อว่าหวังจะยืดเยื้อไปจนถึงวันที่ 20 พ.ย. แล้วไปลุ้นเอาว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไรในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มา ส.ว.
วันเดียวกันมีการเสวนาเรื่อง ประเทศไทยไปทางไหน ซึ่งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ กล่าวถึงทางออกของประเทศว่า มีหลายทาง ซึ่งทุกคนต้องร่วมกันคิดบนพื้นฐานของความสงบ ยึดเหตุผล ไม่ใช่ต้องการเอาชนะอย่างเดียว เพราะขณะนี้วุฒิสภา รัฐบาล พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลได้ยืนยันจะไม่เดินหน้าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้วถือว่าจบ หากผู้ชุมนุมยังไม่เชื่อก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
    “มีคนถามว่าการชุมนุมจะลงอย่างไร ผมตอบได้ว่าให้ลงทางบันได อย่าลงทางหน้าต่างเดี๋ยวจะเจ็บ ขณะนี้มีคนพาดบันไดไว้สองทางแล้ว ทั้งเรื่องปราสาทพระวิหาร และร่างกฎหมายนิรโทษกรรมก็น่าจะลงกันได้” นายสมชายกล่าว และว่า วันนี้ที่ประชาชนห่วงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับบ้านนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่เมืองนอกสบายแล้วไปได้ทุกประเทศ
ผุดสภาประชาชน
ส่วนความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ นั้น ในช่วงเช้าที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ กลุ่ม กปท. ที่นำโดยกองทัพธรรม และกลุ่มภาคีเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ และคณะได้ตั้งขบวนร่วมเดินเท้าไปยังสำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง เพื่อยื่นถวายฎีกาทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานจัดตั้งสภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ผ่านนายฐากร ธรรมประทีป ผู้ช่วยราชเลขาธิการ ซึ่งตลอดเส้นทางบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
“แนวคิดจัดตั้งสภาประชาชน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ขอชี้แจงว่าผมจะไม่ขอเป็นแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า คณะผู้ก่อการปฏิวัติ แต่ขอเป็นเพียงแค่แกนตามเท่านั้น ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เป็นการปฏิวัติโดยประชาชน และกลุ่มผู้ก่อการปฏิวัติก็ยอมรับว่า หากเดินหน้าต่อไม่ได้ ก็จะกลายเป็นกบฏ แต่ทุกคนก็พร้อมจะสละชีวิต” พล.ต.จำลองกล่าว และว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ควรลาออกจากตำแหน่งทุกคน ไม่ใช่แค่กลุ่มนายสุเทพ 9 คน
นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. กล่าวเรื่องนี้ว่า จะขอหารือกับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ผู้ประสานงานภาคีเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด ก่อนถึงการตั้งสภาประชาชน แต่เห็นด้วยที่จะมีการปฏิวัติโดยประชาชน โดยวันที่ 13 พ.ย.นี้ คปท.จะแถลงความชัดเจนต่อการปฏิวัติโดยประชาชน รวมถึงการปฏิรูปประเทศ
สำหรับเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ยังคงมีผู้ชุมนุมอย่างคึกคัก แม้จะเป็นการชุมนุมในวันที่ 13 แล้วก็ตาม โดยยังคงมีการปราศรัยและการแสดงสลับกันเป็นระยะ โดยเมื่อเวลา 21.00 น. นายสุเทพก็ได้ขึ้นเวทีปราศรัยว่า ชื่นชมผู้ชุมนุมที่ยังมาคับคั่งจากที่คาดว่าจะลดลง ทำให้มีกำลังใจที่จะสู้จนกว่าจะชนะ ส่วนแนวทางการต่อสู้ก็มีทั้งติและชม ซึ่งพร้อมรับไว้ทุกประการ มีคนถามว่าจะสู้ถึงเมื่อไหร่ ก็ต้องตอบว่าสู้จนกว่าจะชนะ หลายคนสงสัยว่าสู้จนข้ามปีหรือ ก็บอกว่าเอาให้จบเดือนนี้ และจะยกระดับไปเรื่อยๆ ให้ทันใจพี่น้องแน่นอน โดยในวันที่ 13 พ.ย. ก็จะยกระดับขึ้นไปอีก และในวันศุกร์ก็จะยกระดับขึ้นอีกขั้นหนึ่ง จึงขอเชิญประชาชนมาตกลงกันอีกครั้งว่ามาตรการที่จะสู้ทรราชทำอย่างไร และขอให้มั่นใจว่าสิ้นเดือน พ.ย. เราจะได้ฉลองกันแน่นอน
"ไม่กลัวเลยที่ไปแจ้งข้อหา มาตรา 116 และ 117 ให้ธาริตและคำรณวิทย์ไปสุมหัวและแจ้งข้อหามาเลย จะไม่หนีไปไหน แจ้งให้ถูก ถ้าแจ้งไม่ถูกผมจะฟ้องกลับอีก สู้กันด้วยกฎหมาย" นายสุเทพไฮปาร์ก และว่า ถ้า พล.ต.ท.คำรณวิทย์นำเจ้าหน้าที่มาสลายการชุมนุมก็จะดำเนินคดีกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เพราะนักกฎหมายยืนยันว่าเรามีสิทธิ์ชุมนุมอย่างสงบ
นายสุเทพกล่าวว่า คนดีอย่างเราถูกข่มขู่มามากแล้ว วันนี้ไม่ยอมให้ถูกข่มขู่อีกต่อไป ไม่ยอมสยบให้กับอำนาจอธรรม และจะยึดมั่นในคำพูดที่ประกาศไว้ว่าจะไม่นำพี่น้องไปกระทำการใดๆ ที่ผิดกฎหมาย เพราะเราสู้แบบคนดี แล้วเราจะสั่งสอนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แกนนำคนเสื้อแดง และพวกกเฬวรากว่าคนดีเขาสู้อย่างนี้ โดยจะสู้อย่างมั่นคงจนกว่าชนะ ส่วนที่กล่าวหาว่ามานำชุมนุมเพื่อการเมืองนั้น ขอประกาศว่าถ้ารัฐบาลนี้ยุบสภาฯ จะไม่ลงสมัครอีกแล้ว จะได้หายสงสัยเสียทีว่ามาทำเพื่อการเมือง
"ขอยืนยันว่าไม่ว่าใครจะตำหนิเรื่องอารยะขัดขืน แต่เราเห็นว่าเป็นการต่อสู้แบบอนารยชน ซึ่งเราจะทำต่อไป แล้วเรามาดูกันว่า 13-14 พ.ย. หยุดกันเท่าไหร่ แต่วันที่ 15 พ.ย. เราจะประเมินผลอารยะขัดขืน" นายสุเทพกล่าว และว่า ใครเจอ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้วเป่านกหวีดได้ ให้มาหาที่เวทีจะมอบนกหวีดทอง 1 อันทันที
วันเดียวกันยังมีการแสดงความเห็นถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน โดย นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ระบุว่า ทุกฝ่ายน่าจะได้เรียนรู้มากขึ้น ถือเป็นกำไร โดยเฉพาะการใช้อำนาจที่มากเกินไปจะเกิดการถลำตัว จนเกิดการต่อต้านขนานใหญ่อย่างที่เกิดขึ้น ส่วนการออกมาชุมนุมนั้นก็ได้เรียนรู้ว่าความเข้มแข็งของสังคมเป็นปัจจัยชี้ขาดอนาคต ช่วยหยุดยั้งความไม่ถูกต้องได้ แต่การที่คนมาชุมนุมมากจะเกิดความฮึกเหิม และเป็นเรื่องยากที่จะหยุดคิด เพราะฉะนั้นหากทำอะไรเกินเลยไปก็จะเหมือนรัฐบาลที่นำไปสู่ความผิดพลาดได้
     “สถานการณ์ตอนนี้มาถึงจุดพลิกผันแล้ว พลิกผันไปสู่อะไร ด้านหนึ่งคือพลิกไปสู่มิคสัญญีกลียุคที่คนไทยปะทะกันและเกิดการล้มตายเป็นเบือ หรือเกิดความร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ซึ่งทุกฝ่ายต้องระวังอย่าให้มันพลิกผันไปในทางมิคสัญญีกลียุค ต้องยับยั้งชั่งใจ” นพ.ประเวศกล่าว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น