วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

24พ.ย.56เผด็จศึก นัดโค่นระบอบแม้ว/ตร.ขู่ยิงหัวม็อบ

24พ.ย.56เผด็จศึก นัดโค่นระบอบแม้ว/ตร.ขู่ยิงหัวม็อบ


ตำรวจปากสั่นขอโทษสื่อตัดต่อเว็บไซต์ด่าม็อบ "โฆษก สตช." รับลูกน้องทำจริง อ้างเหลืออดโดนรังแก "อดุลย์" ปูดกองกำลังติดอาวุธใต้ขึ้นมาป่วน สีกากีจุดไฟไม่
เลิก ไลน์ประกาศรับจ้างยิงหัว "ปู" ผวา! นกหวีด ร้องหาความสามัคคี "ประชา" เหน็บ "สุเทพ" ชุมนุมล้มเหลวอย่าหนีผูกคอตาย "ลูกสาวแม้ว" โพสต์รูปกอดทักษิณบอกรักพ่อ
"โอ๊ค" เฟซบุ๊กอัด ปชป. "อ๋อย" โดนเสียงปรี๊ดตามไล่ถึงเมืองนครฯ "เทือก" ลั่นกลองรบแตกหัก 24 พ.ย.นี้ "ยะใส" ห่วงปลุกม็อบชนม็อบสร้างเงื่อนไขซ้ำรอยรัฐประหาร 49
    เมื่อวันอาทิตย์ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ กรอบบ่าย ฉบับวันที่ 18 พ.ย. เสนอข่าวชี้แจงกรณีโลกโซเชียลมีเดียได้มีผู้ใช้ภาพประกอบข่าวของเว็บไซต์เดลินิวส์ ซึ่ง
เป็นเหตุการณ์ขณะกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) วิ่งทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณแยกนางเลิ้งไปดัดแปลงเติมข้อความว่า เดลินิวส์
ยืนยัน ม็อบ...ทำร้ายตำรวจ โดยกองบรรณาธิการเว็บไซต์เดลินิวส์ ระบุว่า ภาพดังกล่าวเป็นของเว็บไซต์เดลินิวส์จริง แต่ข้อความดังกล่าวได้ถูกแต่งเติมขึ้นจนทำให้หลายฝ่าย
เข้าใจผิด
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายละเอียดภาพเว็บไซต์เดลินิวส์ดังกล่าวที่ถูกดัดแปลงแต่งเติมขึ้น ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมอย่างมาก เมื่อ
ทวิตเตอร์ทีมโฆษก ตร. หรือ @PoliceSpokesmen นำทีมโดย พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความ
สงบเรียบร้อย ได้แคปเจอร์ภาพหน้าเว็บเพจของเว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ ซึ่งนำเสนอข่าวเหตุการณ์กระทบกระทั่งระหว่างผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ
ไทย (คปท.) กับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) เมื่อช่วงสายวันนี้ โดยระบุข้อความว่า “เดลินิวส์ ยืนยัน ม็อบระยำ ทำร้ายตำรวจ!!!!”
    อย่างไรก็ตาม หลังจากข้อความดังกล่าวปรากฏขึ้น ได้ถูกผู้ใช้ทวิตเตอร์ตำหนิถึงความมีวุฒิภาวะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีอคติกับผู้ชุมนุม ภายหลังเมื่อเวลา
19.22 น. ทวิตเตอร์ดังกล่าวได้ลบข้อความออกไปแล้ว
    พล.ต.ต.ปิยะแถลงข่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมว่า ในระหว่างวันที่ 9-16 พ.ย. ได้มีตำรวจบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ และบาดเจ็บจากการถูกทำร้าย
จำนวน 4 นาย ซึ่งอยู่ระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ และมีรถควบคุมฝูงชนจาก บก.ภ.จว.ระยอง ถูกการ์ด คปท.ประมาณ 40 คน ใช้ของแข็งทุบได้รับความ
เสียหาย 1 คัน เหตุเกิดที่หน้ากองการช่าง กรมทางหลวง
    "ในฐานะโฆษก ศอ.รส. ต้องขอโทษทางเดลินิวส์ ที่มีข้อมูลข่าวโพสต์ทางโซเชียลมีเดียก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่เดลินิวส์ เพราะเหตุที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ของ
เจ้าหน้าที่ที่มีความรู้สึกว่าตำรวจจะถูกรังแกอยู่เรื่อยๆ ก็เลยไปเพิ่มข้อความบางส่วนที่ไม่สุภาพ และส่งผลกระทบทำให้เดลินิวส์เสียหาย ซึ่งเดลินิวส์นั้นมิได้เป็นคนพิมพ์ข้อ
ความนั้นเข้าไป และทางเราได้ทำการตรวจสอบ จึงได้รีบเอาข้อความดังกล่าวออกไปแล้ว" โฆษก สตช.กล่าว
ตำรวจไลน์รับจ้างยิงหัวม็อบ
    พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. กล่าวว่า ข้อมูลด้านการข่าวที่เราวิเคราะห์พบ ผู้ชุมนุมพยายามยกระดับ แต่ตำรวจต้องพยายามให้อยู่ในกรอบใช้การ
เจรจาพูดจา รวมทั้งต้องอดทน เพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามไป โดยต้องขอร้องผู้ชุมนุม ขอให้มีสติในการชุมนุม อย่าให้ถึงขนาดแกนนำปลุกระดมไปทำร้ายไปก่อความ
วุ่นวายเลย รวมทั้งกำลังให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบภาพเหตุการณ์ปะทะที่แยกนางเลิ้งมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันที่ 16 พ.ย.นี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
    ซักว่า มีข่าวการระดมกองกำลังพร้อมอาวุธจากภาคใต้ขึ้นมาก่อเหตุป่วนการชุมนุมข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า มีข่าวเช่นกัน เราพยายาม
แจ้งไปยังแกนนำผู้ชุมนุมให้ช่วยสอดส่อง แจ้งเตือนผู้ชุมนุมให้ช่วยกันดูว่าอาจมีมือที่ 3 เข้ามาก่อเหตุเพื่อยกระดับสถานการณ์ให้ผู้ชุมนุมช่วยสังเกต
    ต่อมาช่วงบ่าย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรววจชุดสืบสวน สน.นางเลิ้ง จำนวนกว่า 10 นาย เข้าตรวจค้นเต็นท์ของกลุ่มเด็กอาชีวะซึ่งอยู่ภายในพื้นที่
ชุมนุมกลุ่ม คปท. บริเวณแยกมัฆวานฯ  โดยระหว่างตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้หยิบวัตถุทรงกลมสีดำที่อยู่ในเต็นท์มาดู และได้คำตอบจากเด็กอาชีวะว่าเป็นพลุสี และขอให้ตำรวจ
ทดสอบดูได้ แต่ตำรวจได้วางไว้ และเดินออกมาบอกผู้ชุมนุมว่าไม่พบอาวุธ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรวจค้นครั้งนี้แม้จะมีการประสานมาทางหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของกลุ่ม คปท. แต่บรรยากาศการตรวจค้นก็เป็นไป
อย่างตึงเครียด เนื่องจากผู้ชุมนุมบางส่วนที่ไม่พอใจ และได้ตะโกนโห่ไล่ พร้อมเป่านกหวีดและใช้มือตบอยู่ตลอดเวลา โดยตำรวจใช้เวลาตรวจค้นเพียง 5 นาที
    มีรายงานว่า ในเพจข่าวฟรีทีวีตายแล้ว วันที่ 17 พ.ย.ได้มีการแคปเจอร์ภาพหน้าโปรแกรมไลน์ของตำรวจที่กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะผู้ชุมนุม และมีการระบุ
เนื้อหาประกอบว่า จิตสำนึกของตำรวจ...เห็นม็อบเป็นศัตรู คิดจะยิงทิ้งอย่างเดียว แบบนี้ ไม่สมควรรับเงินเดือนจากภาษีของประชาชนเลย สามัญสำนึกของ "คนดี" คงหาไม่
เจอในตำรวจยุคนี้
    สำหรับแคปเจอร์ภาพดังกล่าวเริ่มจาก จำนงค์ สืบสวน 931 ที่พิมพ์ขึ้นมาว่า "ม็อบ ไล่ตีตำรวจ กูวิ่งด้วย อิอิ" ต่อมาจำนงค์ สืบสวน 931 ตอบว่า "แยก
สนามม้านางเลิ้ง" ตามมาด้วยพิจิตร ประเวศ 22 ที่เขียนข้อความว่า "ยิงแม่งมันเลย" ต่อมา kanchana phumphuek ที่เขียนต่อว่า "บอกแล้วใครจ้างยิงหัว เรา
จะไปยิงให้" จำนงค์เขียนต่อว่า "หน้าที่เรารักษาความสงบ อิอิ" ตบท้ายด้วย kamchana ที่นำภาพยกนิ้วโป้งว่าเยี่ยมมาปิดท้าย
    เรื่องดังกล่าวได้มีการนำไปแชร์ต่อจำนวนมาก และมีการแสดงความคิดเห็นโจมตีแนวความคิดและการทำงานของตำรวจในยุคปัจจุบันอย่างมาก
    น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เคารพในสิทธิการแสดงออกของผู้ชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย แต่คงต้องขอความร่วมมือ หากส่วนไหนที่
ผู้ชุมนุมจะได้กรุณาทำให้สังคมมีความสบายใจ เช่น เมื่อมีการแสดงสิทธิในเรื่องของข้อกฎหมายแล้ว ก็อยากให้ผู้ชุมนุมกลับเข้าทำงานปกติ
    "อยากจะขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คงต้องทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่อยากจะฝากพี่น้องประชาชน เราไม่อยากให้
เกิดมือที่สาม หรืออะไรต่างๆ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ได้กำชับตลอดเวลาเจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับทราบภารกิจของรัฐบาลแล้วว่าการดูแลพี่น้องประชาชนจะทำด้วยความอดทนและ
ละมุนละม่อม ไม่อยากให้นำไปสู่ความรุนแรง เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติมาด้วยดีตลอด จะเห็นว่าในช่วงการดูแลสถานการณ์การชุมนุมนั้นไม่มีความรุนแรง และจะทำหน้าที่อย่างนี้
ต่อไป" น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
    ถามว่า เกรงเรื่องมาตรการเป่านกหวีดใส่คนในรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า การแสดงออกของพี่น้องประชาชนเราคงไม่สามารถที่จะพูดหรือก้าวละเมิดได้
แต่ต้องขอความกรุณาบางครั้งในงานที่เป็นทางการอยากจะให้เห็นความสามัคคี ซึ่งการแสดงออกมีหลายวิธี สามารถมีหลายๆ เวทีที่สามารถรับฟังความคิดเห็นได้อยู่แล้ว
    พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ขณะนี้มีความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของประชาชนผู้ชุมนุม เนื่องจากเกรงว่า
จะมีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ เพราะเจ้าหน้าที่มีข้อมูลบางประเด็น สืบเนื่องจากที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวพาดพิงบนเวทีปราศรัย
ว่า ตนกล่าวหาผู้ชุมนุมว่าเป็นคนติดยาหรือคนว่างงาน จึงขอทำความเข้าใจต่อประชาชนว่า ตนไม่ใช่คนนิสัยก้าวร้าว เพราะจำได้ว่าเมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ให้
สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ขณะนี้มีข้อมูลของทางสันติบาลว่ามีผู้ไม่หวังดีชักชวนกลุ่มบุคคลที่ว่างงานและติดยาเสพติดเข้าร่วมการชุมนุมด้วย จึงฝากให้ประชาชนที่ร่วมชุมนุม
เฝ้าสังเกตกลุ่มคนเหล่านี้ หากพบคนที่มีความผิดปกติจะได้ระมัดระวังเป็นพิเศษ ถือว่าเป็นการฝากข้อห่วงใยมากกว่า
    "ผมยืนยันไม่ได้กล่าวหาผู้ชุมนุมเป็นคนติดยาหรือคนว่างงาน นายสุเทพความจำสั้นไปหน่อย เพราะคุณสุเทพได้เปอร์เซ็นต์เล็กๆ น้อยๆ มาจากการขายที่ดินส
.ป.ก.ที่ดินเขาแพง หรือค่าคอมมิชชั่นจากการสร้างโรงพัก ยังกลัวแทนคุณสุเทพว่า หากการชุมนุมไม่สำเร็จตามที่นายสุเทพตั้งเป้าไว้สิ้นเดือน พ.ย. นายสุเทพจะไปผูกคอตาย
เพราะผมยังไม่อยากให้นายสุเทพตาย" พล.ต.อ.ประชากล่าว
ปูดขนฮาร์ดคอร์ใต้เข้า กทม.
    รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องที่นายสุเทพประกาศจะชุมนุมสำเร็จในภายสิ้นเดือน พ.ย.นี้ รัฐบาลเองก็คิดอยู่แล้วว่าอะไรที่ทำให้สถานการณ์มีความปกติได้จะ
พยายามทำ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีหน้าที่หลักในการควบคุมสถานการณ์ ไม่อยากให้เกิดเหตุขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนก็ตาม ฉะนั้น เราก็เพิ่มมาตรการป้องกัน
และรักษาความปลอดภัย แต่หากจะให้มีความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ทางผู้ชุมนุมเองต้องเฝ้าระวังด้วยว่ามีคนที่ผิดปกติหรือผิดสังเกตเข้ามาปะปนในการชุมนุมหรือไม่
    นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า การชุมนุมของม็อบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยชัดเจนว่าไม่ได้เป็นการต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่เป็นการขับ
ไล่รัฐบาล กรณีนายสุเทพประกาศอารยะขัดขืน และขับไล่ตระกูลชินวัตร สะท้อนถึงจิตใจที่อาฆาตมาดร้าย
    "หากมีการประกาศบอยคอตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับคนในพรรคประชาธิปัตย์บ้างจะว่าอย่างไร และหากขับไล่ตระกูลเทือกสุบรรณ ลูกเมียนายสุเทพบ้างจะเป็น
อย่างไร รังแกคนเขาทั่วบ้านทั่วเมืองแบบนี้ ระวังจะเจอย้อนศรจนไม่มีแผ่นดินจะอยู่ อยากฝากเตือนไปถึงคนที่ทำธุรกิจการค้า โดยเฉพาะสายการบินที่ต้องรักษาความ
ปลอดภัยของลูกค้า ไม่ใช่เอาข้อมูลมาเผยแพร่ เพราะหากเกิดอะไรขึ้น คุณจะต้องรับผิดชอบ และต้องถูกดำเนินคดี" รมช.มหาดไทยกล่าว
    นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส่วนตัวได้ข้อมูล มีการระดมฮาร์ดคอร์จากภาคใต้ อาทิ จ.สุราษฎร์ฯ, จ.ชุมพร, จ.สงขลา, จ.นครศรี
ธรรมราช เดินทางมาจังหวัดละ 500 คน เพื่อมาร่วมชุมนุม เติมมวลชนในลักษณะที่นายสุเทพได้ประกาศ จึงห่วงเรื่องมือที่ 3 รวมทั้งมีกลุ่มการเมือง ระดมมวลชนล่วงหน้ามา
แล้วส่วนหนึ่ง มีการเตรียมเสื้อแดง เพื่อสร้างให้เกิดความขัดแข้ง นายสุเทพกับพวกต้องรับผิดชอบ หากนำไปสู่ความขัดแย้ง อยากให้นายอภิสิทธิ์ทำหน้าที่ในสภามากกว่าขึ้น
เวทีปราศรัย 
    วันเดียวกัน น.ส.พินทองทา ชินวัตร และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์รูปกอด พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กรุง
ลอนดอน โดย น.ส.พินทองทาระบุข้อความว่า "เป็นลูกสาวคนนึงที่รักคุณพ่อหมดหัวใจ #ได้กอด 2 วันก็ยังดี #สามีมาตามกลับไปทำงาน ขณะที่ น.ส.แพทองธารระบุว่า ให้
กำลังใจนะคะ @thanksinlive รักที่สุด #london #nov#2013 โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก"
    ขณะที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra  หัวข้อ "ถ้าไม่มี
กระบวนการ 2มาตรฐาน คอยปกป้องอาๆ และถ้าไม่มี มือที่มองไม่เห็น คอยโอบอุ้มอาๆ ป่านนี้อาๆ คงโดนกันไปคนละ "หลายกระทง" แล้วครับ" เนื้อหาตอนหนึ่งระบุ ระบอบ
ทักษิณ ที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามจะเป่าหูประชาชน นิยามให้เป็นความชั่วร้าย มีแต่การโกงกิน พวกอาๆ เคยคิดมั้ยครับว่า ถ้าคนส่วนใหญ่ของประเทศเค้าเชื่อตามที่ "ม็อบ
ประชาธิปัตย์" กล่าวหารัฐบาลแล้ว...ทำไมเลือกตั้งทุกครั้ง ระบอบประชาธิปัตย์จึงไม่เคยชนะระบอบทักษิณเลยแม้แต่ครั้งเดียว
    "แต่ละเหตุผลที่อาๆ นำมากล่าวอ้างปลุกม็อบกันอยู่นี่ พี่น้องประชาชนทั่วไป เขามองว่า มุกแป้ก, จืดสนิท, น่าเบื่อ, เสียเวลาทำกินครับ อาๆ เล่นพูดจากล่า
วหาซ้ำๆอยู่เหมือนเดิม ทักษิณโกง ทักษิณใช้เงินซื้อ, ประชาธิปัตย์แพ้เพราะเงิน, ประชาชนโง่รู้ไม่ทัน, ใครเชียร์พรรคเพื่อไทยคือขี้ข้าทักษิณ กล่าวหากัน, ด่ากันซ้ำๆ แบบนี้
ตลอดเวลาสิบกว่าปี ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่เคยคิดที่จะพัฒนาตัวเอง ไม่เคยคิดนโยบายเป็นของตัวเอง ไม่เคยทำตัวให้ดีๆ ให้ชนะใจประชาชนครับ" นายพานทองแท้ระบุ
    มีรายงานด้วยว่า โซเชียลมีเดียได้มีการแชร์ IG ที่มีข้อความระบุว่า ในการประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์ 2013 ของทางช่อง 7 จัดให้นางงามผู้เข้าร่วม
ประกวดครั้งนี้ ถือป้ายมีข้อความว่า "no mob stop war" ขึ้นเวทีด้วย
    ด้านเวทีการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน วันนี้ (17 พ.ย.) ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ และตรงกับวันลอยกระทง มีประชาชนเดินทางเข้า
ร่วมชุมนุมจำนวนมาก โดยมีการทำกระทงขนาดใหญ่ด้วยใบตองล้อเลียนด้วยการเอารูปนักการเมืองมาติดไว้บนกระทงทั้ง 10 กระทง และได้เดินแห่ไปรอบพื้นที่ชุมนุม
พร้อมส่งเสียงโห้ร้องขับไล่รัฐบาลและเปานกหวีดกันดังอย่างกึกก้อง
    จากนั้นได้นำกระทงล้อเลียนนักการเมืองเอาไปตั้งไว้แต่ละจุดทั่วบริเวณพื้นที่การชุมนุม พร้อมทั้งให้ประชาชนได้ถ่ายรูปและเขียนข้อความที่อยากจะเขียนลง
ในกระดาษใส่ใว้ในกระทง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทงทั้ง 10 กระทง มีป้ายชื่อแต่ละกระทงแตกต่างกันไป ซึ่งกระทงอันที่ 1 จะเป็นพญานาค 3 หัว ส่วนอันที่ 2 มีชื่อว่า คุกคามสื่อมวล
ชน, อันที่ 3 ผูกขาดกินรวบประเทศไทย, อันที่ 4 ทำลายการศึกษาของชาติ, อันที่ 5 ตัวเป็นไทยใจเป็นต่างชาติ, อันที่ 6 คุกคามกระบวนการยุติธรรม, อันที่ 7 โคตรโกง โกง
ทั้งประเทศ, อันที่ 8 ปล่อยคนชั่วมีอำนาจ, อันที่ 9 หลอกคนจน และอันสุดท้ายมีชื่อว่า สมคบต่างชาติ
    นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกเวทีชุมนุมราชดำเนิน แถลงว่า หลังจากตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อจะยื่นถอดถอน ส.ส.ทาสที่เห็นชอบกับการออก
กฎหมายนิรโทษกรรม 310 คน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เมื่อวันที่ 16 พ.ย. บริเวณเวทีราชดำเนิน ปรากฏว่าสามารถรวบรวมรายชื่อได้หลายหมื่นคนแล้ว ซึ่งการยื่นถอดถอน
ตามกฎหมายจะใช้จำนวน 20,000 ชื่อ โดยเราจะตั้งโต๊ะจนถึงวันที่ 19 พ.ย.
'เทือก' ประกาศแตกหัก 24 พ.ย.
    "ในวันที่ 18 พ.ย. นายสุเทพจะเดินทางไปพบประธานวุฒิสภา เพื่อแสดงตัวเป็นผู้นำชื่อยื่นถอดถอน และในวันที่ 19 พ.ย. จะนำรายชื่อและยื่นเรื่องให้ ป.ป
.ช.ดำเนินการตามขั้นตอน" นายเอกนัฏกล่าว
    ถามถึงกรณีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวหาการชุมนุมเป็นไปด้วยความรุนแรง นายเอกนัฏกล่าวว่า อยากให้นายก
รัฐมนตรีออกมารับผิดชอบต่อการกระทำของกลุ่มลิ่วล้อด้วย ที่กำลังบิดเบือน เพราะการชุมนุมไม่เคยมีเหตุรุนแรง
    ช่วงค่ำบนเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นปราศรัยเรียกร้องให้มวลชนพร้อมใจช่วยกันตัดเล็บมือ เล็บเท้า
หรือ เส้นผมของตัวเองคนละเล็กละน้อยใส่รวมถึงเขียนข้อความลงไปในกระทงด้วย ถือเป็นการทำพิธีกรรมโค่นล้มระบอบทักษิณ และตระกูลชินวัตร ด้วยการปล่อยทุกข์ปล่อย
โศกให้ไปกับกระทงออกไปตามสายน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา
    "ทราบข่าวว่าขณะนี้รัฐบาลเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนับหมื่นนาย จะเข้ามาสลายการชุมนุมบริเวณแห่งนี้ ด้วยการใช้กระสุนยาง แก๊สน้ำตาและฉีดน้ำแรง
ดันสูง จึงอยากให้ทีมการ์ดช่วยกันดูแลรักษาความปลอดภัยกันเป็นพิเศษและเตรียมความพร้อมตลอดเวลา พร้อมๆ กับอยากเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันเป่านกหวีดเสียงดังๆ
หากพบเห็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หรือนักการเมืองพรรคเพื่อไทย หรือแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยร่วมขับไล่เผด็จการ หรือแกนนำคนเสื้อแดง เช่น วีระกานต์
มุสิกพงศ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายแพทย์เหวง โตจิราการ" นายอาคมกล่าว
    เวลา 20.35 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัย โดยในช่วงต้นได้มีตอกย้ำถึงเหตุผลและความจำเป็น
ในการถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณ ก่อนที่จะระบุว่า
ขอประกาศให้พี่น้องทุกท่านที่เวทีนี้และเวทีอื่นว่า วันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.2556 จะเป็นวันประวัติศาสตร์ของประเทศไทยจะขจัดระบอบทักษิณได้หรือไม่ได้ จะเปลี่ยนแปลง
ประเทศไปสู่สิ่งดีงามได้หรือไม่ได้มาดูกันวันที่ 24 พ.ย.นี้
    “มีเวลา 7 วันจากวันนี้ถึงวันที่ 24 ให้พี่น้องประชาชนคนไทยที่รักแผ่นดิน ห่วงอนาคตลูกหลานชวนญาติมิตรมาที่นี่ 24 พ.ย.มากันให้เป็นล้าน มาให้เกิน
ล้าน เดินมาเลยถนนทุกสายมาที่ราชดำเนิน ขจัดความกลัวออกใจ ใครที่เป็นนักรบหน้าจอโทรทัศน์, เฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ ถึงเวลาออกศึกแล้ว 24 พ.ย.ออกมาได้แล้ว มาโค่น
ล้มระบอบทักษิณด้วยกัน” นายสุเทพกล่าว
    นายสุเทพย้ำว่า ขอให้ผนึกหัวใจด้วยกันสู้เพื่อให้ไทยให้พ้นจากความเป็นทาสของระบอบทักษิณ มายืนเคียงบ่าเคียงไหล่ให้ลูกหลานเราได้เป็นเสรีชนในแผ่น
ดินนี้ นี่เป็นโอกาสเดียวในชีวิตที่จะต่อสู้เพื่อประเทศและลูกหลานไทย นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะได้รับการจารึกในประวัติศาสตร์ของโลกว่าคนไทยต่อสู้ด้วยมือเปล่าด้วยความ
สงบอหิงสาและชนะมารร้าย ขอให้เตรียมตัวตั้งแต่วันนี้แล้วมุ่งตรงมายังราชดำเนิน ส่วนพี่น้องในต่างจังหวัดก็รับสะสางงาน และนัดญาติใน กทม.รีบเดินทางเข้ามาทยอยมา
เรื่อยตั้งแต่ 19 พ.ย. ซึ่งคณะกรรมการจะจัดเตรียมการไว้ทุกอย่าง หากใครมาไม่ได้ให้ไปรวมตัวที่ศาลกลางทุกจังหวัดคุมเชิงผู้ว่าฯ เอาไว้ให้ดี รอสัญญาณจากเวทีราชดำเนิน
แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปกระซิบ ผู้ว่าฯ และข้าราชการนว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะกลับเนื้อกลับตัวมายืนข้างมวลมหาประชาชน
    “นับนาทีจากวันนี้เราต้องลงมือทำงานเพื่อให้วันที่ 24 พ.ย.เป็นวันแห่งชัยชนะของประชาชน” นายสุเทพประกาศ
    ส่วนเวทีกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) หน้ากองบัญชาการกองทัพบก บรรยากาศการชุมนุมก็เป็นไปอย่างคึกคักเช่นกัน ซึ่งใน
พื้นที่ชุมนุมมีการปรับพื้นที่รองรับเทศกาลลอยกระทง โดยมีกิจกรรมปาเป้าลูกโป่ง ซึ่งมีการนำรูปนักการเมืองมาติดไว้ รวมทั้งมีซุ้มการยิงปืนยาง ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ และ
ช่วงค่ำได้ร่วมกันลอยกระทงนักการเมือง ที่ทาง คปท.ทำกระทงหุ่นจำลอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลอยไปกับสายน้ำตามความเชื่อของคนรุ่นเก่าก่อนที่ขจัดสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิต
บริเวณคลองผดุงกรุงเกษม
     นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษากลุ่ม คปท. แถลงข่าวกรณีเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจวันที่ 16 พ.ย.ว่า
เมื่อเคลื่อนขบวนไปที่แยกสนามม้านางเลิ้ง ได้มีการตั้งด่านสกัด และตำรวจได้มีการจงใจยั่วยุ เช่นเดียวกับกรณีทีมงานตำรวจระดับผู้ใหญ่โพสต์ข้อความในโซเชียล ทำให้เข้า
ใจว่าสื่อมวลชนด่าการกระทำของผู้ชุมนุม คปท.นั้น ตรงนี้ถือเป็นพฤติกรรมของตำรวจที่อัปรีย์ เป็นคำพูดของคนที่ยอมตนเป็นขี้ข้า ทำทุกอย่างเพื่อเอาใจนาย
    "พวกตำรวจคุณอย่าเอาเครื่องแบบมาคุ้มกะลาหัว และใช้วาจาอัปรีย์กับประชาชน ไม่เช่นนั้นจะถือว่าพวกคุณเป็นพวกเนรคุณแผ่นดิน ถ้าเก่งจริง อย่าใช้
เครื่องแบบมาคุ้มกะลาหัว" ที่ปรึกษา คปท.ระบุ
    ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เดินทางมาเป็นประธานการประชุมเสวนา เพื่อขับเคลื่อน
นโยบายกระทรวงศึกษาธิการสู่การปฏิบัติ "การรวมพลังยกระดับคุณภาพการศึกษา" ปี 2556 ที่โรงแรมทวินโลตัสนครศรีธรรมราช ปรากฏว่าหลังจากนายจาตุรนต์เสร็จจาก
การบรรยายพิเศษให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนา ได้เดินออกมาเยี่ยมบูธของโรงเรียนต่างๆ บริเวณห้องโถงของโรงแรม มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน โพกหัวคาดผ้าสีดำและรถ
เครื่องขยายเสียงมาจอดเต็มบริเวณลานจอดรถหน้าโรงแรม พร้อมกับเป่านกหวีดขับไล่คณะของนายจาตุรนต์เสียงดังลั่น รวมทั้งแกนนำพูดผ่านเครื่องขยายเสียงโจมตีรัฐบาล
และคณะของนายจาตุรนต์ว่าเป็นขี้ข้าทักษิณตลอดเวลา
    พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงรีบพานายจาตุรนต์และคณะเดินหนีไปลงด้านหลังของโรงแรมอย่างทุลักทุเลทันที และขึ้น
รถตู้ของโรงเรียนโยธินบำรุงวิ่งหลบออกไป
ม็อบชนม็อบปลุกรัฐประหาร
    อย่างไรก็ตาม เมื่อนายจาตุรนต์เดินทางมาถึงบริเวณท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชเพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ก็มีกลุ่มประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งประมาณ
100 คนมาดักรอ บริเวณอาคารขาเข้าของสนามบิน ทำให้คณะของนายจาตุรนต์ต้องเปลี่ยนแผนนั่งรถตู้เข้าไปส่งถึงบันไดเครื่องบิน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็เป่านกหวีดไล่กันดังลั่น
ก่อนที่นายจาตุรนต์จะขึ้นเครื่องอย่างปลอดภัย
    นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน มองว่า สถานการณ์การเมืองกำลังเข้าสู่โหมดแห่งความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น และหลังวันที่ 20 พ.ย. ไม่ว่าศาล
รัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมาทางใดก็ตาม สถานการณ์ก็ยังไม่มีแนวโน้มจะคลี่คลายลง
    นายสุริยะใสกล่าวว่า สมมติว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณีคำร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาของ ส.ว. เป็นคุณกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลที่
ชุมนุมอยู่ถนนราชดำเนิน ก็จะทำให้คนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยไม่ยอมรับและสร้างกระแสต่อต้านไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกันหากคำวินิจฉัยเป็นคุณกับฝ่าย
รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็จะส่งผลให้การชุมนุมต้องยกระดับกดดันรัฐบาลมากยิ่งขึ้นเพื่อให้จบภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน ตามคำประกาศของแกนนำ ฉะนั้นหลังวันที่ 20 พ.ย.
คงมีการเคลื่อนไหวใหญ่ของทั้ง 2 ฝ่าย และมีโอกาสเกิดการเผชิญหน้ากันได้ตลอดเวลา
    "ที่น่าเป็นห่วงมากขึ้น เพราะรัฐบาลที่มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่ได้วางตัวที่เหมาะสม แต่กลับสั่งกลไกรัฐทุกระดับปกป้องค้ำบัลลังก์ตน
เองและสั่งระดมมวลขนมาสนับสนุนเพื่อยืดอายุของตัวเองต่อไป โดยไม่สนใจความขัดแย้งแตกแยกที่จะตามมา ปรากฏการณ์แบบนี้กำลังสร้างเงื่อนไขให้เกิดอำนาจนอกระบบ
คล้ายๆ เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ถึงตอนนั้นรัฐบาลจะไปโทษใครก็เป็นเรื่องยากหรือสายเกินแก้" นายสุริยะใสกล่าว
    ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนกล่าวว่า การชุมนุมไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญและรัฐบาลก็ต้องพิจารณาตัวเอง จะยุบสภาหรือลา
ออกก็ย่อมทำได้ แต่การปลุกระดมมวลชนมาเผชิญหน้ากับประชาชนที่เห็นต่างกับรัฐบาลไม่ใช่วิถีของรัฐบาลประชาธิปไตย
     สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนหัวข้อ ความสุข ความทุกข์ของคน ระหว่างวันที่ 12-16 พ.ย. โดย
ประเด็นความทุกข์ของประชาชนที่มี ณ วันนี้ อันดับ 1 ร้อยละ 47.51 เรื่องความความวุ่นวายในบ้านเมืองและการขาดความสามัคคี รองลงมาร้อยละ 41.44 เรื่องค่าครองชีพ
ที่สูงขึ้น
    ต่อคำถามกรณีความขัดแย้งทางการเมือง ณ วันนี้ ประชาชนคิดว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องใด ร้อยละ 49.45 ระบุมาจากเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่าง, ร้อยละ
40.76 นักการเมืองคำนึงถึงผลประโยชน์ของกลุ่มพวกพ้องมากกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ
    ที่น่าสนใจคือคำถามทำอย่างไรบ้านเมืองจึงจะสงบเรียบร้อยเดินหน้าต่อไปได้ ร้อยละ 52.65 ระบุทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน เพื่อยุติความวุ่นวายที่เกิด
ขึ้นในสังคมโดยเร็ว, ร้อยละ 28.76 เรื่องที่ผู้บริหารประเทศต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างความสงบสุขให้กับบ้านเมือง และร้อยละ 18.59 ระบุกระบวนการยุติธรรมของ
ประเทศต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น