วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ซักฟอก“ยิ่งลักษณ์-จารุพงศ์" หวังเปิดแผลไล่ถลุง ไม่พ้นลาก“ทักษิณ”ขึ้นเวที เมื่อ 17 พ.ย.56

ซักฟอก“ยิ่งลักษณ์-จารุพงศ์" หวังเปิดแผลไล่ถลุง ไม่พ้นลาก“ทักษิณ”ขึ้นเวที


ยังไม่รู้ว่า สุดท้ายการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติไปเมื่อ 15 พ.ย. จะเกิดปัญหาทางเทคนิคอะไรขึ้นมาไม่ จะต้องมีการยื่นญัตติใหม่หรือว่าจะดำเนินการอะไรได้ทันก่อนปิดสมัยประชุม 29 พ.ย.นี้หรือไม่
    หลังสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรออกมาระบุว่า ญัตติที่ฝายค้านยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
    น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม
    จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย
    ยังไม่สมบูรณ์เนื่องจากไม่มีรายละเอียดของข้อกล่าวหาบุคคลทั้งสองว่าทำผิดเรื่องอะไร ประเด็นไหน จะได้เตรียมชี้แจงได้ถูก
    ทว่า ฝ่ายค้านก็ยืนกรานว่าการยื่นญัตติได้ยื่นถูกต้องตามรัฐธรรมนูญและธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมา ซึ่งไม่เคยมีการยื่นข้อกล่าวหาแนบ
    อย่างไรก็ตาม คาดว่าทุกอย่างคงได้ข้อยุติภายในวันจันทร์ที่ 18 พ.ย.นี้ บนสมมุติฐานว่าทุกอย่างน่าจะตกลงคุยกันได้ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจน่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ก็น่าสนใจในส่วนของยิ่งลักษณ์ ว่าครั้งนี้จะโดนอภิปรายเรื่องอะไรบ้าง ประชาธิปัตย์จะมีหมัดเด็ดอะไรมาน็อกยิ่งลักษณ์หรือทำให้คางเหลืองกลางสภาได้หรือไม่ นอกเหนือจากที่มีการ “เก็งข้อสอบ” กันไว้ล่วงหน้า
    ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “โครงการรับจำนำข้าว” ในฐานะที่ยิ่งลักษณ์เป็น “ประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ” (กขช.) ที่ก็ไม่รู้ว่าหากฝ่ายค้านอภิปรายเรื่องนี้แล้ว ยิ่งลักษณ์จะชิ่งไม่ตอบ โยนให้นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมว.พาณิชย์ตอบแทนได้หรือไม่ และหากทำเช่นนั้น ฝ่ายค้านจะยอมหรือไม่ อย่างไร แต่เชื่อว่าคงได้มีการโวยวายลั่นห้องประชุมสภาแน่นอน
    ขณะที่ภาพรวมการอภิปรายเรื่องภาวะผู้นำประเทศ-การบริหารราชการแผ่นดินไร้ประสิทธิภาพ-ความล้มเหลวของนโยบายสำคัญๆ ของรัฐบาลเพื่อไทยที่ไม่ประสบความสำเร็จ และสร้างปัญหาให้กับประเทศโดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจและการเงินการคลัง ก็คาดกันว่าคงมีหลายเรื่องที่ฝ่ายค้านจะเอาข้อมูลและคำอภิปรายมากระซวกนายกฯ กลางสภา ที่ก็น่าจะต้องมีอะไรมากกว่าเรื่องเดิมๆ ประเภท รถยนต์คันแรก หรือเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท มาให้เห็นกันบ้าง ไม่ใช่ฉายหนังซ้ำเรื่อยไป
    ขณะที่การอภิปรายเรื่องใน “กระทรวงกลาโหม” ก็มีหลายฝ่ายจับตามองไม่น้อยว่าฝ่ายค้านจะมีอภิปรายอะไร “ยิ่งลักษณ์” ในฐานะ รมว.กลาโหมหรือไม่ แม้หลายคนจะประเมินว่าเรื่อง “เขาพระวิหาร” อาจมีสอดแทรกเข้ามาด้วย แต่ว่ากันตามจริงเรื่องนี้หากประชาธิปัตย์จะหยิบยกมาอภิปรายด้วยก็คงต้องทำการบ้านมาให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจโดนสวนกลับมาได้ว่าไม่เกี่ยวกับกระทรวงกลาโหมและรัฐบาล ส่วนจะมีเรื่องอะไรเด็ดๆ ที่จะมาซักฟอกยิ่งลักษณ์ได้หรือไม่ ที่ ปชป.บอกว่ามีหมัดเด็ด-หมัดน็อกก็ต้องรอดูกัน
    ทั้งนี้ เนื้อหาญัตติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจยิ่งลักษณ์ของฝ่ายค้าน ระบุตอนหนึ่งถึงเหตุผลในการยื่นซักฟอกไว้ว่า
    “ได้บริหารราชการแผ่นดินโดยบกพร่อง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้จริยธรรม ไร้คุณธรรม ไร้สำนึก ไร้ภาวะผู้นำ ไร้ความรับผิดชอบต่อสภาและประชาชน ลอยตัวหนีปัญหา เลือกปฎิบัติ พูดอย่างทำอย่าง ปากว่าตาขยิบ
    ชอบแอบอ้างประชาธิปไตยกระทำการอันไม่บังควร สมรู้ร่วมคิดกับพวกพ้องทำลาย ข่มขู่ ก้าวก่ายสถาบันหลักในระบอบประชาธิปไตยทั้งนิติบัญญัติ ตุลาการ และองค์กรอิสระ มุ่งแก้ไขปัญหาบุคคลในครอบครัวมากกว่าประชาชน
    มีพฤติกรรรมฉ้อฉลทุจริต ปล่อยปละให้มีการทุจริต จงใจปกปิดข้อมูลเพื่อปิดบังการทุจริตและความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ส่งเสริมปกป้องฉ้อราษฎร์บังหลวงและแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเอง ความร่ำรวยของครอบครัว ขณะที่ประชาชนยากจนลง เดือดร้อนแสนสาหัส นโยบายรณรงค์ต่อต้านทุจริตเป็นเพียงละครปาหี่ เป็นยุคที่คอร์รัปชันเบ่งบานที่สุดในประวัติศาสตร์
    โดยนายกรัฐมนตรีไม่แยแส ใส่ใจ จัดการตามหน้าที่ นอกจากนี้ยังกระทำผิดบ่อยซ้ำซาก วางแผนใช้อำนาจออกกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์โดยมิชอบ อันเป็นการทุจริตในรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อน ปล่อยให้บุคคลในครอบครัวกดปุ่มสั่งการตามอำเภอใจทุกรูปแบบ จนประเทศไทยเสมือนมีนายกรัฐมนตรีหลายคนวนเวียนหาประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
    หากปล่อยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี จะปล่อยให้ประเทศนำไปสู่ความวิบัติ จึงไม่สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป”
    ถือเป็นญัตติที่ดุเด็ดเผ็ดมันไม่น้อย แต่ไม่รู้ถึงวันอภิปรายจริงๆ ประชาธิปัตย์จะมีประเด็น-ข้อมูล-พยานหลักฐานอะไรต่างๆ มาแสดงเพื่อทำให้เห็นว่า ยิ่งลักษณ์มีความผิดอุกฉกรรจ์อย่างที่เขียนไว้ในญัตติได้จริงหรือไม่ อันนี้ต้องรอพิสูจน์
    ขณะที่ “จารุพงศ์ รมว.มหาดไทย-หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” รายนี้ หลายคนบอกไม่แปลกใจที่มีชื่อโดนซักฟอก
    เนื่องจากที่ผ่านมา มีข่าวว่าฝ่ายค้านซุ่มเก็บข้อมูลการบริหารงานของจารุพงศ์ในกระทรวงมหาดไทยมานานพอสมควร โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องการบริหารงานบางอย่างภายในกระทรวงที่ถูกเพ่งเล็งและวิจารณ์อย่างหนัก จนทำให้มีข่าวทักษิณ ชินวัตร จะปรับออกจากตำแหน่งมาแล้ว เพราะมีคนเอาไปเล่าให้ทักษิณฟังที่ต่างประเทศ
    ขณะเดียวกัน ด้วยลักษณะการพูดจาให้สัมภาษณ์หลายครั้งของจารุพงศ์ ก็สร้างความหมั่นไส้ให้กับคนประชาธิปัตย์หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ-เรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือเรื่องเกี่ยวกับตัวทักษิณ ชินวัตร
    ยิ่งตัวจารุพงศ์ ยังเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย การอภิปรายตัวจารุพงศ์ ที่เป็น มท.1 จึงทำให้มีผลทางการเมืองไม่น้อย หากว่าซัดแล้วเข้าเป้าเต็มๆ ก็อาจมีผลต่อคะแนนนิยมของรัฐบาลได้
    โดยในญัตติการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจจารุพงศ์ ฝ่ายค้านได้ระบุไว้ตอนหนึ่งถึงเหตุผลการยื่นญัตติดังกล่าวไว้ว่า
    “เนื่องจากบริหารราชการแผนดินบกพร่อง ผิดพลาด ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ลุแก่อำนาจ ขาดคุณธรรมจริยธรรม เล่นพรรคเล่นพวก เลือกปฏิบัติ มุ่งสนองผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง และผลประโยชน์การเมืองมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน
    มีพฤติกรรมทุจริต จงใจผิดกฎหมาย หากปล่อยให้บริหารราชการต่อไปก็จะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนไม่มีที่สิ้นสุด”
    ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ปชป.มีการจัดทัพเตรียม ส.ส.อภิปรายกันแล้ว โดยเอาเฉพาะแบบเน้นๆ ขึ้นแล้วซัดเข้าเป้าเลย ไม่เอาแบบเต้นฟุตเวิร์กลีลามากแต่ออกหมัดไม่เป็น ที่ตอนนี้ข่าวบอกว่าที่มีแนวโน้มจะขึ้นอภิปรายก็เช่น
    นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ-นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม-วิรัตน์ กัลยาศิริ-กรณ์ จาติกวนิช-จุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฐ์-ศิริโชค โสภา-อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เป็นต้น
    สำหรับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เกิดขึ้นปีละครั้ง ก็อย่างที่พบเห็นกันมาตลอด คือ ต่อให้ฝ่ายค้านมีการเตรียมข้อมูลมาดีอย่างไร มีพยานหลักฐานชัดเจนแน่นหนาแค่ไหน เปิดแผลผู้นำประเทศและรัฐมนตรีแต่ละคนที่โดนซักฟอกกลางสภาจนสะบักสะบอมอย่างไร
    ครั้นถึงเวลาลงคะแนนเสียง “ไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจ” หลังอภิปรายจบ คนที่โดนซักฟอกก็ได้เสียงไว้วางใจมากกว่าไม่ไว้วางใจทุกครั้ง แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นกระบวนการตรวจสอบฝ่ายบริหารที่ทรงพลังที่สุดในระบบรัฐสภา ดังนั้นเมื่อศึกนี้ระเบิดขึ้น ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านก็ต้องเตรียมพร้อมรับศึกกันเต็มที่
    อย่างไรก็ตาม เชื่อได้ว่าตลอดช่วงการอภิปรายฯ ส.ส.ฝ่ายค้านจะต้องมีการเอ่ยชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน แล้วก็ตามมาด้วยความวุ่นวายต่างๆ เช่น การประท้วงของ ส.ส.เพื่อไทย ที่คงทำให้การอภิปรายเข้มข้นตามไปด้วย
    อีกทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้น น่าจะทำให้การชุมนุมที่ถนนราชดำเนินมีประเด็นเรียกความร้อนแรงให้กับผู้ชุมนุมในช่วงดังกล่าวขึ้นมาด้วยไม่มากก็น้อย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น