วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เข้าสู่ยุค “เจ๊งทั้งประเทศ” “ยิ่งลักษณ์”ลากชาติลงเหว โดย นกหวีด 14 พฤษภาคม 2555 02:07 น.

เข้าสู่ยุค “เจ๊งทั้งประเทศ” “ยิ่งลักษณ์”ลากชาติลงเหว

โดย นกหวีด14 พฤษภาคม 2555 02:07 น.

ข่าวปนคนฯ
       
       “พาโล อปริณายโก คนโง่ไม่ควรเป็นผู้นำ” ดูเหมือนจะเป็นพุทธสุภาษิตที่กินใจคนไทยที่สุดในเวลานี้
       
       เพราะนับจากที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มือบริหารผู้มากฝีมือจากตระกูลชินมาดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างเป็นทางการเต็มคณะเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554
       
       บ้านเมืองนี้ก็มีเรื่องให้ลุ้นระทึก อึ้ง ทึ่ง เสียว ได้ตลอดเวลา นาที เลยทีเดียว
       
       เริ่มจากที่เธอแถลงต่อรัฐสภาว่า “ดิฉันมั่นใจว่าจะสอบผ่านทุกวิชา” แต่หลังจากนั้นกลับปรากฏว่าเธอตกวิชาภาษาไทย ไม่ชำนาญคณิตศาสตร์ ขาดความสันทัดภาษาอังกฤษ ไร้ความรอบรู้ในวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต คอยแต่คิด ว. 5 ที่โฟร์ซีซั่น
       
       นอกจากนี้เธอยังตกวิชาภูมิศาสตร์ ขาดความเข้าใจงานด้านการต่างประเทศ ไร้ความรู้เกี่ยวกับระบบการปกครองของประเทศเพื่อนบ้าน แถมไอ้ที่เธอเคยคุยนักคุยหนาว่า เก่งกล้่าสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ ชนิดที่พี่ชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรการันตีว่า เป็นโคลนนิ่ง แต่สิ่งที่ปรากฏชาวบ้านเขานินทาว่าเธอจะเป็นแค่ “โคลนตม” ที่ไม่สามารถนำมาปั้นให้เป็นตัวเป็นตนได้ แม้กระทั่งปั้นวัวปั้นควายให้คนไทยได้เล่นหัว
       
       ล่าสุดเธอทำให้คนไทยได้เรียนรู้วิชาของแพงว่าเกิดจาก น้ำท่วม อากาศร้อน ประชาชนคิดไปเอง ส่วนราคาน้ำมันเป็นแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ พลิกลิ้นไปมาพร้อมกับความกลอกกลิ้ง ยิ่งกว่าน้ำบนใบบอน เลยทำให้หลุดคำพูดมัดความห่วยแตกในการบริหารงานของตัวเองว่า
       
       “ไตรมาสที่สองของทุกปี จะเป็นช่วงที่มีเงินในกระเป๋าน้อยที่สุด รายจ่ายมาก อากาศร้อน ค่าไฟแพง ...พวกมีรายได้รายวันจะมีรายได้ลดลง”
       
       อ้าวก็รัฐบาลประกาศเหยง ๆ ว่าสร้างรายได้ลดรายจ่าย แล้วไหงบริหารงานมา 9 เดือน กลับกลายเป็นสร้างรายจ่ายลดรายได้ล่ะ แถมโฆษณาชวนเชื่อกันครึกโครมว่า ทำสำเร็จทั้งเงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่น ค่าแรง 300 แล้วทำไมมายอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่า “พวกมีรายได้รายวัน จะมีรายได้ลดลง”
       
       ก็เขาได้ 300 แล้วนี่ หรือยอมรับความจริงแล้วว่า 300 ไม่ได้จริงมี แค่ราคาคุย 7 จังหวัดแต่กระทบแพงทั้งแผ่นดินไปทั่วประเทศ
       
       ส่วนที่ตื่นตาตื่นใจนักเศรษฐศาสตร์เป็นที่สุด คือ “ในเดือนธันวาคมที่ประชาชนได้รับโบนัสปลายปีทำให้ไม่รู้สึกว่าสินค้ามีราคาแพง”
       
       อุแม่เจ้า ! เคล็ดวิชานี้ทำเอา “กูรูด้านเศรษฐศาสตร์”อยากจะเอาพานพุ่มไปกราบไหว้บูชาขอร้องให้อยู่บนหิ้งนั่งท่องพุทธสุภาษิตที่ว่า “พาโล อปริณายโก คนโง่ไม่ควรเป็นผู้นำ” แต่เธอก็คงท่องผิดและมิอาจจำได้ขึ้นใจ ยกเว้นแต่จะมีโพยให้เธออ่าน
       
       ด้วยวิสัยทัศน์เยี่ยงนี้เอง สถิติล่าสุดที่สะท้อนถึงความหดตัวทางด้านการลงทุนคือ ตัวเลขการขออนุญาตตั้งโรงงานในเดือนเมษายนลดเหลือ 1,300 ล้านบาทจาก 1.7 หมื่นล้าน ลดจากปี 2554 ถึงกว่า 12 เท่าตัว
       
       ไม่เพียงเท่านั้นยอดการขาดดุลการค้าเฉพาะเดือนมีนาคมก็ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ตัวเลข 1.5 แสนล้านบาท ขณะที่การส่งออกพังพาบติดลบทุกตลาด บริหารจนไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวขาดรายได้ 1.6 หมื่นล้านเข้าประเทศ เพราะนโยบายจำนำข้าว 1.5 ซึ่งเป็นราคาที่สูงเกินความเป็นจริง
       
       ในขณะที่ทุกนโยบายของรัฐบาลมีแต่ประชานิยมบ้าคลั่ง ลด แลก แจก แถม ทำลายวินัยการเงินรากหญ้า สะสมนิสัยเบี้ยวหนี้ จนกำลังจะกลายเป็นปัญหาต่อสถานะทางการเงินของแบงก์รัฐ 
       
       ถึงขั้นผู้บริหาร ธกส. ออกมาโอดครวญขอให้รัฐบาลเพิ่มทุนให้หลังต้องพักหนี้ดี 3 ปี วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ทั้งต้นทั้งดอกเป็นเวลา 3 ปี เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดปัญหาสภาพคล่องต่อ ธกส.ได้
       
       ที่หยิบยกมาเป็นเพียงตัวอย่างในภาพใหญ่ ซึ่งหากลงรายละเอียดในแต่ละนโยบายแล้วจะยิ่งเห็นหายนะเศรษฐกิจไทยได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และไม่มีแนวโน้มว่าจะทบทวนปรับเปลี่ยนนโยบายที่สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ
       
       มีแต่จะลากชาติลงเหวเร็วขึ้น จากวิธีคิดกินบุญเก่า ผลาญสมบัติ ขาดปัญญาในการหารายได้ 
       
       นอกจากทุ่มเงินเข้าระบบขยายตัวเลขเศรษฐกิจ โดยไม่มีการศึกษาว่าจะสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่คุ้มค่าหรือไม่
       
       หนี้สาธารณะจาก 41 % ในยุคอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี ทะยานเป็น 48.6 % และมีการคาดการณ์จาก ประสาน ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าฯแบงก์ชาติเตือนดัง ๆ ว่า หากปล่อยให้ตัวเลขหนี้สาธารณะขยับขึ้นอย่างนี้อีก 6-7 ปี จะทำให้หนี้สาธารณะเกินกรอบเพดาน 60 %
       
       นี่ขนาดโยกเอาหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ 1.14 ล้านบาท ไปซุกไว้กับแบงก์ชาติแล้ว ถ้าหากยังนับเป็นหนี้สาธารณะป่านนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่เคยใช้วาทกรรมโจมตีคนอื่นว่า “ดีแต่กู้” จะทำให้หนี้สาธารณะสูงถึง 59 % แล้ว ยังไม่ต้องคำนวณไปถึงอีก 6-7 ปีต่อจากนี้ เพราะหายนะมาให้เห็นอยู่ตรงหน้าแล้ว เนื่องจากหนี้กองทุนฯแม้จะไม่นับเป็นหนี้สาธารณะ แต่มันก็คือ
       
       “หนี้ของประเทศ”
       
       9 เดือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นอกจาก เสกเงินในอากาศไม่ได้ตามราคาคุยแล้ว ยังทำให้รายได้หาย หนี้พุ่ง เศรษฐกิจพัง
       
       เข้าสู่ยุค “เจ๊งทั้งประเทศ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น