|
|
ผ่าประเด็นร้อน
...ต้องนำคำพูดของแกนนำญาติคนเสื้อแดงที่สูญเสียในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อปี 2553 อย่าง นางพะเยาว์ อัคฮาด และ พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ที่ถึงกับโพล่งออกมาแบบทนไม่ไหวว่านี่คือการ “ยิงซ้ำ” และเป็นการอธิบายความหมายคำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร ก่อนหน้านี้ว่า “ส่งผมถึงฝั่งแล้ว ต่อไปจะเดินขึ้นเขา” เพราะนี่คือการเปลือยธาตุแท้ของ ทักษิณ ที่สั่งให้ “ขี้ข้า” เร่ง “หัก” ผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแบบ “หน้ามืดเหมายกเข่ง” แบบไม่ต้องรอการพิสูจน์ใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยการให้ล้างผิดให้กับทุกคน โดยมีเป้าหมายเพียงแค่ต้องการให้ตัวเองรอดกลับมามีอำนาจโดยเปิดเผย และได้เงินคืนกลับมาเท่านั้น
นี่คือสันดาน ทักษิณ ชินวัตร และเขาคิดแค่นี้จริงๆ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน!!
หากพิจารณาจากเส้นทางในอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เขาก็ทำทุกอย่าง ลงทุนทุกอย่าง ทั้งการสั่งให้พวกแกนนำคนเสื้อแดงซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยเดิมรณรงค์เดินสายปลุกระดมมวลชนมาสร้างความปั่นป่วน จนเกิดการจลาจลเผาบ้านเผาเมือง ทั้งในปี 2552 ต่อเนื่องจนถึงปี 2553 ก็เพื่อการนี้ นั่นคือต้องการกลับมาสู่อำนาจทางการเมือง และแสวงหาความร่ำรวยกันแบบไม่สิ้นสุด เท่านั้นเอง
การให้สัมภาษณ์ล่าสุดของทักษิณ ชินวัตร ที่บอกว่าคนส่วนใหญ่ที่ออกมาต่อต้านเขา ล้วนมาจากพวก “ขี้อิจฉา” ที่เห็นว่าเขาคิดเก่งกว่า ก็ยังสะท้อนให้เห็นว่า เป็นคนที่ “หลงตัวเอง” และที่สำคัญกำลังเข้าขั้น “ประสาทเสีย” นับวัน “ใกล้บ้า” เข้าไปทุกทีแล้ว
ในคำพูดครั้งล่าสุดดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นอีกว่า เวลานี้เขายังเข้าใจว่า “คุมเกม” เอาไว้ในมือได้หมดแล้ว ถึงกับเผยท่าทีออกมาอย่างแข็งกร้าวในทำนองว่า “คนอย่างเขาอะไรก็ได้ ถ้าให้หยุดก็ขอให้บอก หรือถ้าจะรบถ้าแพ้ก็คือตายเท่านั้น”
ท่าทีดังกล่าวสำหรับเขา หากมองอีกมุมหนึ่งแบบเข้าใจ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และก็ต้องเป็นแบบนี้ เพราะเขาก็ต้องเชื่อว่าเวลานี้เขาคุมทุกอย่างเอาไว้ในมือได้อย่างเบ็ดเสร็จ แค่คุมรัฐบาลเอาไว้ในกำมือ มีอำนาจเหนือนายกรัฐมนตรี แค่นี้ก็ถือว่าพิเศษพิสดารแล้ว นี่ยังควบคุมนิติบัญญัติ ชี้นิ้วสั่งประธานสภาได้ไม่ต่างจาก “ขี้ข้า” แล้ว ผู้นำกองทัพ เวลานี้ก็ไม่ต่างจาก “ลูกแมว” เชื่องๆ ที่ซุกอยู่ใต้กระโปรง คำพูดที่บอกว่า “ไว้ใจไอ้ตู่ที่สุด” นั่นแหละถือว่าเป็นคำตอบได้หมดจดแล้ว
อย่างไรก็ดี หากวกกลับมาโฟกัสกันเฉพาะร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ฉบับเลยซอย “หลุดโลก” ที่มีเป้าหมายเพียงแค่ต้องการให้ ทักษิณ ชินวัตร พ้นความผิดกลับมามีอำนาจอย่างเปิดเผย และได้เงินคืน แน่นอนว่าสำหรับคนไทยทั่วไปที่ยึดมั่นในระบบยุติธรรม ในกระบวนการทางศาล คงยอมรับไม่ได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องพิจารณากันต่อไปก็คือ คนเสื้อแดงจะคิดอย่างไร จะยอมนิ่งเฉย ไม่หือไม่อือ ไม่กล้าโต้แย้ง หรือว่ายอมรับความจริงที่มีคนค่อนขอดเหยียดหยามว่าเป็นได้แค่ “ขี้ข้า” ของทักษิณ และคนในครอบครัวนี้ชี้นิ้วสับโขกได้ตลอดเวลาอย่างนั้นหรือ
เพราะเมื่อพิจารณาจากสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับนี้ แน่นอนว่าสำหรับฝ่ายตรงข้ามที่รู้เช่นเห็นชาติของเขาย่อมรู้เป้าหมาย “สุดซอย” อย่างว่าอยู่แล้ว และไม่มีใครรับได้อยู่แล้ว แต่คำถามก็คือ แล้ว “คนเสื้อแดง” ละจะมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง เนื่องจากเนื้อหาของร่างดังกล่าวต้องการลบล้างความผิดแบบ “เหมาเข่ง” และถ้าเชื่อว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุเทพ เทือกสุบรรณ รวมทั้งนายทหารที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ กระชับพื้นที่เมื่อปี 2553 เป็น “ฆาตกร” คนพวกนี้ก็จะ “หลุด” กันทั้งหมด โดยที่ไม่ต้องรอการพิสูจน์ คนเสื้อแดง รวมถึงบรรดาญาติๆที่สูญเสียจะคิดอย่างไร หรือไม่รู้สึกอะไร จะคล้อยตามและยืนฟัง ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวของเขา เช่น สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้แบบเต็มๆกล่าวเรียกร้องให้ทุกฝ่าย “เซ็ทซีโร่” ความหมายก็คือ ให้ “เริ่มต้นกันใหม่”
ทำให้ตอนนี้อยากจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของคนเสื้อแดงว่าจะรู้สึกอย่างไรกันแน่ ไม่รู้จริงๆ หรือว่า ที่ผ่านมา “เขาหลอกให้มาตาย” ซึ่งคนเสื้อแดงเหล่านี้ต้องแยกออกมาจาก พวกแกนนำอย่าง วีระ(กานต์) มุสิกพงศ์ หรือพวกปลายแถวลงมาอย่าง จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นต้น ส่วนแกนนำ (ปลอมๆ) คนอื่นๆ ไม่ควรค่าเอยถึงไม่ต่างจาก “เห็บ” ที่โผเข้ามาเกาะหาประโยชน์เท่านั้น
แกนนำมีชื่อพวกนี้แม้ว่าจะเป็นแค่ “ลูกน้องวงนอก” แต่ก็ถือว่าอยู่ในเครือเดียวกัน ได้รับมอบหมายให้มาระดมมวลชนคนเสื้อแดงให้เข้ามา กลายเป็นฐานรองเท้าเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจรัฐ แม้ว่าที่ผ่านมาจะได้การตอบแทนในรูปของเงินสดชดเชย อยู่บ้าง แต่นั่นเป็นเงินหลวง ไม่ใช่เงินแม้วสักบาท
ดังนั้น เมื่อประเมินจากท่าทีของ ทักษิณ ชินวัตร ล่าสุด ที่จงใจส่งสัญญาณผ่านสื่อที่ต้องการเดินหน้าลุยเต็มที่กับการล้างผิด และได้เงินคืน โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่สนใจความรู้สึกคนรอบข้าง ซึ่งคำพูดของญาติของคนเสื้อแดงที่สูญเสีย อย่าง พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ และ พะเยาว์ อัคฮาด ที่เปรียบเทียบว่า ไม่ต่างจาก “ยิงซ้ำ” แล้วชิ่งขึ้นเขาเอาตัวรอด แต่คำถามก็คือ “แล้วจะยังไง” ต่อไป
เพราะนี่ไม่ต่างจาก “ถูกกระทืบแล้วเยี่ยวรดหน้า” ถ้าไม่รู้สึกและไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ แล้วละก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น