วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

“แม้ว” โผล่วอชิงตันพร้อม “ประยุทธ์” เจตนาบิดเบือน-ชิงพื้นที่!? โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มิถุนายน 2556 05:12 น.

“แม้ว” โผล่วอชิงตันพร้อม “ประยุทธ์” เจตนาบิดเบือน-ชิงพื้นที่!?
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์12 มิถุนายน 2556 05:12 น.

ผ่าประเด็นร้อน
       
       ต้องบอกว่าเวลานี้กลายเป็นเป็นช่วง “ขาลง” อย่างรวดเร็วอีกครั้งของ ทักษิณ ชินวัตร นับตั้งแต่ปี 2548-49 ที่ถูกประชาชนขับไล่ แต่ด้วยการถูกรัฐประหารจากคณะทหารที่หน่อมแน้ม และรัฐบาล “ขิงแก่” และรัฐบาลถัดมาได้กลับสร้างความแข็งแกร่งให้กับ ทักษิณ และเครือข่ายขึ้นมาอีกครั้งด้วยการหากินกับ รูปแบบการเลือกตั้งและ “ประชาธิปไตยจอมปลอม” ทั้งที่วิธีการในการกำจัด “ระบอบทักษิณ” ให้อ่อนแอหรือหมดสิ้นไปมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นคือปล่อยให้เปลือยตัวตนเผยธาตุแท้ออกมาเอง ขณะเดียวกันก็ต้องป้อนข้อมูลความจริง ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวออกมาให้เห็นจะจะอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับในตอนนี้ที่รัฐบาล “หุ่นเชิด” ในครอบครัวชินวัตรที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังประสพอยู่ กำลังถูกไล่ต้อนจากความล้มเหลวสารพัดอยู่ในเวลานี้ไงล่ะ
       
       ก่อนจะมาว่ากันในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่ ทักษิณ ชินวัตร มีความเคลื่อนไหวอยู่ในสหรัฐอเมริกา ก็ต้องปูพื้นเน้นย่้ำให้เห็นถึงความห่วยแตกล้มเหลวตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ลงมาจนถึงรัฐมนตรีเป็นรายตัว เพราะเมื่อพิจารณาจากผลสำรวจหรือโพลหลายสำนักล้วนออกมาตรงกันขนาดบางโพลที่มักถูกสงสัยว่าเป็น “โพลรับจ้าง” รัฐบาลก็ยังสะท้อนความเห็นของชาวบ้านออกมาในแนวเดียวกัน นั่นคือเสียงบ่นเสียงด่าในรื่องความเดือดร้อนจากปัญหา “ของแพง” ปัญหาชายแดนใต้ที่กำลังเข้าสู่มิกสัญญีทุกทีแล้ว ล่าสุดกำลังถูกกระหน่ำทุกทิศทางจากความล้มเหลวในเรื่องโครงการจำนำข้าวที่แม้จะพยายามปกปิดตัวเลขขาดทุน แต่แทบทุกฝ่ายก็ฟันธงตรงกันว่าต้องเกิน 2.6 แสนล้านบาทแน่นอน ที่น่าจับตาก็คือเวลานี้มีสื่อหลักอย่างสื่อโทรทัศน์ฟรีทีวีต่างออกรายงานชี้ให้เห็นถึงการขาดทุนและช่องโหว่จากนโยบายประชานิยมดังกล่าวมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
       
       อีกทั้งยังเกิดปรากฏการณ์ “กลุ่มหน้ากากขาว”ที่โผล่ออกมาจากโลกไซเบอร์ มีการนัดออกมาชุมนุมขับไล่ รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ และระบอบทักษิณ ในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ซุ่งมีปริมาณจำนวนคนเข้าร่วมเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด และลุกลามออกไปทั่วประเทศแล้ว ซึ่งเป็นการชุมนุมแบบใหม่ที่ไม่มีแกนนำ แต่เป็นการชุมนุมโดยสงบ มีการเตรียมพร้อมและรับรู้ข้อมูลอย่างดีเยี่ยม หากแนวโน้มยังเป็นแบบนี้นั่นคือมีปริมาณคนเข่าร่วมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกสัปดาห์ แสดงเจตนาให้เห็นว่า “กูไม่เอามึง” แบบนี้ต่อไปเห็นทีจะอยู่ลำบาก หรืออย่างน้อยก็ทำให้รัฐบาลและระบอบทักษิณ อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ แม้เชื่อว่าอีกไม่นานจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี แต่ถ้าไม่เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีที่ถือว่า “ล้มเหลวที่สุด” ออกไปแล้วมันก็ไร้ความหมาย
       
       นั่นคือความล้มเหลว ห่วยแตก การคอร์รัปชัน รวมไปถึงความรำคาญอันเกิดจากพวกอันธพาลเสื้อแดงที่ไปป่วนคุกคามคนอื่นไปทั่วแล้วอ้างว่านี่คือสีสันประชาธิปไตย การแต่งตั้งข้าราชกานแบบเล่นพรรคเล่นพวก หรือแม้แต่ตำรวจกรณีผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่จู่ๆ ก็ขึงขังขุดคุ้ยคดีหาคนเผาเซ็นทรัลเวิลด์ตั้งแต่ปี 53 หลังจากที่ ทักษิณ ชินวัตร อาชญากรหนีคดีประดับยศให้นั่นแหละ ประกาศว่าจะให้รางวัลกับคนที่ชี้เบาะแส 1-2 ล้านบาทก็ขมีขมัน ล่าสุด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็รับลูกต่ออ้างว่าได้รับเงิน 20 ล้านมาจาก พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายทักษิณ เพื่อเป็นรางวัลกับคนที่ชี้เบาะแสหรือมีหลักฐานว่าใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์ แม้คาดว่าจะทำให้เป็นเรื่อ
       
       ฮือฮาหรืออาจเป็นหนึ่งใน “แผนเบี่ยงประเด็น” แต่คำถามก็คือ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมาย แล้วเงิน 20 ล้านดังกล่าวมันเป็นของ พานทองแท้ หรือเกี่ยวโยงกับทักษิณ ที่มีสถานะไม่ต่างจากโจรเป็นอาชญากรหลบหนีคดี ซึ่งคนที่มีสติรับรองว่าจะไม่ทำแบบนี้ พฤติกรรมของตำรวจดังกล่าวนับว่าอัปยศสิ้นดี
       
       ที่สำคัญ ทักษิณ ชินวัตร ล้วนอยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าเป็น “คนบงการ” ให้เกิดเหตุจลาจล เป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายอันดับที่ 1 แต่กลายเป็นว่าตำรวจประเภทนี้กลับไปเกี่ยวพันอย่างหน้าตาเฉยไม่สนใจความรู้สึกของชาวบ้าน ขณะเดียวกัน เชื่อว่าสิ่งที่สังคมต้องการคำตอบก็คือ อยากให้หาตัวคนสั่งการด้วย ไม่ใช่แค่หา “คนเผา” อย่างเดียว เพราะนั่นมันกระจอกเกินไป
       
       อย่างไรก็ดี เมื่อวกกลับมาที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ที่มีข่าวปรากฏว่าทักษิณ ชินวัตร ไปโผล่ที่นั่นอีกแล้ว ซึ่งบังเอิญ (อีกแล้ว) ว่าเป็นช่วงที่ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปเยือนสหรัฐฯ พอดี ตั้งแต่ 1-10 มิถุนายน ตามคำเชิญของผู้บัญการทหารสหรัฐฯ และแน่นอนว่าเมื่อมีข่าวดังกล่าวออกมามันก็ช่วยไม่ได้ที่ทำให้มีการคิดกันไปว่าทั้งคู่จะต้องหาโอกาสพบกัน ซึ่งจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ก็ทำให้เกิดประเด็นตามมาอย่างน้อยสองอย่าง นั่นคือ การ “เคลียร์เรื่องปมปฏิวัติ” ที่มีการปล่อยข่าวออกมาก่อนหน้านี้ เมื่อคุยกันก็ไม่มีปัญหากับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และ 2. เมื่อทักษิณเคลื่อนไหวดังกล่าวย่อมกลายเป็นข่าวทำให้คนติดตาม เป็นการชิงพื้นที่ข่าว “แบบสร้างข่าวเพื่อกลบข่าว” เพราะแม้ว่าทั้งคู่อาจไม่ได้พบกันหรือพบกันมันก็ไม่ได้ต่างกัน เพราะเมื่อเป็นข่าวฮือฮา อย่างน้อยก็เบนความสนใจจากเรื่อง“จำนำข้าว” อันอื้อฉาวไปได้พักหนึ่งละ
       
       ขณะเดียวกัน สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อเดอนทางกลับมาก็อาจถูกตั้งคำถามให้อารมณ์เสีย เพราะไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไรมันก็ห้ามไม่ให้คนคิดไปต่างๆ นานาไม่ได้หรอก
       
       ดังนั้น การเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร ที่สหรัฐอเมริกาเที่ยวนี้ถ้ามองในเชิงการเมืองก็ต้องบอกว่าเป็น “เจตนา” ให้เกิดเป็นข่าวให้คนได้ติดตาม อย่างน้อยบังเอิญว่าเป็นช่วงที่ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เยือนสหรัฐฯ พอดี และในเมื่อรัฐบาลน้องสาวตัวเองกำลังโดนถล่มจากผลงานอันห่วยแตกแทบทุกเรื่อง ยังเกิดพวก “หน้ากากขาว” ออกมาขับไล่จำนวนมากขึ้น ทำท่า “จุดติด” ขึ้นมา ซึ่งเจตนาดังกล่าวของ ทักษิณอาจเป็นการสร้างข่าวเพื่อกลบข่าวก็เป็นไปได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ไม่มีความหมาย เพราะชาวบ้านเขาไม่ได้มุ่งหวังอะไรมาตั้งนานแล้ว มีแต่ความเบื่อหน่ายรำคาญเป็นทวีคูณเท่านั้น!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น