วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

'มัลลิกา'จี้'ดีเอสไอ'เร่งสอบ'จ่ายักษ์' เมื่อ 6 มิ.ย.56



'มัลลิกา'จี้'ดีเอสไอ'เร่งสอบ'จ่ายักษ์'

'ปชป.' จี้ 'เฉลิม-DSI' เร่งสอบ 'จ่ายักษ์' เหตุเอี่ยวคดีชุมนุมปี53 โต้กลับ 'ภักดีหาญส์' กล่าวหา 'มาร์ค' ใส่ร้าย 'ปู' ปมแทรกแซงสื่อ บี้ 'นายกฯ' ปลด 'ปลอด' พ้นรมต.


                     6 มิ.ย.56 น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องไปยัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีและนายธาริต เพ็งดิษฐ อธิบดีดีเอสไอ ให้สอบสวนขยายผลคดีการชุมนุมคนเสื้อแดงจากนายศรชัย ศรีดี หรือจ่ายักษ์ ผู้ต้องหาฆ่านายบุญจริง พินิจ หรือกำนันแดง ซึ่งอยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกับความไม่สงบในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดงทั้งปี 2552 และ 2553 เพราะนายศรชัยเป็นชายชุดดำในที่ชุมนุมของคนเสื้อแดง ดังนั้นนายธาริตควรรีบอายัดตัวเพื่อสอบสวนประกอบในสำนวนการชุมนุมปี 2553 เพื่อขยายผลต่อไป
                     อีกทั้งนายศรชัย มีความเกี่ยวข้องกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง โดยเชื่อว่านายศรชัยจะเป็นเบาะแสสำคัญในการสอบสวนเรื่องนี้ ดังนั้นดีเอสไอจึงควรสอบสวนให้คดีมีความสมบูรณ์ แทนที่จะไล่บี้แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี หากไม่ทำก็ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยในส่วนของสำนักโฆษกพรรคประชาธิปัตย์และทีมกฎหมายจะส่งหลักฐานไปให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ โดยตรง ให้นำนายศรชัยไปสอบสวน แต่ถ้าเพิกเฉยก็ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งจะได้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายในอีกขั้นตอนหนึ่ง
                     ด้านนายชื่นชอบ คงอุดม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พยายามชี้ว่ามีกลุ่มทุนสนับสนุนคนต่อต้านรัฐบาลว่า หากมีหลักฐานและคิดว่ามีการทำผิดให้ดำเนินคดีอย่าออกสื่อรายวัน เพราะทำให้ประชาชนสับสนอีกทั้งยังสร้างความเสียหายกับผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วย ร.ต.อ.เฉลิม เป็นรองนายกฯ ดูแลงานด้านความมั่นคงต้องสร้างความมั่นคงอย่าสร้างความแตกแยก
                     ดังนั้นหากมีเจตนาที่จะให้สังคมมีความสามัคคีก็ต้องทำตามที่ตนเสนอ แต่ถ้าต้องการเบี่ยงเบนประเด็นเพราะรัฐบาลบริหารผิดพลาด จนทำให้มูดีส์อาจปรับลดความน่าเชื่อถือของไทย ก็อย่าถึงขนาดบอกว่ามีกลุ่มทุนไปจ้างมูดีส์มาดิสเครดิตรัฐบาล เพราะมันเป็นไปไม่ได้

โต้กลับ 'ภักดีหาญส์' กล่าวหา 'มาร์ค' ใส่ร้าย 'ปู' ปมแทรกแซงสื่อ

                     น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล แถลงตอบโต้นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกรัฐบาล หลังจากที่ออกมากล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าใส่ร้ายน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลว่ามีพฤติกรรมแทรกแซงสื่อมวลชนว่า ขอให้นายภักดีหาญส์ กลับไปให้ส่องกระจกดูเงาตัวเอง ถ้าดูไม่เป็นก็ให้ตบปากตัวเอง เพราะนายภักดีหาญส์ ไม่รู้ความจริงว่า ตั้งแต่รัฐบาลทักษิณมาจนถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีการแทรกแซงสื่อมวลชนไม่แตกต่างกัน โดยมีการครอบงำ ถอดรายการโทรทัศน์ที่ฝ่ายค้านไป
                     กรณีของนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่กดดันสื่อต่างชาติไม่ให้สัมภาษณ์นายอภิสิทธิ์ ละครเหนือเมฆ ที่ถูกถอดกลางอากาศ กรณีชัย ราชวัตร การพูดของนายอภิสิทธิ์ เป็นเพียงการวิเคราะห์ว่าพฤติกรรมกับคำพูดแตกต่างกันนั้นเป็นเพราะห่วงภาพลักษณ์ของประเทศไทยต่อสังคมโลกเท่านั้น ที่สำคัญพฤติกรรมของรัฐบาลก็ฟ้องอยู่แล้วว่ารัฐบาลปฏิบัติต่อสื่อมวลชนอย่างไร

'ปชป.' จี้ 'ปู' ตั้งกก.สอบงบฯไข่ 131 ล้านบาท

                     รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาราคาไข่ไก่แพงว่า สร้างความเดือดร้อนกับประชาชนอย่างมาก โดยนายกรัฐมนตรีควรจะใส่ใจแก้ปัญหาให้ราคาถูกลงภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ใช่ใช้วิธีกล่อมประชาชนด้วยการบิดเบือนข้อมูลความจริง โดยเฉพาะนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พานิชย์ ควรหยุดพูดจาสามหาวแต่ต้องทบทวนบทบาทภาระหน้าที่ในตำแหน่ง รมช.พาณิชย์เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตปากท้องประชาชน ไม่ใช่คิดว่ายังเป็นแกนนำม็อบ คอยแต่จะปลุกม็อบ ด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพียงอย่างเดียว และขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี ครม.มีมติวันที่ 12 มีนาคม 2556 อนุมัติงบ 131 ล้านบาท เพื่อซื้อไข่ออกนอกระบบเพื่อแก้ปัญหาไข่ล้นตลาด แต่ในเวลาเดียวกันไข่ไก่กลับมีราคาแพงขึ้น เพราะในเอกสารที่มีการอนุมัติงบนั้นระบุว่า ไข่ไก่ล้นตลาดอยู่ที่ 4 ล้านฟอง คือมีปริมาณ 36 ล้านฟอง ในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคอยู่ที่ 32 ล้านฟอง แต่หลังจากที่ไข่มีราคาแพงตัวเลขจากรัฐบาลกลับอ้างว่าความต้องการของผู้บริโภคอยู่ที่ 36 ล้านฟอง
                     จึงต้องตั้งคำถามว่าทำไมข้อมูลเรื่องความต้องการผู้บริโภคจึงไม่ตรงกัน หรือว่ามีการพิมพ์ตัวเลขผิดเหมือนรถตู้กระทรวงศึกษาธิการ หรือตั้งใจปั้นตัวเลขเข้าครม.เพื่อแสวงหาประโยชน์ เพราะเรื่องนี้ส่อพิรุธอย่างชัดเจน หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ก็ต้องคิดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ รู้เห็นเป็นใจให้เกิดการทุจริตหรือไม่ โดยจะส่งเรื่องร้องเรียนไปยัง คณะอนุกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคของสมาชิกวุฒิสภา และป.ป.ช.ต่อไป เพื่อให้ตรวจสอบต่อไป

'ส.ส.ปชป.' ดาหน้าถล่มยับ 'ปลอด' หยามน้ำใจคนใต้

                     นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช นางอัญชลี วานิชเทพบุตร นายเรวัติ อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต และนายจุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าวประณามนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาระบุว่าไม่สร้างศูนย์ประชุมภูเก็ต เพราะไม่มีอารมณ์ และต้องรอให้คนภูเก็ตเห็นความดีของพรรคเพื่อไทยจนเลือกให้เป็นส.ส.ก่อน
                     นายวิทยา กล่าวว่า พฤติกรรมของนายปลอดประสพนั้น สะท้อนว่าหมดวุฒิภาวะความเป็นรัฐมนตรี ในความรู้สึกคนใต้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และเมื่อสร้างความแตกแยกพวกตนก็พร้อมแตกหัก จึงขอบอกนายปลอดประสพว่าอย่าไปภาคใต้ เพราะนายปลอดประสพ ไม่เป็นรัฐมนตรี ด๊อกเตอร์ หรือผู้ดีในสายตาของคนภาคใต้อีกต่อไป เนื่องจากสร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างมาก แต่นายปลอดประสพอาจคิดว่ากำลังสนองอารมณ์คนเป็นผู้นำเหนือรัฐบาล ไม่เรียกร้องมาตรฐาน จริยธรรมจากคนพวกนี้ อยู่ต่ออาจจะมีคนเอาน้ำยาล้างปากไปให้
                     ทั้งนี้พรรคไม่ได้มีความคิดที่จะแบ่งแยกประชาชน แต่นายปลอดประสพอย่าแปลกใจหากเดินทางไปภาคใต้แล้วจะเจอป้ายว่าคนใต้ไม่ต้อนรับ ซึ่งในขณะนี้เริ่มมีปฏิกริยาจากคนภูเก็ตต้องดูปฏิกริยาจากจังหวัดอื่นในภาคใต้ด้วย เพราะเชื่อว่าจะมีปฏิกริยาตามมาเช่นเดียวกันเนื่องจากการกระทำของนายปลอดประสพ ถือว่าเป็นการเหยียดหยามคนภาคใต้
                     ด้านนางอัญชลี กล่าวว่า พฤติกรรมของนายปลอดประสพ เป็นการหยามน้ำใจชาวภูเก็ตและสะท้อนแนวคิดพรรคเพื่อไทยเลือกปฏิบัติไม่มีความชอบธรรม ซึ่งเป็นความคิดที่สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่เคยพูดว่าจะเลือกพัฒนาจังหวัดที่เลือกพรรคเพื่อไทยก่อน ทั้งนี้ตนยืนยันว่าจังหวัดภูเก็ตมีความต้องการศูนย์ประชุม ซึ่งรัฐบาลเคยชี้แจงว่าที่ยกเลิกเพราะติดปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่จากคำพูดของนายปลดประสพชัดเจนว่าไม่สร้างเพราะเป็นการเลือกปฏิบัติและป็นเรื่องทางการเมือง ทำให้เกิดคำถามจากชาวภูเก็ตว่าต่อไปให้นำภาษีพัฒนาเฉพาะในพื้นที่ที่เสียภาษีจะดีหรือไม่ เพราะประชาชนทนไม่ไหวกับการกระทำของรัฐบาล
                     อีกทั้งยังมีการกล่าวเท็จในเรื่องรัฐบาลอภิสิทธิ์ มีความคิดยุบไนท์ซาฟารีที่เชียงใหม่ ตรงกันข้ามรัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นผู้ผลักดันจนทำให้ศูนย์ประชุมเชียงใหม่จัดสร้างแล้วเสร็จ โดยให้การสนับสนุนทั้งเรื่องการศึกษาสิ่งแวดล้อม และอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม ศูนย์ประชุมเชียงใหม่จึงไม่ได้สร้างในสมัยรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่เกิดได้เพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ได้เลือกปฏิบัติทางการเมือง
                     ขณะที่นายเรวัติ กล่าวว่า กรณีที่นายปลอดประสพบอกให้เห็นความดีของเราก่อนนั้นต้องถามว่าความดีของใครของคนเสื้อแดงหรือพรรคเพื่อไทยและบอกว่าไม่มีอารมณ์ คนภูเก็ตก็ไม่มีอารมณ์เหมือนกัน จะรวมตัวกันที่สะพานหิน เวลา 10 นาฬิกา วันพรุ่งนี้ (7 มิ.ย.) ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯให้ยิ่งลักษณ์ ปลดนายปลอดประสพออกจากการเป็นรัฐมนตรี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น