วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

“เหลิม”ปูด”ส.ดำเตี้ย”จ้องล้มรัฐ เย้ยสารพัดม็อบจุดไม่ติดบิ๊กโอ๋ยันผบ.ทบ.หนุนรัฐการันตีทหารไม่คิดปฎิวัติ เมื่อ 6 มิ.ย.56



“เหลิม”ปูด”ส.ดำเตี้ย”จ้องล้มรัฐ

เย้ยสารพัดม็อบจุดไม่ติดบิ๊กโอ๋ยันผบ.ทบ.หนุนรัฐการันตีทหารไม่คิดปฎิวัติ


การเมืองส่อเดือด “เฉลิม” เดินหน้าเรียกแขก ไม่หยุดปั่นกระแสล้มรัฐบาล ย้ำ “ส.” ดำ-เตี้ย ทำข่าว เซ็นเตอร์กลุ่มต้านรัฐบาล โยงหน้ากากขาว-ม็อบสนามหลวง จวกพวกริษยา-โรคจิต-เพ้อเจ้อ รวมตัวป่วนเมือง จุดชนวนรุนแรงปูทางปฏิวัติ เย้ยจุดไม่ติด เชื่อทหารไม่ทำ ขณะที่ “บิ๊กโอ๋” การันตีทหารไม่ปฏิวัติ อ้างบิ๊กตู่บอกปูเองไม่ต้องห่วง โวสัมพันธ์ ผบ.ทบ.แน่นปึ้ก ขอร้อยได้ร้อย ยุลุยไฟดันปรองดอง-นิรโทษ-แก้ รธน.ได้เลย ด้าน “มาร์ค” มึนเหลิมมั่วนิ่ม ปูด “ส.” ล้มรัฐบาล ตอกอยากให้ชาติสงบ ต้องหยุดปรองดอง-นิรโทษ-แก้ รธน. ส่วน “ม็อบคนไทยรักชาติฯ” ประกาศกร้าวเตรียมนัดชุมนุมใหญ่ปิดบัญชีรัฐบาล อ้างถึงเวลาทวงอำนาจคืนจากนักการเมืองขี้โกงแล้ว ตอกเหลิมปากสั่น เยาะม็อบปลุกไม่ขึ้น-ไม่น่ากลัวทุกวัน ขณะที่ปมเก้าอี้เลขาฯ สมช.ยังร้อน “รัฐบาล” ยึกยักยื่นอุทธรณ์คืนเก้าอี้ถวิล อ้างรออัยการส่งข้อมูลก่อนตัดสินใจ ด้าน “ปชป.” บี้ปูใช้วิจารณญาณด้วยตัวเอง ยื่น-ไม่ยื่นอุธรณ์ ยันต้องรับผิดชอบกระทำขัด กม. ฉะลิ่วล้อไร้จริยธรรม อ้างคนละขั้วทำงานร่วมไม่ได้ ส่วน “สุริยะใส” ฉะรัฐบาลบีบ ขรก.เลือกข้าง ซัดใช้ความพอใจ-ผลประโยชน์การเมือง เป็นตัวตัดสินผลงาน
“ธงทอง” เร่งหาช่องอุทธรณ์คืนเก้าอี้ถวิล
หลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้รัฐบาลคืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กลับคืนให้กับนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกฯ โดยรัฐบาลเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดนั้น วันที่ 5 มิ.ย. นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปกติแล้วการสู้คดีปกครองเป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการ ถึงแม้ตนจะรับทราบข้อมูลจากสื่อต่างๆ หรือเว็บไซต์ของศาลปกครองแล้ว แต่โดยกระบวนงานสำนักงานอัยการสูงสุดจะรายงานผลคดีมา พร้อมให้ความเห็นมาในสัปดาห์หน้า ระหว่างนี้ก็จะพิจารณาดูความละเอียดรอบคอบในประเด็นต่างๆ เพื่อจะได้ให้ความเห็นว่าสมควรอุทธรณ์หรือไม่อย่างไร ซึ่งการตัดสินใจของนายกฯ จะอยู่บนพื้นฐานของความเห็นของคณะทำงานที่นายกฯ ได้มอบหมายให้มีคณะทำงานขึ้นมากลั่นกรอง เพราะอาจมีผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินในระยะยาวได้ เท่าที่ได้คุยกับนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี คณะทำงานน่าจะประกอบด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจาก 3 หน่วยงาน โดยจะเรียนเชิญเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะมีผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุดมานั่งพูดคุยว่าจะมีประเด็นอะไรบ้างที่ต้องศึกษาวิเคราะห์ให้ละเอียดถี่ถ้วน ส่วนกรอบเวลาตามข้อกฎหมายต้องยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ก็จะพยายามดูแลให้อยู่ในกรอบเวลาให้ดีที่สุด ส่วนรัฐบาลจะอุทธรณ์หรือไม่นั้นส่วนตัวคงไม่สามารถให้ความเห็นได้ เมื่อถามว่า ขณะนี้ตำแหน่งซี 11 ที่เทียบเท่าเลขาฯ สมช.ยังมีหรือไม่ นายธงทอง กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีตำแหน่งซี 11 ว่าง แต่อีก 3-4 เดือนจากนี้ไป จะเป็นวาระการเกษียณอายุของข้าราชการต่างๆ จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายหมุนเวียนทดแทนตำแหน่งที่เกษียณอายุ แต่จะกระทบถึงกรณีนายถวิลหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจทางนโยบายไม่ใช่ความเห็นคณะทำงาน
“ภราดร” ลั่นพร้อมทำทุกหน้าที่
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครองสูงสุด หลังศาลปกครองกลางตัดสินคืนตำแหน่งเลขาฯ สมช.แก่นายถวิล รัฐบาลต้องฟังความเห็นจากอัยการก่อน จึงจะเข้านำเข้าสู่คณะทำงาน เพราะอัยการเป็นผู้ไปฟังคำตัดสินมา ทั้งนี้ตนไม่ได้เป็นกังวลในเรื่องตำแหน่ง หากนายกรัฐมนตรีไม่อุทธรณ์ เพราะเป็นข้าราชการพร้อมอยู่ทุกที่ พร้อมปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตามการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อยากให้รัฐบาลคืนตำแหน่งให้แก่นายถวิล เพราะเห็นว่าทำงานแก้ไขปัญหาภาคใต้ดีนั้น ก็เป็นทัศนะของนายอภิสิทธิ์ แต่การทำงานของตนขึ้นอยู่กับรัฐบาลนี้ว่ามีคำสั่งประการใด เมื่อถามว่า หากนายถวิลต่อสู้ทางกฎหมายจะถือว่าเหมาะสมหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ก็เป็นดุลยพินิจของรัฐบาล ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของกฎหมาย แต่ถ้ารัฐบาลมีคำสั่งอย่างไร ตนเป็นทหาร พร้อมปฏิบัติทุกหน้าที่ ทุกสถานที่
ปชป.บี้ปูตัดสินใจคืนเก้าอี้ถวิล
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องการอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครอง นายกฯ ควรตัดสินใจด้วยตัวเอง การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ปลัดสำนักนายกฯ เลขาธิการนายกฯ ไม่ใช่จะเป็นผู้ที่ต้องมารับผิดชอบ ในกรณีที่การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดกฎหมาย นายกฯ ต้องเป็นผู้ที่รับผิดชอบต่อการกระทำของตน จึงเรียกร้องให้นายกฯ ใช้วิจารณญาณของตัวท่านเอง ว่าการคืนความเป็นธรรมให้กับข้าราชการที่ถูกย้ายอย่างไม่ถูกต้องเป็นสิ่งที่นายกฯ พึงกระทำ และไม่ควรสร้างเงื่อนไข ส่วนการที่มีคนในรัฐบาลพยายามที่จะพูดว่าการย้ายนายถวิล หรือย้ายข้าราชการ เป็นเรื่องปกติ และควรให้นายถวิลทำใจว่า อยู่คนละพวกคนละข้าง ตรงนี้เป็นคำพูดจาของคนที่ไม่เข้าใจในเรื่องคุณธรรม จริยธรรมและการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ และตนเชื่อว่าหากนายถวิลได้กลับไปทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยก็จะทำงานได้อย่างเต็มที่ ตรงไปตรงมา คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง การที่ออกมาพูดว่าขณะนี่รัฐบาลไม่สามารถทำงานกับนายถวิลได้ จึงต้องมีการย้าย ตนไม่อยากให้สังคมหลงประเด็น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายถวิลนั้น ศาลปกครองก็ได้ตัดสินแล้ว
“ยะใส” ชี้บิ๊กโอ๋ยอมรับรัฐแกล้ง ขรก.
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวว่า การที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ออกมาแนะนำให้นายถวิล เปลี่ยนศรี ยุติการเคลื่อนไหว และยอมรับว่า หากได้กลับมาเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ก็ทำงานกับรัฐบาลไม่ได้ เพราะนายถวิล ช่วยงานรัฐบาลประชาธิปัตย์ เป็นยุคใครยุคมันนั้น ถือเป็นการยอมรับและเป็นหลักฐานชัดเจนว่ารัฐบาลชุดนี้กลั่นแกล้งและเล่นงานข้าราชการประจำที่ไม่ภักดีต่อรัฐบาล และใช้ความพอใจและผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นตัวตัดสินผลงาน ให้คุณให้โทษกับข้าราชการประจำ โดยไม่สนใจความรู้ ความสามารถ และผลงาน กรณีของนายถวิล ถือเป็นเหยื่อของนโยบายบีบข้าราชการเลือกข้าง ถ้าใครสยบยอมกับรัฐบาลก็อยู่ในตำแหน่งต่อได้ เช่น กรณีของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ทั้งที่เป็นหนึ่งในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. นอกจากนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณในช่วงโยกย้ายประจำปี เพื่อจัดระเบียบข้าราชการที่เป็นกลางหรือที่เคยช่วยงานรัฐบาลที่แล้วให้สยบยอมต่อพรรคเพื่อไทย ถือเป็นการเข้าสู่ยุคมืดของระบบราชการไทยอีกครั้ง หากรัฐบาลใช้หลักเกณฑ์คนของใครของมัน ก็ต้องปลดหรือย้าย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ที่มีส่วนใน ศอฉ.และร่วมงานกับรัฐบาลที่แล้วด้วย คำพูดของ รมว.กลาโหมครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณถึง ผบ.ทบ.โดยตรงด้วย และอาจเป็นคิวต่อไป จึงไม่น่าแปลกใจที่ข่าวย้าย ผบ.ทบ.และข่าวรัฐประหารหนาหูขึ้นเรื่อยๆ
“เหลิม” ย้ำ “ส.” เซ็นเตอร์ล้มรัฐบาล
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล โดยเฉพาะกลุ่มหน้ากากสีขาวนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นขบวนการเดิมที่เคยเคลื่อนไหวในปี 48-49 จากการพูดคุยกับชุดสืบสวนสันติบาลชัดเจนข้อมูลตรงกัน เห็นเส้นทางหมด เยอะพอสมควร ส่วนอักษรย่อ ส.ที่ตนระบุมีตัวตน ดำๆ เตี้ยๆ ทำข่าวอยู่สถานีหนึ่ง เป็นตัวประสานมือสั่น ทุกวันเวลา 11.00 น.ไปสมรู้ร่วมคิดแถวสุขุมวิทกับพวกที่เอาไม้เมตรไปวัดที่สุวรรณภูมิ ไม่ได้ขัดแย้งผลประโยชน์ แต่เป็นพวกริษยามารวมตัวกันป่วนเมือง ส่วนกลุ่มหน้ากากขาวจะมาชุมนุมที่ทำเนียบวันที่ 6 มิ.ย.ก็ให้มา ยืนยันไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ต้องเตรียมกำลัง พวกนี้เคลื่อนไหวเชื่อมโยงกันหมด และครึ่งปีหลังม็อบการเมืองมาเยอะแน่ ตามที่ตนพูดกลางที่ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา เซ็นเตอร์มีที่เดียวแต่มีการขยายโซน เมื่อถามว่าถ้าส่อเจตนาล้มรัฐบาล ดำเนินการตามกฎหมายได้ก่อนหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าไม่กล้า ถ้าไปดำเนินการอย่างนั้นรัฐบาลไปเร็ว ต้องใจเย็น ใครดำน้ำอึดชนะ แต่ความคิดตนเงื่อนไขยังไม่มีนายกฯ ยังสบายๆ ส่วนกลุ่มหน้ากากขาวที่เตรียมเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงนายกฯ ในการประชุมครม.สัญจรที่ จ.กำแพงเพชรนั้น ไปห้ามไม่ได้พวกนี้เป็นพวกพันธมิตรฯ แปลงกาย เชื่อว่าสุดท้ายแล้วไม่มีอะไร การรักษาความปลอดภัยก็เป็นไปตามปกติ อย่างที่ย้ำถ้าไม่ทุจริตรัฐบาลอยู่ได้ ถ้าทุจริตตนพยากรณ์ไม่ได้ ส่วนการสร้างเงื่อนไขนำไปสู่ความรุนแรงเพื่อมีการปฏิวัตินั้น โรคจิต เพ้อเจ้อ ทหารยืนยันแล้วว่าไม่ปฏิวัติ ครึ่งปีหลังทุกอย่างเรียบร้อย ไปตกใจทำไมเรื่อง พ.ร.ก.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เป็นเรื่องของสภาฯ ไปตื่นเต้นอะไรกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าแพ้ก็แก้ไม่ได้จะเป็นจะตายกัน ส่วน พ.ร.บ.ปรองดอง ถ้ายังไม่ได้จังหวะก็ยังไม่พิจารณา และ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็อยู่วาระที่ 1 ไม่มีอะไรเอาสภาเป็นหลัก ส่วนม็อบที่เดือดร้อนจริงๆ ก็มี ที่ผ่านมาไม่มีการจัดการให้เรียบร้อยในพื้นที่แต่ปล่อยให้มาเคลื่อนไหวที่ทำเนียบ ตนเลยคาดโทษว่าจะรายงานนายกฯ หากผู้ว่าฯ จังหวัดใดบกพร่องไม่ทำหน้าที่
“บิ๊กโอ๋” ยุรัฐลุยไฟรื้อ กม.
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาว บ้านเราอุณหภูมิเหมาะทุกอย่าง ยกเว้นอุณหภูมิภายในที่ไม่เหมาะ คนข้างนอกอยากกระโดดเข้ามาในประเทศไทย แต่แหยงอุณหภูมิภายในที่เป็นตัวถ่วงพอควร เรื่องนี้แก้ไขยาก การที่เขาออกมาเคลื่อนไหวเพราะเขาไม่ยอม วันนี้เมื่อวิถีทางการแก้ไข หรือการเดินหน้าของรัฐบาล เป็นวิธีการที่ถูกต้อง ก็อย่าไปกลัว ให้ลุยไปเลย ถ้าทำถูกต้องตามกฎหมายและขั้นตอนก็ให้ลุยไป มิเช่นนั้นจะไม่มีการแก้เกิดขึ้น เพราะมัวแต่ไปกลัวคนพวกนี้ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เพราะเราทำถูกแล้ว มีคนที่คิด และมองเรื่องนี้เงียบๆ หลายคน บางคนอ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ควรกลับมาติดคุกก่อน แต่ถามว่า ตั้งแต่ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ถูกต้องหรือไม่ กระบวนการยุติธรรมไม่ใช่ว่าระบบยุติธรรม แล้วคนไม่ยุติธรรมนั้นไม่ได้ หากมีกลุ่มอะไรออกมาเคลื่อนไหว รัฐบาลต้องเดินหน้า กล้าทำ ถ้าคิดว่ารัฐบาลทำถูกต้อง ก็ไม่ต้องห่วง อย่าไปกลัว อย่างไรก็ตามกองทัพเป็นหนทางสุดท้าย ปัญหาคราวที่แล้วเกิดจากคนมายุ่งกองทัพ สู้กับกองทัพ เหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ใช่คนสองกลุ่มมาตีกัน เพียงแต่คนกลุ่มหนึ่งตีกองทัพ และรัฐบาล ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา กองทัพจะไม่เข้าไปยุ่ง อยากตีก็ตีกันไป ตำรวจจะเป็นผู้แล แต่ถ้าทนไม่ไหว หากต้องใช้กองทัพก็จะต้องมีการร้องขอกำลังสนับสนุน แต่ไม่ใช่ว่ากองทัพจะไปเข้าข้างฝ่ายใด คราวที่แล้วมีการเข้าข้าง ใช้กองทัพในทางที่ไม่ถูกต้อง กองทัพต้องอยู่ตรงกลาง เพื่อไม่ให้สองฝ่ายตีกัน ผบ.เหล่าทัพรู้กันทั้งนั้น เราทำตามกติกา
อ้าง “บิ๊กตู่” รับปากไม่ปฏิวัติ
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวต่อว่า ที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก รับปากว่าจะไม่ปฏิวัติในวงกินข้าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีนั้น เขาคุยกันธรรมดาในวงกินข้าวถึงเรื่องสถานการณ์ต่างๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ท่านทำงานไปเถอะครับ ไม่มีอะไร ซึ่งพูดกันแค่นั้น ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์คงรำคาญเพราะเรื่องปฏิวัติพูดมาเป็นร้อยเที่ยวแล้ว และตนมั่นใจว่า เขาไม่ทำปฏิวัติแน่ เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมามีอยู่ว่า การปฏิวัติทำให้ประเทศชาติยุ่งยาก ไม่ได้ทำให้ประเทศดีขึ้นมา แต่อย่าเพิ่งไปพูดว่า การปฏิวัติจะไม่เกิดขึ้น หรือปิดประตูไปเลย เหมือนไม่มีใครพูดว่า ฝนจะตกหรือไม่ตก 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้คิดว่าการปฏิวัติไม่เกี่ยวกับการโยกย้าย เพราะที่ผ่านมามีเพียงครั้งที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อย (รสช.) ปฏิวัติเท่านั้นที่เกี่ยวกับการโยกย้าย ส่วนการปรับย้ายในช่วงเดือน ต.ค.นี้ ต้องว่ากันมาตามกติกา ผบ.เหล่าทัพต้องเลือกคนของเขา เพื่อให้ทำงานเข้าขากัน ส่วนผมในฐานะที่ดูกระทรวงกลาโหม ก็ต้องเป็นคนเลือกปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อจะได้มาทำงานร่วมกับผม แต่ผมไม่ได้เข้าไปล้วงลูก เราเคารพกติกากัน เมื่อก่อนมีคนพูดว่าผมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.จะมีปัญหากัน แต่ถึงขณะนี้ผมกับ ผบ.ทบ.ก็คุยกันมาตลอด ต่างคนต่างให้เกียรติ วันนี้ผมพูดกับ พล.อ.ประยุทธ์ ขอไปร้อยได้กลับมาร้อย แต่ไม่ใช่ว่าจะขอทุกเรื่อง ส่วนกระแสข่าวการปรับ พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมนั้น เรื่องนี้ไม่ได้ลงในรายละเอียดว่า ตำแหน่ง ผบ.ทบ.จะต้องอยู่ 3 ปีหรือ 4 ปี แต่ส่วนใหญ่ตำแหน่งนี้จะเป็นกันประมาณ 1-2 ปีเท่านั้น แต่เพราะ พล.อ.ประยุทธ์อายุน้อย จึงได้เป็นนาน ส่วนใจตนคิดอย่างไรนั้น ไม่อยากบอกใคร เพราะเรื่องนี้ยังไม่ถึงเวลา อย่าเพิ่งไปคิด เมื่อถามว่า พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทำงานเข้าตาหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลย้อนถามว่า มีอะไรที่ไม่เข้าตาบ้าง ผู้สื่อข่าวรู้ดีกว่าตนอีก หากอะไรดีหรือไม่ดีก็เรียกมาพูดคุยกัน แต่ถ้าไม่มีอะไรก็ไม่เตือนเพราะโตกันแล้ว ตนรู้ตัวดีว่าตนกำกับนโยบายอยู่ข้างบน อย่าไปยุ่งกับข้างล่างมาก เป็นพ่อบ้าน อย่าไปทำกับข้าว เดี๋ยวเขาจะหารู้ดีกว่าเขา ปล่อยให้ข้างล่างทำหน้าที่กันไป
“มาร์ค” มึนเหลิมปูด “ส.” ล้มรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ ร.ต.อ.เฉลิมระบุถึงบุคคลที่มีชื่อย่ออักษร ส. มีส่วนในการล้มล้างรัฐบาลนั้น ไม่ทราบว่าเป็นใคร และไม่ทราบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ แต่หาก ร.ต.อ เฉลิมอยากให้บ้านเมืองสงบ ไม่เกิดความขัดแย้งก็ควรนำ กฎหมายทั้ง 7 ฉบับ รวมถึง พ.ร.บ.ปรองดองของตัวเองกลับไปเก็บไว้ที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่ต้องสนใจตัวอักษร ก. ถึง ฮ. แต่ให้สนใจปัญหาของ บ้านเมือง เพราะหากรัฐบาลถอนกฎหมายทั้งหมด รวมถึงยุติการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 68 ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองก็จะยุติด้วยเช่นกัน ซึ่งวันนี้เห็นชัดว่าความพยายามผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดองยิ่งทำให้เพิ่มความขัดแย้ง ซึ่งตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรม เพราะพวกตนพร้อมที่จะเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม
ม็อบสนามหลวงฟ้องยูเอ็น
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 11.00 น. ที่หน้าสำนักงานสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจำประเทศไทย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ และ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ ในฐานะตัวแทนแนวร่วมคนไทยรักชาติ รักษาแผ่นดิน ได้นำรายชื่อประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางต่อสู่คดี กรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร ปฏิเสธอำนาจศาลโลก และการกระทำต่างๆ ของรัฐบาล จำนวน 4 ล้านรายชื่อยื่นต่อเลขาธิการสหประชาชาติ โดยนายปัญญา ห้วยศรีจันทร์ หัวหน้าส่วนความมั่นคงความปลอดภัย เป็นตัวแทนรับรายชื่อ โดยนายไชยวัตน์ กล่าวว่า การดำเนินการของรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ปี 50 เพราะไม่มีการนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา และการเปิดศาลโลกเพื่อพิจารณาคดีนี้ ก็ไม่ได้มีการดำเนินการตามกระบวนการของกฎบัตรสหประชาชาติ ที่ระบุว่า ต้องผ่านที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติด้วย
นัดชุมนุมใหญ่ปิดบัญชีรัฐบาล
นายไชยวัตน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางกลุ่มได้ยื่นรายชื่อประชาชนต่อยูเอ็นแล้ว จำนวนกว่า 2 ล้านคน แต่วันนี้รายชื่อก้าวประโดดมาที่ 4 ล้านจึงต้องมายื่นอีกครั้ง เพื่อให้เห็นว่าประชาชนเคลื่อนไหวเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และตนมีเป้าหมายอยากได้รายชื่อประชาชน 5 ล้านรายชื่อ ซึ่งหวังว่าจะครบในช่วงปลายสัปดาห์นี้ หรือต้นสัปดาห์หน้า และเมื่อได้รายชื่อจำนวนดังกล่าวแล้ว การแสดงเจตนารมณ์ในเรื่องนี้ ถือว่ามีน้ำหนักมากพอ และเราก็ปฏิเสธนักการเมืองที่คอรัปชั่นด้วย ถือเป็นความชอบธรรมที่จะนัดชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง เพื่อปิดบัญชีเรื่องนี้ ส่วนจะปิดอย่างไรต้องให้ประชาชนที่มาในวันนั้นเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ เมื่อถามต่อว่าจะชุมนุมต่อเนื่องเพื่อขับไล่รัฐบาลจนกว่าจะรัฐบาลจะลาออกเลยหรือไม่ “ไม่ได้มีคำว่าไล่รัฐบาลเลย แต่เราเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เมื่อรัฐบาล ฝ่ายนิติบัญญัติ มาใช้อำนาจอย่างนี้ เราก็ขอปิดบัญชี ขอเอาอำนาจคืน ซึ่งต้องรอดูว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรแล้วค่อยมาว่ากัน ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ม็อบที่ท้องสนามหลวงไม่น่ากลัว ปลุกไม่ขึ้นนั้น หากปลุกไม่ขึ้นทำไมรองนายกฯ พูดบ่อยเหลือเกิน แสดงว่าปากกับใจไม่ตรงกัน
พท.ผวาม็อบยึดทำเนียบ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ม็อบกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติ รักษาแผ่นดิน ประกาศจะรวบรวมรายชื่อ 5 ล้าน คนยื่นต่อศาลโลก เพื่อปฏิเสธนักการเมือง และจะมีการชุมนุมใหญ่เพื่อเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลนั้น ตราบเท่าที่การเคลื่อนไหวไม่เกินจากกรอบกฎหมาย ไม่ล่วงละเมิดผู้ใด เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่ปรารถนาให้เกิดการเผชิญหน้า ความรุนแรง แต่จะไม่ยอมให้นายไชยวัฒน์กับพวก ทำอะไรอย่างย่ามใจ ไม่ยอมให้ยึดทำเนียบทำนา ยึดสนามบินก่อการร้ายอีกเด็ดขาด และขอฝากไปถึงผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้จะเป็นพวกเดียวกัน ก็อย่าทำตัวเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ อย่าส่งเสริมกันออกนอกหน้ามากนัก ทีกับคนเสื้อแดง คนสองคน ขอเฉียดสนามหลวงยังไม่ได้ แต่พอเป็นพวกตัวเอง จัดหนัก จัดเต็ม น้ำไหล ไฟสว่าง รถสุขาวีไอพี แบบนี้ก็ทำกันเกินไป เลยไปจาก 2 มาตรฐาน แต่เป็นไร้มาตรฐาน


วันที่ 6/06/2556 เวลา 7:20 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น