วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ต่อต้าน "ระบบทักษิณ"เมื่อ 18 มิ.ย.56

ต่อต้าน "ระบบทักษิณ"


เรียน ท่านสื่อมวลชน-นสพ.ไทยโพสต์
    ผมคงไม่ต้องบอกชื่อ เอาแต่เพียงว่า "เป็นข้าราชการบำนาญ อายุประมาณ ๗๖ ปี อยู่ที่ชลบุรี" รู้สึกอัดอั้นตันใจต่อภาวะบ้านเมืองในปัจจุบัน และเห็นว่ามีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการเพื่อรณรงค์ต่อต้าน "ระบบทักษิณ" ดังนี้
    ๑.การพูดกันทางหนังสือพิมพ์ ทางทีวี การให้สัมภาษณ์ ชี้แจงบนเวทีต่างๆ แม้แต่ในรัฐสภา มันไม่ชัดเจน ได้แต่อารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ไม่มีหลักฐานที่จะเก็บไว้
    จึงควรให้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์รายวัน มีข้อมูลเท่าที่กฎหมายจะให้ขอบเขตไว้
    ๒.เรื่องที่ควรลงพิมพ์ คือ
    ๒.๑ นโยบาย ความคิด คำสั่งต่างๆ ของคุณทักษิณ-แนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลตามคำสั่งนั้นๆ-ผลที่เกิดขึ้นทั้งในทางที่ดีและทางที่เสียหาย (เช่น คุณทักษิณสั่งว่าต้องจำนำข้าว ๒-๓ ปี ระยะแรกจะขาดทุนไปก่อน แล้วจะดีขึ้นเอง  รัฐมนตรีก็ต้องทำตาม การไปด่าว่ารัฐมนตรีรวมถึงนายกฯ ด้วย จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสารมาก เพราะเขาอาจจะไม่รู้ว่าไม่ถูกต้องแต่ต้องทำตาม มิฉะนั้นจะต้องออกจากตำแหน่ง หรือไม่ให้ลงสมัครในครั้งต่อไป ซึ่งเป็นการขู่ที่ผู้แทนของพรรคเพื่อไทยกลัวมาก)
    ๒.๒ ให้มีกลุ่มหนึ่งที่ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ เจรจาให้มีการตอบโต้กันทางทีวีข้ามประเทศระหว่างคุณทักษิณคนเดียว  กับนักวิชาการหรือกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยในเรื่องต่างๆ ที่คุณทักษิณคิด อาจมีหลายคนก็ได้เพื่อให้ทุกคนทุกฝ่ายรู้และเข้าใจ ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องก็จะมีการปฏิเสธกันไป
    ๒.๓ ช่วยอธิบายการกระทำของ "กองกำลังเสื้อแดง"
    (ไม่รวมถึงกลุ่มจงรักภักดี เชื่อมั่นในความสามารถของคุณทักษิณโดยสนิทใจ พูดอะไรก็เชื่อหมด ทำถูกทั้งหมด)
    ที่มีหน้าที่เฉพาะการออกมาปิดถนน ตะโกนด่า พร้อมที่จะทำร้ายผู้ที่มาขัดขวาง ทำตามที่หัวหน้ากลุ่มสั่งการมาอีกต่อหนึ่ง รู้ว่าต้องได้เงิน หัวหน้ากลุ่มก็ต้องการเอารางวัลกับคุณทักษิณ โดยที่ตำรวจให้การคุ้มครองแม้แจ้งความก็เงียบไป
    การกระทำเช่นนี้คล้ายกัน หรือต่างกันอย่างไรกับ "เรดการ์ดของคอมมิวนิสต์" และ "ยุวชนของฮิตเลอร์" ในสมัยก่อน
    ผมส่งเรื่องนี้มาที่ไทยโพสต์ฉบับเดียว ขอให้คุณเปลว สีเงิน หรือคอลัมน์อื่นพิจารณาโดยด่วนด้วย เพื่อไม่ให้สายเกินไป.
                                ขอบคุณครับ
                                  ลุงชลบุรี
    รณรงค์ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์กันทุกวันอยู่แล้วครับ  เฉพาะคอลัมน์นี้ประจานกันทุกวัน เว้นวันอาทิตย์ให้พักสมอง ๑ วันครับ
    กองกำลังเสื้อแดง ไปเทียบกับยุวชนของฮิตเลอร์ไม่ได้ครับ ทาบไม่ได้แม้ขี้เล็บครับ ยุวชนของฮิตเลอร์ หรือฮิตเลอร์ยูเงิ่นด์  เป็นกลุ่มเด็กหนุ่มสาวชาวเยอรมันที่ได้รับการปลูกฝังอุดมการณ์ชาตินิยมโดยลัทธินาซี เป็นหลักสูตรภาคบังคับสำหรับเยาวชนชาวเยอรมันทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กชาย
    อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้กล่าวว่าจะต้องขจัดสายเลือดที่อ่อนแอออกไป ให้เหลือเพียงชายหนุ่มและหญิงสาวที่สมบูรณ์พร้อม ชาติพันธุ์เยอรมันจะต้องเป็นชนชาติที่ก้าวหน้าและเข้มแข็ง ปลายยุคของเขาจะสร้างรัฐอารยัน และสถาปนาอาณาจักรไรช์ที่ 3 อันเกรียงไกร พรรคนาซีจะต้องทำการหล่อหลอมทั้งร่างกายจิตใจ และแนวความคิดของความเป็นเลิศของชนชาติให้กับเยาวชนเยอรมัน
    ผมไม่เชื่อว่าระบอบทักษิณจะหล่อหลอมทั้งร่างกายจิตใจ  และแนวความคิดของกองกำลังเสื้อแดงให้เป็นเลิศของชนชาติได้ ก็ดูตอนนี้ซิครับคิดกันเป็นที่ไหน จำนำข้าวชาติจะล่มอยู่แล้วยังเชียร์ดีครับนายอยู่เลย.
                     บีอาร์เอ็น    
เรียน คุณอัตถ์ อัตนัย
    ข้อเรียกร้องของผู้แทนบีอาร์เอ็น ในที่ประชุมเจรจาสันติภาพ ๕ ข้อ ไม่มีข้อใดเลยที่กล่าวหาว่า ข้าราชการไทยกดขี่ข่มเหงชาวปัตตานี มีแต่การพูดในที่ประชุมว่ามีการกดขี่  ซึ่งการพูดกับการเขียนออกมาเป็นตัวอักษร มันมีน้ำหนักไม่เท่ากัน หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ กรณีที่เป็นตัวอย่างของการกดขี่ของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐไทยมีเรื่องใหญ่ๆ อยู่ ๕ กรณี เช่น กรณีกบฏดุซงญอ เมื่อปี ๒๔๙๑ เป็นเหมือนกบฏผีบุญในภาคอีสาน กรณีหะยีสุหลงถูกตำรวจไทยอุ้มฆ่า เมื่อปี ๒๔๙๗ ทั้งสองกรณีเกี่ยวพันกับขบวนการกู้ชาติปัตตานี ชื่อย่อ GAMPAR ซึ่งมี ตนกู มะหะหมัด มะไฮยิดดิน เป็นผู้นำ
    กรณีที่ ๓ เป็นการสังหารหมู่คนไทยมุสลิมที่สะพานตอและ จังหวัดนราธิวาส ในปี ๒๕๑๙ สมัยรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กรณีที่ ๔ คือการสังหารหมู่ในมัสยิดกรือเซะ จังหวัดปัตตานี และกรณีตากใบเป็นกรณีที่ ๕ เกิดขึ้นใกล้เคียงกันในปี ๒๕๔๗
    จะเห็นว่าทุกกรณี (ยกเว้นกรณีที่ ๓) เป็นการริเริ่มจากกลุ่มชาตินิยมรุนแรงทั้งสิ้น ถ้าไปเคลื่อนไหวในมาเลเซียจะถูกฆ่าทิ้งหมด ซึ่งนายกฯ มหาเธร์ โมหะหมัด เคยทำมาแล้ว กรณีกรือเซะ ๓๒ คนที่ถูกฆ่าก็ไปโจมตีป้อมตำรวจก่อน   ฆ่าตำรวจตายไปคนหนึ่ง บาดเจ็บอีกหลายคน จะให้ตำรวจตายฟรีหรือ ก็ต้องถูกจับมาลงโทษตามกฎหมาย แต่ทหารก็ไปลงโทษเขาเสียเอง ถือว่าทหารทำผิดอย่างแน่นอน
    กรณีตากใบมาชุมนุมกดดันให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาในโรงพัก ถ้าไม่ปล่อยก็จะเผาโรงพัก ทางการเขาก็ต้องเข้าสลายการชุมนุม เมื่อสลายแล้วก็ทำผิดตรงที่ขนผู้ต้องหายัดทะนานในรถจนหายใจไม่ออกตายไปเกือบร้อยคน ตรงนี้เจ้าหน้าที่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ผิด ถ้าจะพูดให้เป็นกลางมันก็มีส่วนผิดกันทั้งสองฝ่าย แต่ความผิดฝ่ายผู้ก่อการไม่ยอมพูดถึง ไปประโคมข่าวเฉพาะความผิดของฝ่ายเจ้าหน้าที่ จะเรียกว่ายุติธรรมไหม?? สื่อมวลชนนี่แหละตัวดี
    ความกดขี่ด้านวัฒนธรรมในอดีตที่ยกมาเป็นประเด็นใหญ่ คือ นโยบายรัฐนิยมในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม บังคับให้คนไทยสวมหมวก สวมรองเท้า สวมเสื้อกางเกงแบบฝรั่ง ก็เดือดร้อนกันทั้งประเทศ แต่คนไทยมลายูใน ๓ จังหวัดดูเหมือนจะเดือดร้อนมากกว่าใครทั้งหมด ก็ต้องถือว่าเป็น "อุปนิสัยหมู่" ของคนไทยมลายู ก็ไม่ว่ากัน แต่พอหลังสงคราม จอมพล ป.ก็ได้บทเรียน และมาแก้ตัวด้วยการส่งเสริมเชิดชูเกียรติยศและศักดิ์ศรีของคนไทยเชื้อสายมลายูในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเต็มที่ เช่น สร้างมัสยิดกลางประจำจังหวัดให้ใหญ่โตสวยงาม อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ให้ทุนนักเรียนมุสลิมในสี่จังหวัดเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานปีละ ๓๐ คน สนับสนุนการเรียนการสอนภาษามลายูและจัดเรือขนส่งไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่มักกะฮ์ฟรี เป็นต้น
    สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง แต่คนยุคปัจจุบันลืมไปแล้ว ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เอานโยบายดีๆ ในอดีตเช่นนี้มา rerun หน่อยจะได้ไหม? จะทำให้คนทั้งโลกได้เข้าใจความจริงว่า รัฐบาลไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่เคยทอดทิ้งชาวไทยเชื้อสายมลายูใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้เลย พูดถึงการกดขี่ข่มเหงน้ำใจราษฎรของข้าราชการนั้น มันไม่ใช่กดขี่ข่มเหงเฉพาะราษฎรในจังหวัดชายแดนใต้ แต่มันกดขี่ทั้งประเทศ เดือดร้อนกันไปหมด อย่าเอามาเป็นเงื่อนไขเฉพาะ ๓ จังหวัดนี้เลย ถ้าคนใน ๓ จังหวัดจะเป็นกองหน้าลุกขึ้นมาสู้กับการกดขี่ของภาคราชการ ก็จะมีคนอีก ๗๔ จังหวัดสนับสนุนเต็มที่ ขอให้ลุกขึ้นมาจริงๆ เถอะ ผมเอาด้วยคนหนึ่งล่ะ
    เงื่อนไข ๕ ข้อของผู้แทนบีอาร์เอ็น ที่เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันมีอยู่เรื่องเดียวคือ ยกเลิกหมายจับพวกเขา แต่เขาไม่ได้เรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายที่ใช้จับกุมพวกเขา แสดงว่าเขายอมรับว่าพวกเขามีความผิดตามกฎหมายจริง แต่เนื่องจากเขาเป็นนักรบเพื่อพระเจ้าของเขา จึงควรจะยกเว้นการจับกุม นี่คือวิธีคิดของเขา บีอาร์เอ็นไม่ได้กล่าวหาว่าประเทศไทยยุคปัจจุบันเป็น "นักล่าเมืองขึ้น" แต่เขากล่าวหาประเทศสยามในอดีต
    ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการได้รับเอกราชของสหพันธรัฐมาเลเซีย จากนักล่าเมืองขึ้นอังกฤษ แต่เงื่อนไขนี้มันใช้ไม่ได้แล้ว เพราะมันขัดกับกฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจากเรากับมาเลเซียได้ทำข้อตกลงเรื่องเขตแดนกันไว้เรียบร้อยแล้ว และปัตตานีเป็นดินแดนในประเทศไทยอย่างชัดเจน องค์การระหว่างประเทศไม่ว่า OIC หรือ UN ก็ละเมิดไม่ได้ เงื่อนไขข้อนี้ถือเป็นจุดอ่อนที่สุด ความจริงผู้แทนบีอาร์เอ็นก็ไม่ฉลาดเท่าไหร่หรอก เพียงแต่เขาฉลาดกว่าผู้แทน สมช.เท่านั้นเอง.
                                พินิจนันทน์
    เรื่องราวในอดีตถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์หาอ่านกันได้ครับ แต่เจ้าหน้าที่รัฐมักไม่นำมาศึกษาเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหา การละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้จึงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะช่วงที่ "น.ช.ทักษิณ" ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
    การที่รัฐบาลเลือกที่จะตั้งโต๊ะเจรจา รัฐบาลมีเป้าหมายครับ นั่นคือการประชาสัมพันธ์มาเป็นลำดับต้นๆ โดยไม่หวังผลสำเร็จมากนัก เพราะรัฐบาลเองรู้มาแต่ต้นว่า กลุ่มบีอาร์เอ็น ไม่ใช่กลุ่มที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ แต่กลุ่มนี้เคลื่อนไหวบนหน้าหนังสือพิมพ์และในโลกไซเบอร์ครับ ฉะนั้นผมแทบไม่ให้น้ำหนักการเจรจาครั้งนี้เลย.
-----------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น