วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ถวิลแนะระวังผิดม.157 หากยื้อจนเกษียณวันจันทร์ที่ 03 มิถุนายน พ.ศ. 2556


ถวิลแนะระวังผิดม.157 หากยื้อจนเกษียณวันจันทร์ที่ 03 มิถุนายน พ.ศ. 2556


“ถวิล” ขอฟังจากปาก “ยิ่งลักษณ์” ก่อนว่าจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลฯ หรือไม่ เตือน “นายกฯ” อย่าฟังแต่คนรอบข้างใช้ดุลพินิจตัวเอง ขู่หากดึงเกมจน “ถวิล” เกษียณเจอฟ้อง ม.157 แน่ “ป.ป.ช.” แนะ “ถวิล” ฟ้องนายกฯ ได้เลย ไม่ต้องรอคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด “อภิสิทธิ์” ชี้ สมัยเป็นนายกฯ “ภราดร” ไม่เคยร้องถูกย้ายไม่เป็นธรรม “ปชป.” เย้ยระวังสับสน มีเลขา สมช.ตัวปลอมไปเจรจากับโจรใต้ปลอม “เด็ดพี่” เผยรัฐบาลเตรียมยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด อัดศาลก้าวก่ายอำนาจฝ่ายบริหาร “หน้ากากขาว” นับพันเดินตะโกนต้านระบอบทักษิณลั่นสยามพารากอน “เพื่อไทย” ขาสั่น ขู่เอาผิดทางกฎหมายกับคนต้านรัฐหากใส่ร้าย “พท.-ทักษิณ” “ปชป.” แฉ สื่อเขมรตีข่าวส่งออกข้าวสารเข้าไทยพุ่งสงสัย เอาข้าวเขมรมาสวมกางเกงไทย โกงภาษีประชาชน โพลชี้ชาวบ้านสนใจข่าวไข่แพงมากกว่าเรื่อง “ทักษิณ”
“ถวิล” เตือน “ปู” ระวังผิด ม.157
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.56 นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อดีตเลขาฯ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรี ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครอง เพิกถอนคำสั่งโยกย้าย จากตำแหน่งเลขาธิการ สมช.ว่า รอให้การตัดสินใจของนายกฯ ชัดเจนก่อน เพราะว่า ขณะนี้เป็นแค่คนนั้นคนนี้ พูดยังไม่ได้ยินจากปากนายกฯ และคิดว่า นายกฯ มีดุลพินิจของท่านว่า จะพิจารณากรณีนี้อย่างไร เป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องพิจารณาตัดสินใจเอง เมื่อตัดสินใจอย่างไรแล้ว ท่านต้องรับผิดชอบการตัดสินใจของท่านเอง คนอื่นไม่ได้มาร่วมรับผิดชอบด้วย ตนยังหวังว่านายกฯ จะตัดสินใจไปในทางที่ดีให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับตนได้ทุกอย่าง ถ้าอุทธรณ์ก็ไปต่อสู้ตามกระบวนทางกฎหมายต่อไป ถ้าไม่อุทธรณ์ทุกอย่างก็จบ ตนก็กลับไปทำงานในตำแหน่งเลขาฯ สมช. ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกฯ เมื่อถามว่า หวั่นหรือไม่ว่าอายุราชการที่เหลืออีก 1 ปี จะกลายเป็นข้อได้เปรียบของรัฐบาลหรือไม่ ในการต่อสู้คดี นายถวิล กล่าวว่า ทางรัฐบาลจะคิดอย่างนั้น คือ ดึงเกมจนตนเกษียณ แต่ไม่รู้ว่าจะดึงไว้ทำไม ถ้ากลายเป็นการกลั้นแกล้งก็จะมีเรื่องของกฎหมายเข้ามาอีก นายกฯ ต้องตัดสินใจให้ดี คนแนะนำไม่ได้มาร่วมรับผิดชอบกับท่าน แต่กระบวนการอุทธรณ์ เป็นสิทธิ์ของนายกฯ อยู่แล้ว ตนยังเชื่อในดุลพินิจของนายกฯ รอนายกฯ ตัดสินใจชัดเจนก่อน ตนก็มีแนวทางปฏิบัติของตนอยู่แล้ว ที่จะดำเนินการต่อไป ที่ตนทำมาทั้งหมดเพื่อปกป้องตัวเอง ตนถูกรังแกไม่ได้รับความเป็นธรรม และศาลปกครองกลางเพิ่งช่วยให้ตนไปอยู่กลางสนามเท่านั้นเอง ยังไม่ได้รุกเข้าไปพื้นที่อีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าถูกยันกลับมา ตนก็ต้องใช้สิทธิ์ เพื่อดูสิทธิ์ที่ตนควรจะได้ ไม่ว่าจะเป็นการยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
ป.ป.ช.ชี้ถวิลฟ้องนายกฯ ได้
นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า หากนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ จะฟ้องร้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ในข้อหาทุจริตต่อหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในกรณีที่นายกฯ ไม่ยอมคืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และยื่นคำอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ก็สามารถกระทำได้โดยนายถวิลจะต้องแจ้งข้อกล่าวหามายัง ป.ป.ช.ตามขั้นตอนของกฎหมาย ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้รับเรื่องลักษณะนี้ไว้พิจารณาเป็นจำนวนมาก ซึ่งกรณีนี้นายถวิลสามารถดำเนินการฟ้องที่ ป.ป.ช.ได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีคำวินิจฉัยจากศาลปกครองสูงสุด
“ภราดร” ไม่เคยโวยย้ายไม่เป็นธรรม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองกลาง สั่งให้รัฐบาลคืนตำแหน่งเลขา สมช.ให้กับนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกฯ และยังมีการเสนอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณากรณีที่จะมีการอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางที่ให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติให้กับนายถวิล เปลี่ยนศรี พร้อมทั้งเห็นว่า พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ระบุว่าในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็เคยถูกย้ายไม่เป็นธรรมนั้น ถือว่าตอนนั้น พล.ท.ภราดร ไม่ใช้สิทธิ์อย่างของนายถวิล แต่กรณีของนายถวิลถือว่าผู้เสียหายใช้สิทธิ์ และศาลได้ชี้แล้ว
เย้ยเลขา สมช.ตัวปลอมไปคุยโจรใต้ปลอม
ด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ให้นายถวิล เปลี่ยนศรี โดยเร็ว หลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่าการย้ายนายถวิลไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรม จึงไม่มีเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีจะอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองเพราะนายถวิลถูกกระทำมาในช่วงเกือบ 2 ปีจากความจงใจของรัฐบาล เนื่องจากนายถวิลไม่เปลี่ยนสีเหมือนบางคน และรัฐบาลต้องการเปิดทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ เป็น ผบ.ตร.จึงไม่มีความเป็นธรรมสำหรับนายถวิล อยากให้ทำสิ่งที่ถูกในชีวิตสักครั้งอย่าอุทธรณ์คำสั่ง อย่าย่ำยีศักดิ์ศรีข้าราชการ เพราะข้าราชการไทยไม่ได้มีนิสัยเหมือนนายธาริต จึงขอให้มอบศักดิ์ศรีคืนให้นายถวิล มิฉะนั้นตนไม่ทราบว่าเลขา สมช.จะไปเจรจากับโจรใต้ได้อย่างไรเพราะยังไม่รู้ว่าใครเป็นเลขา สมช.ตัวจริงใครเป็นเลขา สมช.ตัวปลอม ไม่เช่นนั้นอาจจะกลายเป็นเลขา สมช.ปลอมไปคุยกับโจรใต้ปลอม จึงขอเรียกร้องให้เอาเลขา สมช.ตัวจริงมาทำงานเพื่อชาติดีกว่า
เผยรัฐบาลเตรียมยื่นอุทธรณ์ศาลแน่
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตามที่นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกมาระบุว่าจะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และฟ้องผู้ตรวจการแผ่นดินรวมถึงฟ้องเอาผิดทางแพ่ง การออกคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ภายหลังปกครองกลางมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งนายกรัฐมนตรีพร้อมให้คืนตำแหน่ง เลขาธิการ สมช.แก่นายถวิลนั้นตนมองว่า นายถวิลสามารถดำเนินการได้เพราะคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด อย่างไรก็ดีเมื่อตรวจสอบคำพิพากษาของศาลปกครองไม่มีประเด็นว่านายกรัฐมนตรีไปกลั่นแกล้งนายถวิล ส่วนกระบวนการในการแต่งตั้งโยกย้ายที่ศาลเห็นว่าไม่ถูกต้อง ทราบว่ารัฐบาลจะใช้สิทธิทางกฎหมายยื่นอุธรณ์ให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาอีกครั้ง ว่าการมีคำสั่งของศาลปกครองกลาง ก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายบริหารที่มีอำนาจในการพิจารณาคุณสมบัติตัวบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งหรือไม่”การแก้ไขปัญหาปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้ที่ผ่านมา พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช.คนปัจจุบัน ได้ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ถ้านายถวิลกลับมาทำหน้าที่ ต้องถามนายถวิลว่าจะทำหน้าที่ได้ดีเท่ากับ พล.ท.ภราดร หรือไม่ เชื่อว่าการที่รัฐบาลจะอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุดต่อกรณีมีคำสั่งให้นายถวิล กลับเข้าดำรงตำแหน่งตามเดิมก็เป็นสิ่งที่ทำได้เช่นกัน” นายพร้อมพงศ์ กล่าว
ม็อบหน้ากากขาวชุมนุมต้านระบอบทักษิณ
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 2 มิ.ย. ที่ลานหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้มีกลุ่มประชาชนจำนวนนับพันคนสวมใส่หน้ากากขาว และถือป้ายต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นัดไปชุมนุมรวมตัวกัน โดยใช้ชื่อว่า “ยุทธการประกาศศักดา รวมพลใหญ่ คนหน้ากาก” เพื่อแสดงจุดยืนในการต่อต้านระบอบทักษิณ และต้านเผด็จการรัฐสภา เพื่อเป็นการแสดงพลังประชาชนในการปกป้องชาติ ซึ่งการรวมตัวในวันนี้ ไม่มีแกนนำและไม่มีการปราศรัย แต่มีกิจกรรมร่วมกันประกาศข้อความต่อต้านโดยมีความว่า “ขณะนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นมาแล้ว ข้าขอประกาศว่า ข้าจะล้มล้างระบอบทักษิณให้ออกจากประเทศไทย” ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปยัง สกายวอล์ก พร้อมกับตะโกนต่อต้านระบอบทักษิณและเดินทางไปยังสยามพารากอน ก่อนที่จะแยกย้ายการชุมนุม โดยคาดว่าจะมีการนัดรวมตัวในครั้งต่อไปอีกในโซเชียลมีเดีย ซึ่งการแสดงจุดยืนครั้งนี้เป็นการขับเคลื่อนครั้งที่ 2 ภายหลังจากได้เดินขบวนไปครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ถนนสีลม โดยกระแสหน้ากากขาวนั้น เกิดขึ้นหลังจากมีกลุ่มในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ค ใช้รูปโปรไฟล์ตัวเองเป็นรูปหน้ากาก “กาย ฟอว์กส์” จากภาพยนตร์เรื่อง “วี ฟอร์ เวนเดตตา (V For Vendetta) ออกปฏิบัติการ แสดงความคิดเห็นต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
พท.ขู่เอาผิดกลุ่มต้าน “พท.-แม้ว”
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงการโพสต์ข้อความโจมตีรัฐบาลของกลุ่มคนที่อาจเห็นต่างทางการเมืองว่า น่าจะสอดคล้องกับกลุ่มของนายแก้วสรร อติโพธิ แกนนำกลุ่มไทยสปริง และสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของการเดินหน้าผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์ที่ จ.สุพรรณบุรี ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวเห็นต่างทางการเมืองสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ขอให้ยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก การออกมาแสดงความคิดเห็นไม่ควรบิดเบือน เพราะอาจทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมารอบใหม่ การกล่าวหาที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล การกล่าวหาพรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะใช้สิทธิดำเนินการเรียกร้องเอาผิดทางกฎหมายได้
“ยะใส” ห่วงหน้ากากขาว-แดงเผชิญหน้า
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มสวมใส่หน้ากากขาว ชุมนุมต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ลานหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยเห็นว่า กระแสการต่อสู้ทางการเมืองที่เข้มข้นในสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะกรณีหน้ากากขาวและหน้ากากแดง ที่เริ่มเดินออกจากชุมชนออนไลน์ลงสู่ถนน ทั้งสองฝ่ายนั้น ในช่วงนี้ยังไม่น่าห่วงเท่าไหร่นัก แต่ที่น่าเป็นห่วงคือจุดที่อาจเผชิญหน้ากันได้ จนถึงขั้นถอดหน้ากากใช้ความรุนแรงกันนั้น จะเป็นช่วงเปิดสภาสมัยสามัญ เพราะมีเรื่องที่เป็นเผือกร้อนหลายเรื่องทั้ง ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง นิรโทษกรรม เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ “จริงๆ แล้วการแสดงออกของขบวนการหน้ากากขาว เป็นการแสดงออกอย่างสันติวิธีที่จะปฏิเสธรัฐบาล ไม่น่ากลัวอะไร แต่การจัดตั้งหน้ากากแดงขึ้นมาเพื่อปกป้องรัฐบาลนั้นเป็นการสร้างบรรยากาศการเผชิญหน้าขึ้น ซึ่งรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะต้องระมัดระวัง ไม่ควรเติมเชื้อไฟความขัดแย้งจนกลายเป็นสงครามกลางเมือง โดยเฉพาะการจัดตั้งหน้ากากแดงเพื่อมาเผชิญหน้ากับหน้ากากขาวนั้น ยิ่งไปตอกย้ำความแตกแยกระหว่างมือตบกับตีนตบที่มีมาก่อนหน้านี้ สัญลักษณ์ของการต่อสู้มีสิทธิออกแบบกันได้ทุกฝ่าย แต่ต้องไม่มุ่งหมายให้เผชิญหน้ากับอีกฝ่าย เช่น กรณีตีนตบ กับหน้ากากแดง เน้นการท้าทายเกินไป”
แฉ 9 ข้อทุจริตจำนำข้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ถึงบทสรุปการทุจริตการระบายข้าวของรัฐบาล ตอน ฉีกหน้ากากจอมบงการ หลังจากที่อภิปรายในสภาแล้วถูกประท้วง โดย 1.รัฐบาลระบายข้าวสารผ่านผู้ประกอบการโดยวิธีการลับ 2.บริษัทที่ได้รับคือบริษัทของเสี่ยเปี๊ยก โรงสีโชควรลักษณ์ ซึ่งเป็นเครือข่ายของเสี่ยเปี๋ยงแห่งสยามอินดิก้า (บริษัท สยามอินดิก้า จํากัด) เสี่ยเปี๋ยง คือผู้ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 3.เสี่ยเปี๊ยกใกล้ชิดเสี่ยเปี๋ยง เพราะไซโลเก็บข้าวที่โรงสีเพรซิเดนท์ ขนาด 288,000 ตัน ที่ให้รัฐบาลเช่าเก็บข้าวสารตันละ 20 บาทต่อเดือน กลายเป็นเสี่ยเปี๋ยงเป็นผู้ลงนาม 4.เสี่ยเปี๊ยกซื้อข้าวสารจากรัฐบาล ราคาตันละ 5,700 บาท และขายต่อทันทีโดยใช้แฟ็กซ์ใบเดียวราคาตันละ 12,000 บาท ให้แก่ โรงสีที่กำแพงเพชร 5.เงินเข้ารัฐบาล 5,700 บาทต่อตัน เข้าส่วนตัว 6,300 บาทต่อตัน 6.ข้าวค้างเก่าที่ขายโดยวิธีลับนี้ มียอดเงินเข้ารัฐ ประมาณ 20,000 ล้านบาท คำถามตามมาคือ เงินจะเข้ากระเป๋าเครือข่ายรัฐบาลเท่าไร 7.การที่รัฐบาลขายข้าวผ่านเครือข่ายเสี่ยเปี๋ยง เพราะเสี่ยเปี๋ยงส่งหมอโด่ง (พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการ รมว.พาณิชย์) เข้ามาดูแล โดยดำรงตำแหน่งเลขารัฐมนตรีและตำแหน่งสำคัญเกี่ยวกับข้าว 8.เสี่ยเปี๋ยงโอนรถโฟล์คสีดำผ่านภรรยาหมอโด่ง (น.ส.ชุฏิมา วัชระพุกกะ) หมอโด่งนั่งรถคันนี้มาทำงานที่กระทรวง 9.หมอโด่งอำพรางการรับโอนผ่านภรรยาด้วยการหย่ากับภรรยา ภรรยาเปลี่ยนคำนำหน้านามเป็นนางสาวและเปลี่ยนนามสกุล 10.ทั้งรัฐมนตรีและข้าราชการประจำจะเกรงกลัวหมอโด่ง เพราะคำสั่งหมอโด่งหมายถึงคำสั่งเสี่ยเปี๋ยงซึ่งใกล้ชิดทักษิณ 11.ไม่แปลกที่เวลารัฐบาลขายข้าวจึงต้องเป็นความลับ และเครือข่ายตัวเองจะเป็นผู้ได้ข้าว เพราะมีหมอโด่งเป็นจอมบงการนั่นเอง”
เผยข้าวเขมรมาไทย โกงภาษี ปชช.
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าความเสียหาย 260,000 ล้านบาทนั้น เป็นความผิดพลาดด้านนโยบายของรัฐบาล โดยที่ไม่มีการแก้ไขแต่กลับพยายามปกปิดข้อมูล และอ้างว่ามีการเจรจาขายข้าวได้ แต่ไม่พบว่ามีการระบายข้าวออกไปแต่อย่างใด นอกจากนี้สำนักข่าวพนมเปญโพสต์ ของกัมพูชารายงานว่าในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2556 กัมพูชาส่งออกข้าวได้มากเป็นประวัติการณ์เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 5 หมื่นตัน เป็น 118,000 ตัน ที่น่าแปลกคือในรายงานดังกล่าวระบุว่า ประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าข้าวจากกัมพูชาเป็นอันดับสี่ของตัวเลขประเทศผู้นำเข้าข้าวจากกัมพูชา ซึ่งตนแปลกใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะข้าวที่ถูกนำเข้ามาไม่ใช่ข้าวสารแต่เป็นการนำเข้าข้าวเปลือก จึงชัดเจนว่าโครงการจำนำข้าวทำให้ข้าวเขมรทะลัก เข้ามาสวมสิทธินำไปแปรสภาพกินส่วนต่างจากรัฐบาล “ผมไม่เรียกร้องให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ชี้แจง เพราะนายบุญทรงอาจจะเล็กกว่าเลขาของตัวเอง แต่เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่าข้าวอยู่ที่ไหนและใครเป็นคนนำเข้ามา ทั้งนี้จากสถิติการส่งออกข้าวมาไทยของกัมพูชาแทบไม่มีเลย โดยในปี 52 มีการนำเข้าแค่ 1 ล้านบาท จากนั้นไม่มีการนำเข้า กระทั่งในปี 56 มีการนำเข้าอย่างน้อย 1.4 หมื่นตัน จึงต้องถามว่าเป็นกระบวนการเอาข้าวเขมรมาสวมกางเกงไทยโกงภาษีคนไทยจากโครงการจำนำข้าวใช้หรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความเสียหายอย่างยิ่งยวด ที่ไม่ผิดจากที่มีการคาดหมายเอาไว้ และพรรคประชาธิปัตย์เคยเตือนมาตั้งแต่ต้น ว่ามีการลักลอบนำเข้าข้าวกัมพูชาเพื่อเอาเงินชาวนาไปให้นายทุน นายกฯ ต้องตอบว่าใครเป็นคนเอาข้าวเปลือกจากกัมพูชามาสีในประเทศ”
“ตาเล็ก” อัด ”ปอท.” มั่วข้อมูลแฮ็ก
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีแฮกเกอร์ เจาะเข้าเว็บไซต์สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ว่า จากการตรวจสอบคอมพิวเตอร์ที่ยึดมาได้จาก นายณรงค์ฤทธิ์ สุขสาร หรือ “ตาเล็ก วินโดว์” หนึ่งในผู้ต้องสงสัยนั้น พบว่า “ตาเล็ก” เคยเข้าแฮกเว็บไซต์ทั้งของหน่วยงานราชการ เอกชน และมหาวิทยาลัย รวมประมาณกว่า 2,800 เว็บ โดยพนักงานขอเวลาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาความเชื่อมโยงของคดี รวมถึงผู้ร่วมขบวนการ โดยขอยืนยันว่าไม่มีการกลั่นแกล้ง แต่ตำรวจทำงานเต็มที่ โดยจะเรียกประชุมเพื่อเร่งติดตามคดีดังกล่าว ภายในสัปดาห์หน้านี้ ซึ่งคาดว่า จะมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น โดย “ตาเล็ก” ถือเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีดังกล่าว ทางด้านนายณรงค์ฤทธิ์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวโต้ตอบว่า ขอชี้แจงอีกทีว่า “ตนไม่ได้แฮกเว็บ สปน.” ในวันและเวลาที่มีคนแฮก นั้นผมกินข้าวอยู่ที่ตึก UM มีทั้งภาพจากกล้องในตึก UM และพยานบุคคล ฯลฯ ทั้งนี้ จากข่าว ปอท. ว่าผม hack มาแล้วกว่า 2,800 web ผมละงงจริงๆ ว่าผู้เชี่ยวชาญของ ปอท. เค้าทำงานกันยังไง ปอท. ตรวจ server log จาก 2800 เครื่องอะไรหรือเปล่า แล้ว ปอท. ได้พยานหลักฐานจาก 2800 เว็บ เร็วขนาดนั้นเลยเชียวหรือ แล้วไปเอาหลักฐานมาจากไหนว่าผม hack ทำไมขนาด web สปน. แค่ web เดียว จนป่านนี้ยังไม่เห็น ปอท. จะหาคนทำได้เลย ผมดู ปอท. สืบสวนคดีนี้มา ผมไม่เห็นจะเรียก UHT ที่มี logo ขึ้นว่า “Unlimited Hacker Team” เข้าพบเลย และยังไม่เห็นมีหมายเรียก หรือหมายจับ UHT ออกมาเลย แต่ผมที่ให้ความร่วมมือเต็มที่ กลับจะต้องโดนออกหมายจับซะงั้น เห็นข่าวตั้งป้อมมาที่ผมคนเดียวตลอด ทุกข่าวเลย
ชาวบ้านห่วงไข่แพงกว่าเรื่อง “ทักษิณ”
วันเดียวกัน สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องสถานการณ์ข่าวความสนใจของสาธารณชน กับความอยู่รอดของรัฐบาล โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกจังหวัด อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัวเรือน พบว่า ข่าวที่มีประชาชนสนใจติดตามมากที่สุด ได้แก่ 79.7% สนใจข่าวราคาไข่ไก่ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แพง รองลงมาคือ 76.6% สนใจข่าวเด็กเล็กเสียชีวิต, 73.4% สนใจข่าวยาเสพติดและอาชญากรรม, 68.9% สนใจ ข่าวความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้, 56.3% สนใจข่าวลือก่อการร้ายในกรุงเทพมหานคร, 55.9% สนใจข่าวการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาล, 46.8% สนใจข่าวภารกิจการทำงานของนายกรัฐมนตรี, 44.6% สนใจข่าวขบวนการจ้องล้มรัฐบาล และ 44.6% เช่นกัน สนใจข่าวปัญหากระทรวงศึกษาธิการ กรณีซื้อรถตู้โรงเรียน ในขณะที่ 2 อันดับท้ายสุด คือ 33.8% สนใจข่าว พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ โฟนอินกับกลุ่มผู้ชุมนุม และ 31.5% สนใจข่าวลือปฏิวัติรัฐประหาร
ป.ป.ช.ชี้มูลคดีคอมฯ ฉาว 18 มิ.ย.นี้
นายปรีชา เลิศกลมลมาศ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะกรรมการร่วมรับผิดชอบสำนวนการไต่สวนคดีการจัดซื้อจัดจ้างโครงการคอมพิวเตอร์ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มูลค่า 821 ล้านบาท สมัยที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เป็น รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 มิ.ย. จะส่งสำนวนการไต่สวนของคณะอนุกรรมการเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช.เพื่อลงความเห็นว่าจะชี้มูลความผิดหรือไม่อย่างแน่นอนหลังจากก่อนหน้านี้ ได้เลื่อนการพิจารณามาแล้วหลายครั้ง โดยการสอบสวนขณะนี้ได้ดำเนินการสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องมาแล้ว 10 ปาก พร้อมกับได้ประสานไปยังศาลเพื่อขอเอกสารที่มีการฟ้องร้องกันในคดี ระหว่างเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มเติม เพื่อมาประกอบสำนวนการสอบสวนของ ป.ป.ช.ว่าจะเชื่อมโยงอย่างไร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้จากการตรวจสอบมั่นใจว่าสำนวนมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จึงคิดว่าจะเสนอให้ที่ประชุม ป.ป.ช.มีความเห็นได้ในวันดังกล่าวได้อย่างแน่นอน
“พท.” เดินหน้าแก้ กม.ยุบ อบจ.
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดโครงการ เลยสวยใสไร้มลพิษ ณ ห้องประชุม โรงแรมเลยพาเลซว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยเห็นพ้องกันว่าจะเสนอแก้กฎหมายให้ยุบองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.ทั่วประเทศ ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่แล้ว ทำให้มีพื้นที่ทับซ้อนกัน เกิดการทำงานซ้ำซ้อนและเกิดความสับสนเรื่องงบประมาณ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน จึงร้องเรียนไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาแก้กฎหมาย ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเสนอให้ยุบ อบจ.ทั่วประเทศ แล้วกระจายงบประมาณ ไปให้ท้องถิ่นต่างๆ เข้ามาดูแลแทน ส่วนพนักงานหรือข้าราชการ ของ อบจ. ก็ให้มีการจัดสรรไปลงท้องถิ่นในตำแหน่งหน้าที่เดิม ขณะที่ นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีต รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรฯ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดยุบองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เพราะซ้ำซ้อนกับองค์กรปกครองส่วนถิ่น (อปท.) ว่า เรื่องดังกล่าวต้องสอบถามความคิดเห็นจากประชาชน รวมทั้งต้องมีคำตอบว่าข้าราชการที่อยู่นั้น จะเอาไปทำอะไร ก็ต้องบอกให้ชัดเจน และหน่วยงานใดซ้ำซ้อนกับหน่วยงานใด ซึ่งต้องมีการวิจัยศึกษาก่อนว่ามีการซ้ำซ้อนอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ เห็นว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่เข้าใจการกระจายอำนาจ เนื่องจากบริหารงานแบบรวมศูนย์อำนาจ ถ้ามีความคิดจะยุบ อบจ. ก็ต้องลดอำนาจรัฐบาลกลางด้วย
หน้ากากแดงขอชุมนุมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเย็นวันเดียวกัน ได้มีกลุ่มบุคคลสวมหน้ากากสีแดงประมาณ 20 คน ที่นัดรวมตัวกันจากเว็บเพจหนึ่งที่สนับสนุนรัฐบาล ได้มาชุมนุมที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม โดยมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านผู้ที่สวมหน้ากากสีขาว ซึ่งมีการชุมนุมไปแล้วในตอนกลางวันด้วยการชูป้ายข้อความ อาทิ “ปกป้องสถาบัน ชาติ ประชาชน” ทั้งนี้ นายปกรณ์ พรชีวางกูร เจ้าของเว็บเพจ แกนนำกลุ่มหน้ากากแดง เปิดเผยว่า การรวมตัวครั้งนี้ก็เพื่อต่อต้านกลุ่มที่ใช้หน้ากากสีขาว เพราะมีความหมายถึงการล้มล้างการปกครองและสถาบันฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยรับไม่ได้ พวกตนในนามกลุ่มเสรีชนเฟซบุ๊ค จึงอยากจะบอกว่า นี่เป็นสิ่งไม่สมควร โดยจากนี้กลุ่มหน้ากากแดงก็จะดำเนินการคู่ขนานกันไปจนกว่าจะมีการยกเลิกใช้สัญลักษณ์หน้ากากขาว ทั้งนี้กลุ่มหน้ากากแดงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่ม นปช. หรือมีเป้าหมายเพื่อปกป้องหนุนหลังรัฐบาลแต่อย่างใด จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันร้องเพลงชาติก่อนจะสลายตัวกันไปในเวลา 18.00 น. โดยไม่มีการเคลื่อนขบวนไปที่อื่น


วันที่ 3/06/2556 เวลา 7:49 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น