วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เปิดแผนสังหาร "เอกยุทธ" ใครกันคือผู้บงการ ???เมื่อ 13 มิ.ย.56

เปิดแผนสังหาร "เอกยุทธ" ใครกันคือผู้บงการ ???

คอลัมน์ : เจาะข่าวร้อนล้วงข่าวลึก โดย    TnewsOnline

แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือในการคลี่คลายคดีการหายตัวไปของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง เปิดเผยว่าภายหลังนายสันติภาพ หรือ บอล เพ็งด้วง อายุ 25 ปี ยอมรับสารภาพว่าร่วมกับพวกฆ่านายเอกยุทธแล้วนำศพไปฝังอำพรางคดีที่จ.พัทลุงบ้านเกิดโดยอ้างว่าต้องการชิงทรัพย์นั้น
ล่าสุดเป็นที่ชัดเจนว่าคดีนี้มีเงื่อนงำไม่ใช่การฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ตามคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาแน่นอน หลังตำรวจได้สอบเค้นนายสันติภาพอย่างหนักเกี่ยวกับขั้นตอนการสังหารโหดครั้งนี้ โดยให้การซัดทอดว่ามีผู้บงการอยู่เบื้องหลังเป็นผู้มีอำนาจทางการเมืองที่มีปัญหากับนายเอกยุทธมาโดยตลอด
เนื่องจากที่ผ่านมานายเอกยุทธออกมาเปิดโปงจนเป็นประเด็นที่อื้อฉาว โดยการสังหารนายเอกยุทธครั้งนี้มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนมาก่อนล่วงหน้าโดยทีมสังหารของนายทหารระดับ เสธ.คนหนึ่งซึ่งกว้างขวางย่านถนนรัชดาภิเษก???
ลำดับขั้นตอนแผนสังหาร มีดังนี้
1. ในคืนวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้พานายเอกยุทธมาทานอาหารที่ร้านอาหารกระแต ย่านสะพานควาย แล้วนายสันติภาพได้ขับรถออกไปนอกร้านโดยอ้างว่าจะไปหาอาหารรับประทานเนื่องอาหารให้ร้านไม่ถูกปาก ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของแผนที่ทีมสังหารวางแผนลงมือก่อเหตุ ด้วยการให้นายสันติภาพขับรถตู้โฟล์คออกไปรับทีมสังหารลูกน้องของเสธ.คนดัง?? ประมาณ 3-4 คน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นทหารและ ตชด. ??ขึ้นมาหลบซ่อนตัวอยู่บนรถระหว่างรอนายเอกยุทธที่จะเดินทางกลับบ้านในเวลาประมาณ 22.00 -23.00 น.ที่บริเวณหน้าร้านนอาหารกระแต
2.โดยเมื่อนายเอกยุทธขึ้นรถมานายสันติภาพก็ปิดประตูรถทันทีจากนั้นทีมสังหารพร้อมอาวุธครบมือก็เข้าล็อคตัวนายเอกยุทธ ก่อนจะขับรถออกจากร้านอาหารกระแตทันทีมุ่งหน้าไปที่บ้านพักย่านทาว์อินทาว์ในเวลาต่อมาเพื่อต้องการไปเก็บหลักฐานข้อมูลเครื่องบันทึกกล้องวงจรปิดทั้งหมด โดยขั้นตอนนี้นายเอกยุทธได้พยายามส่งสัญญาณถึงพี่สาวให้รู้แล้วว่าตนตกอยู่ในอันตรายด้วยการโทรศัพท์ไปถามหากุญแจ ซึ่งพี่สาวนายเอกยุทธไม่เข้าใจจึงต่อว่ากลับไปว่านายเอกยุทธรู้อยู่แล้วจะโทรมาถามทำไมก่อนวางหูไป
3.จนกระทั่งเวลา 03.00 น.นายสันติภาพพร้อมทีมสังหารได้ขับรถพานายเอกยุทธไปกักตัวไว้ที่บ้านพี่สาวย่านลาดกระบัง
4.ก่อนจะนำตัวนายเอกยุทธออกมาในวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย.เพื่อจะนำตัวไปถอนเช็คเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท ซึ่งในครั้งนี้นายเอกยุทธได้ส่งสัญญาณให้รู้อีกครั้งว่าตนตกอยู่ในอันตรายโดยถูกบังคับให้เขียนเช็คเบิกเงินสด นายเอกยุทธได้ลง ปี พ.ศ.ผิดเป็นปี 53 เพื่อต้องการให้ทางธนาคารติดต่อกลับ ซึ่งก็ได้ผลธนาคารติดต่อกลับมาทางโทรศัพท์แต่นายเอกยุทธถูกบังคับให้บอกให้อนุญาตให้ถอนเงินมาได้เดี๋ยวจะเข้าไปแก้ไขให้ในภายหลังซึ่งทางธนาคารก็ตอบตกลงยอมให้ถอนเงินสดออกมาได้
5.ทั้งนี้นายสันติภาพให้การกับตำรวจว่าได้กักตัวนายเอกยุทธไว้จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น.วันที่ 7 มิ.ย.ขณะขับรถแล่นผ่านมาบนถนนลาดพร้าวขณะที่รถติดอยู่นายเอกยุทธได้หนีลงมาจากรถทั้ง ๆที่ถูกจับใส่กุญแจมืออยู่ ทีมสังหารได้ตามลงไปจับตัวขึ้นมาบนรถได้พร้อมกับบีบคอจนเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งตรงจุดนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต้องรอดูศพนายเอกยุทธก่อนว่าเสียชีวิตด้วยเหตุใด ก่อนที่ทีมสังหารจำนำศพของนายเอกยุทธมาฝังอำพรางคดีที่จังหวัดพัทลุง
อย่างไรก็ตามมีการรายงานอีกว่า คดีนี้มีการจ้างวานฆ่านายเอกยุทธอย่างแน่นอนเนื่องจากพ่อของนายสันติภาพยอมรับว่าได้รับการว่างจ้างเป็นเงินสด 2 ล้านบาท ซึ่งได้ติดต่อขอคืนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
ข้อมูลจากรายงานข่าวดังกล่าวนับว่าสอดคล้องกับข้อมูลจากเจ้าของร้านอาหารครัวกระแต ซึ่งมีความรู้จักมักคุ้นกับนายเอกยุทธในฐานะที่เป็นลูกค้าประจำ ที่ได้เล่าถึงความผิดปกติของนายสันติภาพและยืนยันว่านายสันติภาพมีการขับรถออกไปจากร้านอาหารหนึ่งรอบก่อนที่จะกลับมารับนายเอกยุทธอีกครั้ง
นางเกษมศรี วรรณโรจน์ อายุ 50 ปี เจ้าของร้านครัวกระแต ได้เปิดภาพวงจรปิดให้สื่อมวลชนดูถึงอาการผิดปกติของนายสันติภาพ พร้อมระบุว่า สามีตน นายสุพจน์ หรือพจน์ วรรณโรจน์ อายุ 54 ปี เป็นเพื่อนกับคุณเอกยุทธ หรือเรียกว่าคุณป๊อด มาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ แล้ว ในวันเกิดเหตุทางสามีตนได้โทรศัพท์นัดกับนายเอกยุทธในช่วงเวลากลางวันให้มารับประทานอาหาร จากนั้นนาเอกยุทธก็เดินทางมาถึงร้านเวลาประมาณ 18.10 น. ขึ้นไปรับประทานอาหารบนชั้น 2 กับสามี และเพื่อนรวม 5 คน
นางเกษมศรี เล่าให้ฟังอีกว่า นายสันติภาพคนขับนั่งรออยู่ด้านล่างเพียงลำพัง แต่สังเกตเห็นความผิดปกติของนายสันติภาพ ปกติจะพูดคุยและยกมือไหว้ตน แต่วันนั้นกลับไม่ทักทาย ดูเงียบขรึม เวลามาจะสั่งอาหารรับประทานเต็มโต๊ะ แต่กลับสั่งเพียงจานเดียว และยังทานไม่หมดอีกด้วย พร้อมกับคุยโทรศัพท์ตลอดเวลา และมีการเดินเข้าห้องน้ำอยู่ 3-4 รอบ จนเวลาประมาณ 20.02 น. เห็นนายสันติภาพมีท่าทางลุกลี้ลุกลนแล้วขับรถโฟล์คคันดังกล่าวออกไปหลังจากนั้นประมาณ 15 นาที ได้ขับรถกลับเข้ามาด้วยการถอยท้ายรถคันจากปากซอยระยะห่างประมาณ 50 เมตรจนมาถึงหน้าร้าน ลักษณะหันหน้ารถออกไปด้านถนนเพื่อเตรียมออกรถได้ทันที
ท่าทีที่พิรุธของนายสันติภาพ โดยเฉพาะการขับรถออกไปนั้นเป็นการไปรับกลุ่มชายฉกรรจ์ตามที่แหล่งข่าวกล่าวอ้างหรือไม่ อีกทั้งการกลับมาที่ร้านอาหารอีกครั้งก็ได้ถอยรถเข้ามาจอด ในลักษณะที่พร้อมออกรถทันทีที่นายเอกยุทธขึ้นรถ
เจ้าของร้านครัวกระแตเล่าอีกว่าว่า ตนสงสัยว่าปกตินายสันติภาพ ขับเข้ามาแล้วค่อยกลับรถออกไป เพราะเนื้อที่ไม่ได้แคบขนาดต้องถอยรถมาจอดแบบนี้ จากนั้นนายสันติภาพก็มารออยู่ด้านหน้าร้าน ไม่เข้ามาในร้านอีกเลย เวลาประมาณเกือบ 23.00 น. นายเอกยุทธลงมาพร้อมเพื่อนเพื่อจะเดินทางกลับบ้าน นายสันติภาพก็มาถือของไปไว้ในรถให้เท่านั้น สามีตนก็เป็นคนไปส่งก่อนขึ้นรถกลับบ้านย่านทาวน์อินทาวน์ ซึ่งทราบจากสามีว่านายเอกยุทธมีการนัดแนะกับเพื่อนไปตีกอล์ฟในวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย.และไปงานบวชลูกชายตนเองในวันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. และไม่มีทีท่าว่านายเอกยุทธจะเดินทางออกนอกประเทศหรือไปที่ไหน
เพื่อให้เกิดความชัดเจนในขั้นตอนสำคัญตรงจุดร้านอาหารครัวกระแตที่คาดว่าได้มีชายฉกรรจ์เข้ามาแอบซ่อนตัวในรถและทำการควบคุมตัวนายเอกยุทธออกไป เราจะได้พิจารณากันแบบเต็มๆจากภาพในกล้องวงจรปิดของทางร้าน
จากข้อมูลดังกล่าวยังแสดงให้เห็นอีกว่าขั้นตอนการลักพาตัวนายเอกยุทธต้องเกิดขึ้นที่สถานการณ์ตรงนี้ เนื่องจากนายเอกยุทธได้นัดหมายกับเพื่อเอาไว้ ในวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน และวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน แสดงให้เห็นว่านายเอกยุทธไม่ทราบมาก่อนว่าจะถูกลักพาตัว หรือมีกำหนดการจะเดินทางไปที่ไหนแต่อย่างใด
จากข้อมูลทั้งหมดแสดงให้เห็นว่านายเอกยุทธถูกคุมตัวหลังจากมารับประทานอาหารที่ร้านครัวกระแต ในวันที่ 6 มิถุนายน และที่สำคัญมีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการกับนายสันติภาพอีกอย่างน้อย 3-4 คน เพราะเป็นไปได้ยากมากที่นายสันติภาพที่ต้องทำหน้าที่ขับรถด้วยจะสามารถควบคุมตัวนายเอกยุทธไปสถานที่ต่างๆได้เพียงลำพัง...คำถามต่อมาก็คือชายฉกรรจ์อีกจำนวนหนึ่งคือใคร และมีใครเป็นผู้บงการ
และการที่จะค้นหาความจริงว่าใครเป็นผู้บงการก็ต้องค้นหาความจริงให้ได้ก่อนว่าผู้บงการมีวัตถุประสงค์อะไรในการสังหารนายเอกยุทธ จะเป็นเพราะเรื่องความขัดแย้งทางธุรกิจ การเมือง ก็ต้องไปค้นหาข้อมูลที่นายเอกยุทธทิ้งเอาไว้ก่อนจะถูกลักพาตัว
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการสื่อสารของนายเอกยุทธผ่านทางเฟจบุ๊คและทวิตเตอร์ดังนี้
ล่าสุดเมื่อต้นเดือน มิ.ย.นี้เอง นายเอกยุทธ แสดงความผ่านทางโซเซียลเน็ตเวิร์คหลายครั้ง โดยในวันที่ 1 มิ.ย.เขาได้โพสต์ข้อความกระทบกระเทียบถึงพฤติกรรมของชายหญิงคู่หนึ่งที่เกาะมัลดีฟ และภารกิจ ว.5 ไว้สามข้อความ โดยสองข้อความอยู่ในเพจ Akeyuth Anchanbutr ที่สะกดโดยการใช้ภาษาอังกฤษและอีก 1 ข้อความอยู่ในเพจ เอกยุทธ อัญชันบุตร ภาษาไทย มีเนื้อหาดังนี้
ในเพจ    Akeyuth Anchanbutr ที่เป็นภาษาอังกฤษ ระบุข้อความดังนี้
         
1 มิถุนายน  ข้อความแรก แถลงข่าวว่าไปเมืองลังกา..แต่น้ำทะเลกระฉอกที่มัลดีฟพร้อม"ผัวของหมอ"..หนุกหนานกันจังนะ..?
ข้อความที่สอง  เงินภาษีถูกนำไปให้พวกที่อ้างว่าเป็นคนส่วนมากใช้ผลาญกันอย่างฟุ่มเฟือย..จะเอากันก็ยังใข้เงินภาษี..เพิ่งบอกไปเมื่อบ่ายนี้ว่า..น้ำทะเลไหลนองและคลื่นซัดจนรีสอร์ทหรูกระเทือนไปทั้งเกาะ..ว 5 เกาะสวาทหาดสวรรค์..??
ส่วนในเพจ เอกยุทธ อัญชันบุตร ภาษาไทย วันที่  1 มิถุนายน ก็ระบุข้อความในลักษณะเดียวกันว่า สึนามิสวาทเข้าถล่ม"เกาะสวาท หาดสวรรค์" คลื่นซัดจนรีสอร์ทหรูสั่นสะเทือนไปทั้งเกาะ.ภารกิจ ว 5 ณ เกาะสวาท หาดสวรรค์ เดินตามทางของพี่ชายที่เคยใช้เป็นที่ปลดปล่อยความเครียดโดยให้นักร้องสาวขี่คอถ่ายรูปมาโชว์..ช่างบังเอิญที่หนุ่มใหญ่ผัวชาวบ้านเดินทางอ้างไปดูสถานที่ลงทุน"บ้านแสนรัก"..โอสวรรค์กลางทะเล...??
นอกจากนี้ "เอกยุทธ"  ยังโพสต์ข้อควาทลงใน ทวิตเตอร์ @akeyuth เมื่อเวลา 17.01 น. ของวันที่ 6 มิ.ย.หรือก่อนที่นายเอกยุทธ จะหายตัวไป โดยข้อความระบุว่า "ผมเตือนนักลงทุนทั่วไปเมื่อวันที่ 1-6-13 ถึงหุ้น"ความจริง"..วันนั้นอยู่ที่ 11-12 บาท..และบอกไว้ว่าราคาที่เหมาะสมและเจ้ามือทุนอยู่ที่ประมาณ 6-8 บาท..วันนี้มาให้เห็นแล้ว.." ซึ่งหลังจากทราบข่าวการเสียชีวิต ก็ได้มีผู้ที่เข้าไปแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก และถ้าหากย้อนดูการสื่อสารของนายเอกยุทธในช่วงเดือนมิถุนายนที่เหลือก็เป็นไปในทิศทางการโจมตีรัฐบาลอย่างหนักหน่วง อาทิ
การเมืองเข้าสู่ยุครัฐตำรวจ..การเมืองใช้อำนาจรัฐแบบไม่เกรงกลัวความถูกต้อง..จะเห็นได้ว่าฝ่ายนักโทษหนีคุกใช้ยุทธศาสตร์กล่าวหา..ใช้อำนาจรัฐร่วมกับขี้ข้าในกระบวนการยุติธรรมตั้งข้อหาฝ่ายตรงข้าม ข้อหาจากสักกะเบือยันเรือรบ..มโนสาเร่..เป้าหมายเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามยุ่งกับการสู้คดีที่น่าเบื่อหน่ายกับเสียเวลาเพื่อไม่ให้มาคิดต่อสู้และจับผิดพวกโกง..วิธีที่น้ำเน่าและอ่อนมาก..พวกกล่าวหาโดยผู้อื่นไม่ได้ทำผิดนั้นต้องโดนข้อหาแจ้งความเท็จ..เจ้าหน้าที่โดนมาตรา 200, และ 157 คอยดูกันว่าพวกเอ็งหมดตำแหน่งแล้วใครจะช่วย.ก็หมาขี้เรื้อตัวหนึ่งเท่านั้น...?
พวกสถาบันต่างชาติที่มาจัดอันดับความเชื่อถือของประเทศเรานั้น คงงงกับตัวเลขต่างๆที่ถูกเจ้าหน้าที่ประเคนให้..และในความเป็นจริงไม่ต้องมาลดอันดับความน่าเชื่อถือให้หรอกครับ..ปชช.ผู้เสียภาษีส่วนใหญ่..ไม่เชื่อถือรัฐบาลอยู่แล้ว..
รมต.ที่มาจากตลก..กล้าแสดงความเห็นเรื่องจะถูกบฯจัดอันดับต่างประเทศลดเกรดกรณีรับซื้อข้าวราคาแพงและเจ๊งยับเยิน..มีตำแหน่งขนาดนี้แต่พูดให้เด็ก 10 ขวบฟังก็คงเชื่อนะว่าข้าวเก็บไว้ไม่ขายก็ไม่ขาดทุน..นี่คงคิดว่าข้าวจะเก็บไว้และมีปันผล แตกพาร์และแจกวอแรนมั้ง ?
สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเริ่มชัดเจนขึ้น สังเกตุได้จากอาการร้อนรนและพล่านของพวกขี้ข้านักโทษทั้งหลายและมีการชิงดีชิงเด่นกันเองระหว่างพี่น้อง..เชื่อว่าเมื่องบประมาณผ่านสภาและการกู้เงินสำเร็จและแจกจ่ายงบเสร็จก็คงชิงยุบสภาเพื่อรักษาอำนาจไว้ในกลุ่มเพราะยังไงเลือกตั้งก็ชนะอยู่ดี..น่าจะยุบสภาไม่เกินเดือนตุลาคมนี้ครับ..
และถ้าหากย้อนกลับไปตรวจสอบให้รู้จักผู้ชายที่ชื่อว่าเอกยุทธก็ต้องบอกว่าเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาและพร้อมที่จะถูกเล่นงานอยู่ตลอดเวลา
นายเอกยุทธ  อัญชันบุตร เกิดเมื่อเดือน มิถุนายน 2502 เป็นบุตรคนที่ 3 จากจำนวน 5 คนของ ร้อยโทแปลก อัญชันบุตร และ นางนันทา ฉัตรกุล ณ อยุธยา ศึกษาที่โรงเรียนแม้นศรีวิทยา โรงเรียนเทพประสาทวิทยา และเรียนไฮสกูลที่เมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา สหรัฐอเมริกา ก่อนกลับมาทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างกับพี่ชาย จากนั้นไปเรียนต่อด้านเศรษฐศาสตร์การเงินการคลังที่มหาวิทยาลัยแปซิฟิก ฮาวาย สหรัฐอเมริกา
หลังจบการศึกษา นายเอกยุทธ ได้เริ่มทำธุรกิจซื้อขายคอมมอดิตี้ และซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า จากนั้นจึงเปิดบริษัทนายหน้าซื้อขายคอมมอดิตี้และเงินตราต่างประเทศ ชื่อ ชาร์เตอร์อินเวสต์เมนต์ เมื่อ พ.ศ.2525 ต่อมาปี 2526 เป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศสูงถึง 12 เปอร์เซ็นต์ นายเอกยุทธคิดหากำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ย โดยกู้เงินจากต่างประเทศด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ มาฝากในสถาบันการเงินในประเทศเพื่อทำกำไร และนำกำไรที่ได้ไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่ม
ในระยะแรก บริษัทนายหน้าของเอกยุทธมีเงินลงทุนจากนายทหารและนักการเมืองจำนวนมาก เมื่อเริ่มมีชื่อเสียงจึงมีประชาชนทั่วไปนำเงินเข้าไปลงทุน และรุ่งเรืองถึงขีดสุดเมื่อ ปี 2527 เมื่อประชาชนสมัยนั้นนิยมการลงทุนเงินนอกระบบ อาทิ แชร์แม่ชม้อย แชร์แม่นกแก้ว และแชร์ชาร์เตอร์ จนกระทั่งรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตราพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนในปี 2527 มีการดำเนินคดีกับหัวหน้าวงแชร์ และมีข่าวเตรียมออกหมายจับนายเอกยุทธ ทำให้เขาเดินทางออกนอกประเทศเมื่อกลางปี 2528 เขาหายไปเกือบ 20 ปี
จนกระทั่งกลับมาเป็นข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวันอีกครั้ง เมื่อได้เข้าไปที่พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมประกาศทุ่มเงิน 1 พันล้านบาทเพื่อล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหวทางการเมืองเรื่อยมา โดยเปิดเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ และใช้เป็นฐานที่มั่น พร้อมๆ กับเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ โดยการขับเคลื่อนข้อความต่างๆ ทุกวันลงสังคมออนไลน์
และก่อนที่นายเอกยุทธจะหายตัวไป เขามีคดีความฟ้องร้องกับบุคคลต่างๆ หลายคดี อาทิ คดีทำร้ายร่างกายผู้จัดการคาราโอเกะซิตี้ คดีการฟ้องร้อง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ข้อหาหมิ่นประมาท เป็นต้น แต่ที่ฮือฮาที่สุดเห็นจะเป็นการเปิดภารกิจลับของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่น?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น