วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ทนาย'สุวัตร' เชื่อปมการเมืองอุ้มฆ่า 'เอกยุทธ' เสธ.ดังอยู่เบื้องหลัง ด้านตำรวจเชื่อคดี'เอกยุทธ'เป็น'ฆ่าชิงทรัพย์' เมื่อ 12 มิ.ย.56



ทนายเชื่อเสธ.ดังสั่งอุ้มฆ่า'เอกยุทธ'

ทนาย'สุวัตร' เชื่อปมการเมืองอุ้มฆ่า 'เอกยุทธ' เสธ.ดังอยู่เบื้องหลัง ด้านตำรวจเชื่อคดี'เอกยุทธ'เป็น'ฆ่าชิงทรัพย์'

               12 มิ.ย.56 นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ในฐานะทนายความของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ให้สัมภาษณ์ว่า ทางครอบครัวของนายเอกยุทธ ได้มุ่งประเด็นการก่อเหตุในครั้งนี้ว่าเป็นเรื่องการเมือง เพราะคุณเอกยุทธ เป็นผู้วิพากวิจารณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึง การเปิดเผยเรื่อง ว.5 โฟร์ซีซั่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และล่าสุด การโพสต์เรื่องการเอาเงินภาษีไปโต้คลื่นสวาท ที่ประเทศมัลดีฟ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เป็นการโจมตีฝ่ายรัฐบาลครั้งสุดท้ายในวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่จะหายตัวไป  ซึ่งทั้งหมดเป็นการสร้างความไม่พอใจทางการเมืองให้กับฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับ สาเหตุอื่นๆ เช่นความแค้น ที่นายเอกยุทธทำการไล่สามพนักงานที่ทำการยักยอกเงินกว่า 1 ล้านบาทของบริษัทไปก่อนหน้านี้ จนทำให้นายสันติภาพเกิดความแค้นและก่อเหตุ ก็ยังไม่มีเหตุผลมากพอถึงกับต้องหมายเอาชีวิต จึงคาดว่า ไม่น่าใช่ประเด็นความแค้น แต่สาเหตุที่แท้จริงในการลงมือของนายสันติภาพครั้งนี้ อาจมาจากการติดหนี้พนัน ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า นายสันติภาพติดหนี้ตามโต๊ะพนันบอลหลายแห่งรวมเป็นเงินมากกว่า 1ล้านบาท จนทำให้ นายสันติภาพ ได้รับการว่าจ้างจาก กลุ่มทหารนอกราชการที่เป็นผู้ดูแลโต๊ะพนัน ให้ก่อเหตุชิงตัวนายเอกยุทธ เพื่อเป็นการหักล้างหนี้ที่ติดค้าง และจากแหล่งข่าวระดับชั้นผู้ใหญ่ที่ตนได้ตรวจสอบมายังพบว่า นายสันติภาพเคยทำงานในสังกัดของกลุ่ม เสธ ชื่อดัง กลุ่มหนึ่งที่มีเรื่องแถวคลองเตย ก่อนที่จะลาออกมา สมัครงานเป็นคนขับรถของนายเอกยุทธผ่านการประกาศรับสมัครทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งนายสันติภาพได้เข้ามาในเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา จึงอาจเป็นไปได้ว่า มีการวางแผนแฝงตัวมาเป็นเวลานานกว่า 7 เดือน จนเมื่อถึงวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา วันเกิดเหตุ นายสันติภาพ รู้ว่านายเอกยุทธเตรียมที่จะให้พนักงานคนขับรถคนใหม่มาทำหน้าที่แทน ประกอบกับสบโอกาสที่นายเอกยุทธไม่มีบอดี้การ์ดคุมความปลอดภัย จึงลงมือก่อเหตุ
              นอกจากนี้ นายสุวัตร ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า มูลเหตุจูงใจของนายสันติภาพ ยังถูกใช้เพื่อเบี่ยงประเด็นของการก่อเหตุให้ดูเหมือนมีจุดประสงค์ต่อทรัพย์ แต่จากการตรวจสอบเงินจำนวน 5 ล้านบาท กลับตกไปอยู่ที่นายสันติภาพ และพ่อที่อาศัยใน จ.พัทลุง โดยกลุ่มคนอีก 4-5 คน ที่นายสันติภาพให้การว่าร่วมก่อเหตุอุ้มฆ่านายเอกยุทธนั้น ไม่ได้ส่วนแบ่งจากเงินจำนวนนี้ เหมือนเป็นการทำฟรี จึงน่าสงสัยว่า กลุ่มคนกลุ่มนี้มาเพื่อหมายเอาชีวิตเพียงอย่างเดียว
              "เรื่องชิงทรัพย์ผมไม่เชื่อ หลักฐานมันไม่ใช่แค่นั้น นี่มันเหมือนการวางแผนมาเป็นระยะเวลานาน คุณเอกยุทธก็เหมือนปลาใหญ่ตายน้ำตื้นที่ไปรับคนขับรถมาโดยไม่ดูหัวนอนปลายตีน" นายสุวัตร กล่าว
              ขณะที่ รัฐบาลพยายามปฏิเสธไม่ให้เป็นไปในเรื่องทางการเมือง แต่ครอบครัวยังคงมองว่าเกี่ยวข้องโดยตรง เพราะยังมีข้อสังเกตอื่นๆ ที่ทำให้คาดได้ว่าอาจมีกลุ่มคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การขนย้ายร่างของนายเอกยุทธ จากกรุงเทพฯ - พัทลุง ที่ต้องใช้เวลานานกว่า 9 ชั่วโมง ผ่านกล้องวงจรปิด และด่านตรวจหลายแห่ง หากไม่มีเจ้าหน้าที่รู้เห็นคอยประสานกับจุดสกัดของเจ้าหน้าที่เหล่านี้ การเคลื่อนย้ายจะเป็นไปได้ยาก
              อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังไม่พบพยานหลักฐานก็เป็นเพียงการสันนิษฐานที่จะต้องได้รับการสืบสวนเพิ่มเติม ทั้งเรื่องการเกี่ยวโยงกับกลุ่มคนมีสีนอกราชการ ไปจนถึงผู้จ้างวานที่อาจพัวพันเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ซึ่งจากนี้ทางครอบครัวจะร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการทำงานทุกกระบวนการอย่างในการขุดหาศพของนายเอกยุทธที่ จ.พัทลุง ในวันนี้ก็ได้ส่ง น.ส.สุภากรณ์ แหวนหล่อ พี่สาวนายเอกยุทธ พร้อมทนายความไปด้วย              

               
ตำรวจเชื่อคดี"เอกยุทธ"เป็น" ฆ่าชิงทรัพย์"

               แหล่งข่าวชุดสืบสวนจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้กล่าวถึงการสังหาร นายเอกยุทธ ว่า ภาพรวมคดีนี้เชื่อว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง เพราะตราบใดที่ยังไม่พบศพก็สามารถคิดอะไรได้หลายอย่าง แต่เมื่อพบศพแล้วคดีก็มีความชัดเจนมากขึ้นเพียงแต่คำให้การหรือคำรับสารภาพของผู้ต้องหายังต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดว่าสอดรับกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พยานแวดล้อม โดยเฉพาะผู้หญิงที่ใกล้ชิดผู้ต้องหาซึ่งถูกพาดพิงถึง และผู้ต้องสงสัยอื่นๆ ที่ถูกพาดพิงว่าร่วมกระทำผิดหรือไม่ อย่างไร
               “มีคดีหลายๆ คดีที่สังคมสงสัย แต่ในข้อเท็จจริงก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเพราะทุกอย่างต้องมีเหตุมีผล สำหรับคดีนี้เท่าที่ติดตามข่าว หากผู้ต้องหามีการวางแผนก่อคดีถึงขนาดนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเคยก่อคดีลักษณะนี้มาแล้ว” แหล่งข่าวคนเดิม กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น