วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

วันพุธ ที่ 12 มิถุนายน 2556 ศาลอุทรณ์ยืนจำคุกดา ตอร์ปิโด 15 ปี พ้อแกนนำแดงหายหัวไม่โผล่เยี่ยม


วันพุธ ที่ 12 มิถุนายน 2556

 
กลัวตกเทรนด์....เกี่ยวกับการตายของนายเอกยุทธ์ อัญชันบุตร...
 
โดยส่วนตัวมองว่า "เอกยุทธ์" ก็ไม่นับว่าบริสุทธิ์ผุดผ่องอะไรมากมายนัก ทำดีก็มาก ทำเลวก็เยอะตามประวัติแล้วไม่ธรรมดา

แต่กลุ่มต้านทักษิณพอใจมีแนวร่วม ประเภทใช้โจรปราบโจร เหมือนที่เคยมีผู้นำต้านทักษิณหลายครั้งก็มิใช่คนดีนัก

แต่หลักอาชญวิทยาบอกว่า เมื่อมีการตายเกิดขึ้นใครได้ผลประโยชน์...คนได้ประโยชน์คือผู้ที่น่าสงสัยมากที่สุด

"เอกยุทธ์" นั้นทำตัวเป็นปฏิปักษ์ ประกาศโค่นทักษิณมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ถึงขนาดเดินเข้าพรรคปชป. สนับสนุนล้มทักษิณก็เคยทำ

ทำสื่ออินเตอร์เน็ตก็ออกแนวต้านทักษิณและลิ่วล้อเต็มตัว จุดยืนมั่นคงชนิดตายก็ไม่เผาผี

พอมาบอกเรื่อง ว.5 ณ โรงแรงโฟร์ซีซั่นก็หนักหนาพอแรง ยังมาแยงเรื่องน้ำทะเลกระฉอกเป็นระลอกคลื่น มันย่อมสุดฝืนจะทานทน

ดังนั้นหากมองในทางการเมืองแล้ว ผู้ต้องสงสัยงานนี้มากที่สุดคือ "นายใหญ่" นั่นเอง

แต่อย่านึกว่ากำจัดเอกยุทธ์ แล้วหนทางกลับบ้านของทักษิณสะดวก ปลอดโปร่งโล่งตลอด...ยังหรอกครับ

ขวากหนามของทักษิณบนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ไม่มีที่ยืนของชายคนโกงชาติจนผู้คนในแผ่นดินไม่อาจให้อภัย...

หากจะฆ่าคนเพื่อโค่นคนต่อต้าน คงต้องใช้เลือดล้างแผ่นดินเท่านั้นนะ...ทักษิณ

แคน ไทเมือง
 
0000
 
วันนี้( 12 มิ.ย.2556) มติชนเสนอข่าว…

ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 15 ปี “ดา ตอร์ปิโด” คดีหมิ่นเบื้องสูง เจ้าตัวเผยไม่มีแกนนำ นปช.มาเยี่ยมสักคน
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุก 15 ปี น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด อายุ 55 ปี แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนระชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยทำให้สถาบันเสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียง เห็นควรลงโทษสถานหนักเพื่อไม่ให้บุคคลอื่นกระทำเป็นเยี่ยงอย่าง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืนดังกล่าว
คดีนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีหมายเลขดำที่ อ.3959/2551 สรุปว่า ระหว่างเดือน มกราคม – มิถุนายน 2551 เวลากลางคืน จำเลยขึ้นปราศรัยบนเวทีเสียงประชาชน ณ ท้องสนามหลวง ด้วยการกระจายเสียงทางเครื่องขยายเสียง ท่ามกลางประชาชนที่มาฟังจำนวนหลายคน ซึ่งเป็นบุคคลที่สาม โดยกล่าวคำพูดจาบจ้วง ล่วงเกิน เปรียบเทียบและเปรียบเปรย หมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์  ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง โดยเจตนาจะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา เหตุเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2554 ให้จำคุก 3 กระทงๆละ 5 ปี รวมจำคุก 15 ปี ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์
ด้าน น.ส.ดารณี กล่าวภายหลังว่า  ตนถูกคุมขังมานานกว่า 5 ปีแล้ว แต่ไม่เคยมีแกนนำ นปช. คนใด เดินทางมาเยี่ยมเลย มีเพียง น.ส.สุดา รังกุพันธุ์ แกนนำกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล เท่านั้นที่มาเยี่ยม ทั้งนี้หากถึงเวลาพ้นโทษแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะยังร่วมต่อสู้กับกลุ่ม นปช.ต่อไปหรือไม่
จากนั้นน.ส.ดารณี ถูกนำตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงต่อไป ซึ่งตลอดระยะเวลาการพิจารณาคดีจำเลยไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด

0000
น่าจะเป็นอุทาหรณ์สำหรับบรรดาคนที่กำลังกระทำการหมิ่นเบื้องสูงหรือสนับสนุนการหมิ่นเบื้องสูง ต้องพึงสังวรณ์

ทำอะไรลงไปต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย คดีแบบนี้ไม่มีใครเห็นว่าเป็นวีรบุรุษ วีรสตรีไปได้หรอกครับ

ถ้ายังทำกันต่อไป ก็จะมีคนแจ้งความและดำเนินการทางกฎหมายไม่มีอะไรซับซ้อน
ก็ได้แต่เตือนๆ กันไป เพราะมีทนายความอาสาพร้อมที่จะทำงานนี้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

ถ้าตนเองไม่กล้ากระทำการ ก็อย่าสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำการอันหมิ่นน้ำใจคนไทยทั้งประเทศเลยครับ

ติดคุกแล้วมีแต่คนที่พร้อมจะกระทืบซ้ำ ไม่มีความเห็นใจให้...ขัดใจนักก็ไปอยู่ในที่กฎหมายเอื้อมมือไม่ถึงเหมือนหลายๆคนทำมาแล้ว

เพราะในแผ่นดินนี้กฎหมายและประชาชนไม่ยอมให้กระทำการเช่นนั้น
ถ้าเป็นนักประชาธิปไตยต้องเคารพกฎหมาย เรื่องมันมีแค่นั้นเอง

แคน ไทเมือง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น