| 'ลูกชายเอกยุทธ'เผยขอแค่รู้พ่อมีชีวิต ยันไม่รู้เหตุโดนอุ้ม! |
| |
วันนี้ 10 มิ.ย.56 พ.ต.อ.สรรหกิจ บำรุงสุขสวัสดิ์ ผกก.สน.วังทองหลาง พ.ต.ท.วิวัฒน์ อัศววิบูลย์ สว.สส.สน.วังทองหลาง
พ.ต.อ.สง่า กรรณภิรมย์ ผกก.สส.น.4 พร้อมชุดสืบสวน นำกำลังเข้าตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติมภายใน บริษัท ไทยอินไซค์เดอร์ จำกัด เลขที่ 1477 ซอยทาวน์อินทาวน์ 3/2 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม.ของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ซึ่งหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำ โดยพบนายก้องการุณ ศรีประสาน อายุ 33 ปี ลูกชายของนายเอกยุทธ นำเข้าไปในบริษัท โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนตามเข้าภายในบริษัท
มีรายงานว่า ผบช.น.ได้สั่งกำชับให้ชุดสืบสวน เข้าตรวจสอบเอกสารและเส้นทางการเงินของนายเอกยุทธ
รวมทั้งให้กองพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือแฝงที่เก็บข้อมูลกล้องวงจรปิด เพื่อนำไปเปรียบเทียนกับคนร้าย และเบาะแสเพิ่มเติมจากพนักงานในคืนวันเกิดเหตุ นายก้องการุณ เปิดเผยว่า การที่บิดาหายตัวไปในครั้งนี้ ตนยังไม่ทราบสาเหตุ และยังไม่ได้ให้การกับพนักงานสอบสวนว่ามาจากสาเหตุใด เพราะตนยังไม่ชัดเจนต้องขอดูในรายละเอียดความขัดแย้งที่ชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้อยากเจอหน้าบิดา หรือขอให้รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ แล้วค่อยมาคุยเรื่องความขัดแย้งว่ามาจากประเด็นใด จะเป็นเรื่อวคนขับรถร่วมกับแฟนสาวพนักงานที่ถูกไล่ออกไปเพราะยักยอกเงินไปกว่าล้านบาทนั้น ตนยังไม่ได้ลงรายละเอียดเรื่องนี้ ขอเพียงให้บิดาปลอดภัย หรือแม้ว่าบิดาไม่อยู่ตนก็จะสู้ให้ถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากบิดาจะติดต่อมา น่าจะโทรศัพท์หาใครเป็นคนแรก นายก้องการุณ กล่าวว่า
ในวันที่เกิดเหตุตอนประมาณ 5 ทุ่ม หลังจากที่บิดา ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารกระแต ย่านสะพานควาย ได้โทรศัพท์หาตน 3-4 สาย แต่ตนปิดเครื่อง พอมาดูข้อความมีสายเข้าจึงรีบมาที่บริษัท พบรถตู้จอดอยู่แต่ในลักษณะที่ผิดปกติ ที่จะจอดเข้าที่จอดเรียบร้อย แต่ครั้งนี้กลับจอดอยู่ห่างจากที่จอดรถ และเป็นที่น่าสงสัยว่า เซิร์ฟเวอร์ที่เก็บภาพวงจรปิดถูกนำไปด้วย เครื่องบันทึกภาพวงจรปิดต้องเป็นคนภายในเท่านั้นที่รู้และสามารถเอาออกไปได้
นายก้องการุณ กล่าวอีกว่า ส่วนความขัดแย้งอื่นก็ไม่มี ตนก็อยู่ได้โดยไม่ต้องระวังตัวอะไรมาก ส่วนเรื่องที่บิดาไปมีความขัดแย้งกับนายตำรวจ นั้น คงไม่น่าจะถึงขั้นต้องทำขนาดนี้ ตนคงต้องขอเวลาทบทวนว่าบิดาน่าจะถูกกระทำอย่างนี้เพราะอะไร และอยากเจอคนขับรถเพื่อถามเรื่องราวทั้งหมด
|
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า  |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น