วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เว็ปสำนักนายกฯเจอดี ไอซีทีเต้นไล่ล่ามือมืด ม็อบแดงสลายตัวแล้ว เดินสายถล่มศาล รธน.เมื่อ 9 พ.ค.56




ตบหน้ารัฐบาล แฮกเกอร์ เจาะเว็ปด่า”ปู”

เว็ปสำนักนายกฯเจอดี ไอซีทีเต้นไล่ล่ามือมืด ม็อบแดงสลายตัวแล้ว เดินสายถล่มศาล รธน.

“ม็อบแดง” เก็บเสื่อกลับบ้านแล้ว หลังระดมคนได้แค่หลักหมื่น ก่อนดาวกระจายดิสเครดิตศาล รธน.-ยื่นถอดถอน 5 ตุลาการ ขณะที่ “เจ๋ง ดอกจิก” โผล่ให้กำลังใจ ด้าน “ปชป.” จวกยุคฮิตเลอร์ครองเมือง เดินเกมดิสเครดิตสถาบันศาล ทำลายระบบถ่วงดุลตรวจสอบ หวังคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ จับตาพุ่งเป้าเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเบ็ดเสร็จแบบประธานาธิบดี ปลุกทุกคนจับมือต้าน ก่อนคนชั่วทำสังคมวิบัติ ส่วน “ม็อบแนวร่วมคนไทยรักชาติฯ” โผล่สนามหลวง ลั่นปักหลักไล่รัฐบาลจนลาออก ขณะที่ “รัฐบาล” เจอดี “Unlimited Hack Team” แฮ็กป่วนเว็บไซต์สำนักนายกฯ ขึ้นภาษาอังกฤษ ด่ายับ “ยิ่งลักษณ์” ปัญญาอ่อน-นายกฯ ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ด้าน “อนุดิษฐ์” เต้นสั่งไอซีทีสอบด่วน เชื่อไม่เกี่ยวสั่งปิดเว็บด่าปู ส่วน “รัฐบาล” เชื่อพวกต้านรัฐบาลป่วน ประณามพวกขี้ขลาด-ลอบกัด-ไม่ต่างสัตว์เดรัจฉาน ขู่ตามล่าตัวไม่ยาก ขณะที่ “มาร์ค” เชื่อปฏิกิริยาโต้กลับไอซีที ขู่ปิดเว็บหมิ่นนายกฯ ด้าน เฟซบุ๊ค Unlimited Hack Team ปัดทันควันไม่ใช่ฝีมือตนเอง อ้างถูกโยนความผิด
ม็อบแดงไล่ศาลแค่หลักหมื่น
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. เมื่อเวลา 08.45 น. ที่หน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิไตย หรือ กวป. เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีประชาชนทั้งจากที่ปักหลักชุมนุมอยู่ที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น และที่เดินทางมาสมทบจากต่างจังหวัดเมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นจำนวนมาก ด้านการรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้จัดวางกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด ทั้งบริเวณกลุ่มผู้ชุมนุมและตัวอาคารศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีการเปลี่ยนเวรยามและประเมินสถานการณ์ทุกๆ ชั่วโมง ส่วนการจราจรที่บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ รถยังสามารถเคลื่อนตัวได้ แต่คาดว่าจะติดขัดในช่วงสาย เนื่องจากทางศูนย์ราชการไม่ได้ประกาศให้มีการหยุดงาน เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ จึงมาทำงานตามปกติ ด้านนายศรรัก มาลัยทอง โฆษกกลุ่ม กวป. กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้เข้าร่วมชุมนุมเกิน 2 หมื่นคนแล้ว ด้านมาตรการการดูแลยังไม่น่าห่วง เพราะตำรวจและเจ้าหน้าที่ของกลุ่ม ดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งในวันนี้จะเคลื่อนพลไป 5 จุด โดยจะเริ่มต้นที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ จึงจะเคลื่อนไปที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อแจ้งความตามมาตรา 157 จากนั้นจะเดินทางไปที่ สน.ประชาชื่น บางซื่อ พญาไท และดุสิต ที่ได้วางแผนล่วงหน้ามา 2 วัน และทำการประสานงานกันเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่า จะถึงรัฐสภาไม่เกิน 13.00 น. และจะอยู่ที่รัฐสภา ไปจนถึงเวลา 18.00 น. เพื่อยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เท่านั้น ทั้งนี้เมื่อเสร็จภารกิจจะสลายการชุมนุมทันที เนื่องจากต้องเดินทางไปต่างจังหวัดอีก 20 จุด 20 เวที เพื่อล่ารายชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 1 ล้านรายชื่อ และแจ้งความเอาผิดกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กับทุกจังหวัด ฐานไม่มีคุณสมบัติในการทำหน้าที่ตัดสินคดี เนื่องจากมีที่มาไม่ถูกต้อง
“เจ๋ง ดอกจิก” โผล่แจม
จากนั้น เวลา 09.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากหน้าศาลรัฐธรรมนูญ โดยใช้รถยนต์ส่วนตัว รถจักรยานยนต์ รถบัส และรถกระบะ จำนวนหลายร้อยคัน นำมวลชนไปยังหน้ารัฐสภาเพื่อนำรายชื่อประชาชน 1 แสนรายชื่อ ไปยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อประธานรัฐสภา โดยบรรยากาศการเคลื่อนขบวนเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยมีเจ้าหน้าที่ของ กวป.ใส่เสื้อสีขาวมีข้อความ “Defender ผู้พิทักษ์” คอยอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัย ซึ่งตลอดการเคลื่อนขบวนการของผู้ชุมนุมใช้สโลแกน “ไม่รับอำนาจของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 309 อารยะขัดขืนทั้งแผ่นดิน” โดยขณะเคลื่อนขบวนพบว่า นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ได้นั่งรถยนต์ส่วนตัวมาร่วมสังเกตการณ์ โดยได้โบกมือทักทายให้ผู้ชุมนุมด้วย
ม็อบถึงสภาด่าแหลกศาล รธน.
ต่อมา เวลา 11.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางถึงรัฐสภา โดยได้ตั้งเวทีปราศรัยโจมตีศาลรัฐธรรมนูญหน้ารัฐสภาด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 11.45 น. บริเวณหน้ารัฐสภา ได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เมื่อมีหญิงชุดดำชูนิ้วกลางให้กับช่างภาพช่อง 9 พร้อมกับถามว่า “ช่อง 3 อยู่ไหน” และยังกล่าวต่อว่า “อย่าให้แก้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 ได้นะ จะเปลี่ยนยกแผง” ขณะเดียวกันผู้ชุมนุมบริเวณนั้นก็ได้ตะโกนขับไล่ และกล่าวว่า “คนเสื้อแดงไม่ทะเลาะกับสื่อ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนเสื้อแดง ถ้าใครจับได้ให้กระทืบ” จึงทำให้หญิงคนดังกล่าวออกจากจุดเกิดเหตุและมุ่งหน้าเดินไปยังสามแยกหน้าอู่ทองใน โดยมีสื่อมวลชนตามบันทึกภาพตลอด อย่างไรก็ตามระหว่างที่หญิงคนดังกล่าวออกจากการชุมนุม ก็ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงวิ่งไล่ตาม และตะโกนด่าทอตลอดเส้นทาง รวมทั้งยังได้ต่อย 1 หมัด และฉุดกระชากอีกด้วย จากนั้นในเวลา 12.00 น. ได้มีการปิดการจราจรถนนบริเวณหน้ารัฐสภาตลอดเส้นทาง ซึ่งส่งผลให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัดเป็นอย่างมาก ส่วนบริเวณรั้วรัฐสภาด้านใน กองกำลังตำรวจพร้อมบังเกอร์ได้ยืนเรียงแถวหน้ากระดานตลอดแนวรั้วหน้ารัฐสภาเตรียมพร้อมรับมือผู้ชุมนุม
ยื่นถอดถอน 5 ตลก.
จากนั้นเวลา 14.00 กลุ่ม กวป. ได้ยื่นหนังสือจำนวน 2 ฉบับต่อนายสุรชัย โดยฉบับแรกเป็นจดหมายเปิดผนึกสนับสนุนการกระทำของ ส.ส. และ ส.ว.จำนวน 312 คน ในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ซึ่งเห็นว่าเป็นการใช้อำนาจโดยชอบแล้ว จึงขอชื่นชม สนับสนุน และขอให้สมาชิกรัฐสภามีความมั่นคงในจุดยืน และขอวิงวอนสมาชิกรัฐสภาคนอื่นที่ยังไม่ได้ร่วมลงชื่อ ให้ลงชื่อสนับสนุนด้วย เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จไปได้ ส่วนหนังสือฉบับที่ 2 เป็นหนังสือแสดงเจตจำนงเป็นผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งให้ได้ไม่น้อยกว่า 20,000 รายชื่อ เพื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 5 คน ได้แก่ นายจรัญ ภักดีธนากุล นายสุพจน์ ไข่มุกด์ นายจรูญ อินทจาร นายนุรักษ์ มาประณีต นายเฉลิมพล เอกอุรุ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 271 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และการขาดจริยธรรม ซึ่งขณะนี้มีผู้ร่วมเข้าชื่อแล้วกว่า 50,000 คน ซึ่งภายใน 15 วัน จะคัดกรองและนำมายื่นต่อประธานวุฒิสภาเพื่อเข้าขบวนการถอดถอนต่อไป ส่วนการชุมนุมจะยุติเลยหรือไม่นั้น ขอรอคุยกับบรรดาแกนนำจากจังหวัดต่างๆ ก่อนว่าจะเอาอย่างไรต่อไป เพราะแกนนำแต่ละจังหวัดจะต้องไปเปิดเวทีเคลื่อนไหวในแต่ละจังหวัดด้วย จึงขอหารือกับบรรดาแกนนำก่อน ขณะนี้ถือว่าทางกลุ่มได้ดำเนินการตามกระบวนการของวุฒิสภาแล้ว หลังจากนี้คงจะดำเนินการยื่นหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบจริยธรรมของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
เสียงอ่อยยุติชุมนุมเที่ยงคืน
ต่อมาเวลา 14.30 น. แกนนำ กวป. ได้มายื่นจดหมายเปิดผนึกสนับสนุนการกระทำของ ส.ส. และ ส.ว.จำนวน 312 คน ในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราต่อนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และให้กำลังในการปฏิบัติหน้าที่ของนายเจริญ โดยนายเจริญ ได้กล่าวกับแกนนำว่า ขณะนี้สังคมมีความกังวลในเรื่องสถานการณ์การชุมนุม ขอร้องให้ยุติการชุมนุมได้แล้ว ขณะนี้อากาศร้อน สภาก็ร้อน อย่าให้ร้อนไปมากกว่านี้เลย อย่างไรก็ตามแกนนำระบุว่า หลังจากนี้จะเดินทางไปยื่นหนังสือฉบับเดียวกันต่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และในเวลา 17.00 น. จะเดินทางกลับไปรวมตัวกับผู้ชุมนุมที่ปักหลักอยู่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อหารือและกำหนดท่าที ซึ่งคาดว่าภายในเวลา 24.00 น. ก็จะยุติการชุมนุมได้ จากนั้นเวลา 15.30 น. ที่หน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่ม กวป. ได้เคลื่อนขบวนจากรัฐสภา ถ.อู่ทองใน มายังทำเนียบรัฐบาล ถ.พิษณุโลก เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีนายสมภาชน์ นิลพันธ์ ผู้ช่วยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนในการรับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว หลังจากนั้นกลุ่ม กวป.ได้เคลื่อนขบวนไปยังฐานที่ตั้งบริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
คนไทยรักชาติฯ ปักหลักไล่รัฐบาล
ขณะเดียวกัน ที่ท้องสนามหลวง กลุ่มคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน นำโดย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำ ในฐานะโฆษกเครือข่ายภาคประชาชนไทย แถลงว่า ขอบคุณที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม. ที่มาพูดคุยก่อนหน้านี้ ซึ่งทางกลุ่มได้นำข้อเสนอของ กทม.กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระราชวัง มาพิจารณาและประเมินจากเหตุผลทุกฝ่าย ก็มีมติว่าจะชุมนุมอยู่ที่นี้ต่อไป จนกว่าจะเสร็จภารกิจให้รัฐบาลลาออก โดยเชื่อว่าในสุดสัปดาห์นี้จะมีแนวร่วมมาชุมนุมร่วม 1 แสนคน ส่วนเป้าหมายการชุมนุม จะให้มีการล่ารายชื่อ 5 ล้านคน ขณะนี้ได้ชื่อแล้ว 1.6 ล้านคน เพื่อเตรียมยื่นถึงเลขาธิการสหประชาชาติ ตุลาการศาลโลก และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ก่อนศาลโลกมีคำพิพากษา นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะให้มีการยื่นฟ้องต่อศาลโดยผ่านอัยการอย่างเดียว รวมถึงมีบางกลุ่มต้องการโค่นล้มศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งแนวร่วมก็ไม่เห็นด้วยจึงต้องมีการปกป้องการทำหน้าที่ ขณะที่วันพืชมงคล วันที่ 13 พฤษภาคม การชุมนุมอาจจะต้องปรับให้เหมาะสมตามสถานการณ์ แต่วันพืชมงคลเป็นพระราชพิธีของเกษตรกร ซึ่งแนวร่วมการชุมนุมก็เป็นเกษตรกรมาจำนวนมากทำให้เราไปไหนไม่ได้จึงอาจจะอยู่ร่วมพิธี ซึ่งในสมัยตนเคยเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ก็ทราบว่ามีระเบียบสามารถยกเว้นการใช้สนามหลวง ที่ให้ผู้ว่าฯ กทม. หรือรองผู้ว่าฯ กทม.ที่รับผิดชอบมีอำนาจยกเว้นได้ เราจะอยู่จนกว่ารัฐบาลจะไป ไปเมื่อไหร่กลับบ้านเมื่อนั้น และการชุมนุมจะไม่มีการเคลื่อนไปศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเคารพในสิทธิของคนอื่น ถ้าไปจะยกพวกไปตีกัน และจะเข้าทางบางกลุ่มต้องการให้เกิดจลาจลเพื่อเกิดรัฐประหาร ดังนั้นเราจะอยู่ที่นี้เพื่อแสดงเจตนารมณ์ เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลจะยึดถือเจตนารมณ์ประชาชนเป็นที่ตั้ง หรือยึดถือเจตนารมณ์นักโทษเป็นที่ตั้ง
“มาร์ค” ปลอบ ตลก.หนักแน่น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่แปลกใจที่กลุ่มคนเสื้อแดงหน้าศาลรัฐธรรมนูญพุ่งเป้าโจมตีนายจรัญ ภักดีธนากุล เป็นพิเศษ เนื่องจากที่ผ่านมามีการปลุกกระแสจากแกนนำมาโดยตลอด ซึ่งตนก็หวังว่านายจรัญจะมีความหนักแน่น ทำงานตามปกติ โดยสังคมต้องช่วยกันปกป้องให้ตุลาการทำหน้าที่ของตัวเองได้ตามปกติด้วย เพราะมีความพยายามที่จะบีบให้ตุลาการเป็นคู่กรณีเพื่อหวังผลให้มีการถอนตัวจากการเป็นองค์คณะ เหมือนที่เคยทำในช่วงที่มีศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยพยายามที่จะลากใครก็ตามที่เขาเห็นว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้มาอยู่ข้างตัวเองได้ ให้กลายเป็นเรื่องของความขัดแย้งแทน และหวังว่าจะไม่มีผลกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคำร้องว่า 312 ส.ส.และ ส.ว.กระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 โดยเชื่อว่าศาลจะพิจารณาอย่างเที่ยงตรง ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด ทั้งนี้หากกลุ่มคนเสื้อแดงเห็นว่าตุลาการฯ ทำผิดเข้าเงื่อนไขที่จะยื่นถอดถอนก็สามารถทำได้ ดีกว่าใช้วิธีการข่มขู่ คุกคาม หรือใช้วิธีนอกกฎหมาย แต่ก็ต้องใช้สิทธิโดยสุจริต มีข้อเท็จจริงที่รองรับ เพราะการถอดถอนไม่ใช่ว่าแค่ไม่ชอบใจใครก็ทำได้แต่ต้องมีพฤติกรรมเข้าข่ายตามรัฐธรรมนูญด้วย
ปชป.อัดแผนดิสเครดิสศาล
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่คนเสื้อแดงกดดันศาลรัฐธรรมนูญให้ลาออกจากตำแหน่ง ชัดเจนว่าเป็นความพยายามที่จะยกระดับและขยายผลที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันศาล โดยบิดเบือนใส่ร้ายศาลว่ามีที่มาไม่ชอบต่างๆ นานๆ ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้มีที่มาถูกต้องผ่านการโปรดเกล้าฯ ตามกรอบกฎหมายทุกอย่าง คือทำทุกอย่างเพื่อลดความน่าเชื่อถือของระบบศาล การชุมนุมโดยอ้างว่าที่มาของศาลไม่ยึดโยงกับประชาชน ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะมีเป้าหมายเพื่อทำลายศาล เริ่มจากศาลรัฐธรรมนูญ ต่อไปคือศาลปกครอง และผู้พิพากษาศาล เพราะที่ผ่านมา สามอำนาจหลังของระบบการปกครองไทยคือ บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ต่างตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจระหว่างกัน แต่บังเอิญประเทศไทย นักการเมืองมันทุจริตคอรัปชั่นเก่งมาก ฝ่ายบริหารกับนิติบัญญัติ ซึ่งยึดโยงมีที่มาเกื้อกูลกัน ก็หันมาใช้อำนาจเอื้อแก่กันและกัน จนมีการปฏิรูปการเมือง มีการตั้งองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐมากขึ้น วันนี้เห็นแล้วว่าทั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ป.ป.ช. และผู้ตรวจการแผ่นดินต่างๆ เป็นก้างขวางคอ จึงต้องจัดการกับองค์กรเหล่านี้ ซึ่งนับเป็นการใส่เกียร์ 5 ถอยหลังลงคลองของการเมืองไทย เพราะในการปฏิวัติรัฐประหารทุกครั้ง คณะผู้ก่อการจะล้มล้างแค่อำนาจฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ไม่เคยก้าวล่วงล้มอำนาจศาลหรือระบบตุลาการเลย เพราะเหตุผลเพื่อให้ศาลรักษาความสงบในสังคมในชาติบ้านเมือง แต่ครั้งนี้เขารุกที่ระบบศาลเป็นหลัก เพื่อรวบอำนาจศาล โดยให้ประธานสภาทำหน้าที่เป็นประธานในการคัดเลือกบุคลากรที่จะมาเป็นตุลาการ ผู้พิพากษาในศาลสำคัญต่างๆ
ฉะยุคฮิตเลอร์ครองเมือง
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวผมมองว่าวันนี้องค์กรศาล องค์กรที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดควรที่จะต้องชำเลืองมองดูเหตุการณ์ความเป็นไปในสังคมนี้เพราะมันจะค่อยๆ ลุกลามไปทีละองค์กร เพราะเมื่อเขารวบอำนาจสามารถล้วงลูกเข้ามาสู่ระบบศาลได้ โดยใช้คำเดิมๆ คือ ที่มาไม่ยึดโยงกับระบบประชาธิปไตย ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เพื่อเปิดทางให้สภาสามารถเลือกผู้พิพากษาศาลต่างๆ วันนี้เขาประกาศชนกับเสาหลักคือศาล เพราะบอกสังคมนี้ว่า ศาลที่มีอยู่ไม่ดีต้องสร้างระบบใหม่โดยการแต่งตั้งศาลเอง ผู้พิพากษาเอง ที่สุดมันก็รวบอำนาจเหมือนยุคฮิตเลอร์ครองเมืองเรืองอำนาจ โดยมีกองกำลังของตัวเองปกครองด้วยความน่ากลัว ข่มขู่ คุกคามต่างๆ ครั้งนี้มันรุนแรง ยิ่งใหญ่ในการรวบอำนาจศาลเพื่อก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบใหม่คือการปกครองเบ็ดเสร็จแบบประธานาธิบดี ดังนั้นเพื่อเป็นการผดุงรักษาระบบคุณธรรม หรือรักษาอำนาจนิติธรรมของผู้ใช้อำนาจนี้ ตุลาการศาลหรือผู้พิพากษาศาลในศาลต่างๆ ควรต้องจับมือ คนในศาลต้องไปแจ้งความรักษาสิทธิ์ ข้าราชการ ตำรวจต้องทำหน้าที่ ไม่ใช่นิ่งเฉยเมื่อผู้พิพากษาไปแจ้งความ เพราะเป็นด่านสุดท้ายที่จะรักษาความเป็นธรรมในสังคมนี้ได้ ไม่เช่นนั้น หากศาลถูกเปลี่ยนแปลงไปมันจะวุ่นวายจากการถูกแทรกแซง จึงไม่แปลกที่มีการระดมคนมากดดันศาล ที่กล้าประกาศต้องเกินแสน มีท้าทายไม่ถึงแสนยุติ เพราะได้คนในรัฐบาลให้ท้าย และรู้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ลืมง่าย ขี้สงสาร ตกอยู่ในความหวาดกลัว และเป็นไทยเฉย ไม่ใส่ใจสังคม เหมือนคำกล่าวที่ว่า สังคมจะไม่วิบัติเพราะคนชั่ว แต่จะวิบัติเพราะคนดีอยู่เฉย ที่อัลเบิร์ต ไอสไตล์ พูดไว้ นี่เป็นของจริง
มือดีแฮกเว็บไซต์สำนักนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. เว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรี http://www.opm.go.th/opminter/mainframe.asp ถูกมือดีแฮกเข้าไปเปลี่ยนชื่อในหน้าของรายชื่อคณะรัฐมนตรี โดยแฮกเกอร์ เปลี่ยนชื่อและตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็น I m a slutty moron (ปัญญาอ่อน) พร้อมข้อความระบุด้านล่างรูปนายกฯ ว่า I know that I am the worst Prime Minister ever in Thailand history!!! (ฉันรู้ว่าฉันเป็นนายกรัฐมนตรีที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย) Unlimited Hack Team!!! ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่เว็บสำนักนายกรัฐมนตรีโดนแฮกประมาณ 10-15 นาที ซึ่งขณะนี้กลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว
“อนุดิษฐ์” เต้นสั่งสอบด่วน
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือกระทรวง ไอซีที กล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงไอซีทีเข้าตรวจสอบโดยทันที เบื้องต้นต้องรอผลการตรวจสอบอัตลักษณ์อาชญากรรมบนระบบคอมพิวเตอร์ก่อน จึงจะสามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ทั่วโลกประสบปัญหาดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งเราได้มีการวางระบบป้องกันไว้ แต่ก็ต้องมีการปรับปรุงและแก้ไขให้มีความปลอดภัย ทั้งนี้ เห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นผลมาจากการแถลงข่าวเรื่องการดูแลการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์เมื่อวานนี้ของกระทรวงไอซีที เพราะการแถลงมีเนื้อหาที่ทำความเข้าใจถึงสิทธิของประชาชนในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานขอรัฐบาลไม่ใช่การปิดกั้น อย่างไรก็ตาม ต้องรอเจ้าหน้าที่ประเมินเบื้องต้นก่อนว่าต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเท่าใด
“ไอซีที” แนะสำนักนายกฯ แจ้งความ
นายณัฐ พยงค์ศรี นักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า ตามขั้นตอนแล้ว ศูนย์เทคโนโลยีของสำนักนายกฯ ต้องแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ และเก็บข้อมูลการเข้าใช้งาน เจ้าหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบ และส่งเรื่องมาที่กระทรวงไอซีที ซึ่งขณะนี้ไอซีทียังไม่สามารถสรุปว่าใครเป็นผู้กระทำได้ ต้องรอตรวจสอบข้อมูลก่อน
รัฐบาลประณามแฮกเกอร์ป่วน
ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอประณามการกระทำของพวกขี้ขลาดที่เข้ามาก่อกวนเว็บไซต์ของสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ คนที่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นของตัวเองอย่างสง่าผ่าเผย ได้แต่ลอบกัด แล้วก็วิ่งหนีไปนั้น ก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์เดรัจฉาน ทั้งนี้ เป็นเรื่องน่าสลดใจ ที่คนบางกลุ่มใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ไม่สร้างสรรค์ และใช้เป็นเครื่องมือทำลายผู้อื่น สะท้อนให้เห็นว่า บางทีเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ก็ไม่สามารถยกระดับจิตใจของผู้ใช้อุปกรณ์เหล่านั้นให้สูงขึ้นได้ อาจกล่าวได้ว่า เทคโนโลยีสูง แต่จิตใจต่ำ ก็เหมือนเอาเทคโนโลยีไปวางไว้บนมือของสัตว์เดรัจฉาน มันจึงเอาไปใช้งานไม่ถูกวิธี ทั้งนี้ การจับกุมบุคคลเหล่านี้สามารถกระทำได้ไม่ยาก แต่เชื่อว่า จะมีนักฉวยโอกาสทางเมือง ถือโอกาสหยิบยกเรื่องนี้มาโจมตีรัฐบาลอีกว่าคุกคามเสรีภาพของประชาชน ทั้งๆ ที่ ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนหลายครั้งแล้ว ว่า รัฐบาลเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน แต่ขอให้เป็นการแสดงออกที่อยู่ในกรอบของกฎหมายและไม่ละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ทั้งนี้ หากมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ต้องคุ้มครองสิทธิของคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือชาวนา ย่อมต้องได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน
วอนผู้คิดต่างใช้สติ
น.พ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ศูนย์ข้อมูลของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการปิดเว็บไซต์ดังกล่าวชั่วคราวแล้ว และประสานให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เข้ามาตรวจสอบและดำเนินการแก้ไข การเข้ามาเจาะข้อมูลในระบบเว็บไซต์ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการ ทั้งนี้การใช้ถ้อยคำไม่สุภาพที่จะนำสังคมไปสู่การใช้กำลังและความรุนแรงมากกว่าเหตุผล รวมทั้งจะส่งผลให้เด็กเยาวชนจดจำนำไปใช้เป็นตัวอย่างในการปฏิบัติได้ จึงขอเรียกร้องให้ทุกคนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันใช้สติ และหยุดใช้ความรุนแรง ความก้าวร้าว ทั้งทางกายและวาจา และหันมาช่วยกันแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ พร้อมกันนี้จะนำเรื่องนี้รายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบต่อไป
“มาร์ค” เชื่อโต้กลับไอซีทีขู่ปิดเว็บ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่มีการแฮ็กเว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรี คงเป็นปฏิกิริยาตอบโต้กระทรวงไอซีทีที่ก่อนหน้านี้มีการขู่ว่าจะปิดเว็บไซต์วิจารณ์นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องดูแลกฎหมาย ซึ่งตนก็มีความกังวลว่า หากรัฐบาลไปเพิ่มความอึดอัดในสังคมจะไม่เป็นผลดี เพราะเงื่อนไขการสร้างความอึดอัดมาจากผู้มีอำนาจและผู้สนับสนุนรัฐบาล เนื่องจากหากนำปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้งก็คงไม่มีปัญหาทางการเมือง แต่รัฐบาลไปเริ่มต้นสร้างความอึดอัดและความขัดแย้งในสังคมขึ้นมา โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ย้อนกลับสู่ภาวะที่ฝ่ายบริหารพยายามรวบอำนาจและจะเกิดปฏิกิริยาทางสังคมตามมาจนเกิดความขัดแย้ง ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดขึ้นเพราะอยากให้ประเทศเดินหน้า เพื่อรัฐบาลจะได้แก้ปัญหาให้กับประชาชน โดยเฉพาะกรณีกลุ่มพีมูฟที่ไปชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้รัฐบาลเร่งรัดเดินหน้าเรื่องโฉนดชุมชนและธนาคารที่ดิน ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลเพียงแค่สานต่อในสิ่งที่มีการดำเนินการไว้แล้วเท่านั้น แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการ อย่างไรก็ตามคงคาดหวังให้รัฐบาลทบทวนพฤติกรรมได้ยาก เนื่องจากมีการถลำลึกมากขึ้น แม้แต่ นายกฯ ซึ่งเดิมเคยสงวนท่าทีมาตลอดกลับยุยงส่งเสริมเสียเอง ก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมา ที่ผ่านมามีคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีไปกดดันสื่อต่างประเทศไม่ให้สัมภาษณ์ตนเองจริง และกำลังดูว่าในที่สุดแล้วสื่อฉบับนั้นมีการดำเนินการอย่างไร ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นตัวฟ้องว่า ที่ปากพร่ำพูดเรื่องประชาธิปไตยนั้น เอาเข้าจริงกลับไม่ยอมรับความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ทั้งนี้ในสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เคยปิดกั้นสื่อแต่ให้เสนอความเห็นทั้งสองด้าน
“Unlimitid Hack Team” ปัดป่วน
ขณะที่ เฟซบุ๊ค Unlimitid Hack Team ได้โพสต์ข้อความในหน้าเพจ ปฏิเสธกระทำดังกล่าวว่าไม่ใช่ฝีมือตนเอง โดยระบุว่ามีหลายคนถามเข้ามาทางข้อความ และมีหลายแฟนเพจแชร์ข่าวนี้พร้อมบรรยายว่าเป็นการกระทำของ Unlimited Hack Team ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีสมาชิกคนใดของ Unlimited Hack Team เป็นคนเข้าไปแฮ็กเว็บไซต์สำนักนายกฯ ผมจึงอยากออกมาประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า Unlimited Hack Team ไม่ได้เข้าไปก่อกวนเว็บไซต์สำนักนายกฯ และที่มีข้อความขึ้นว่า Unlimited hack Team อยู่ด้วย อาจเป็นเพราะมีแฮกเกอร์บางท่านหรือบางกลุ่มมีความคิดที่จะโยนความผิดมาให้ Unlimited Hack Team ซึ่งทุกๆ ครั้งหากเราได้แฮ็กเว็บไซต์ใด เราก็จะออกมายอมรับการกระทำของเรา แต่ครั้งนี้ขอให้ทุกท่านรอเวลาที่ตำรวจจับผู้กระทำความผิดตัวจริงมาลงโทษ แล้วท่านจะได้รู้ว่าใครเป็นคนทำ
“ปชป.” อัดรัฐให้ท้ายม็อบแดง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มวิ กวป. ที่เคลื่อนไหวสร้างความเดือนร้อนให้ประชาชนที่สัญจรไปมา จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้ารัฐบาลไม่ให้การสนับสนุน หรือแกล้งหลิ่วตาว่ามีการทำผิดกฎหมาย กดดันองค์กรตุลาการ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นแห่งเดียวในโลกที่มีม็อบสนับสนุนรัฐบาล เคลื่อนไหวกดดันการทำงานของหน่วยงานต่างๆ โดยรัฐบาลส่งเสริมให้ท้าย ในขณะที่ประเทศอื่นๆ มีแต่ม็อบที่ไม่เห็นด้วยไม่พอใจกับการทำงานของรัฐบาล จึงไม่รู้ว่าวันนี้รัฐบาลต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ความสงบ สันติ มั่งคง หรือต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ความขัดแย้ง? น่าแปลกใจที่ม็อบ กวป. ไม่มีการสกัดกั้นเหมือนกับ ม็อบ เสธ.อ้าย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ซึ่งไม่เคยประกาศข่มขู่คุกคามกดดันจับตัวศาลรัฐธรรมนูญ ยังมีการใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ ตั้งด่านสกัดทั่วไปหมด อีกทั้งรัฐบาลกลับไม่สนใจกลุ่มผู้ชุมนุมที่เดือดร้อนจริงๆ ซึ่งมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็น กลุ่ม พีมูฟที่เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาที่ทำกิน โฉนดชุมชน ธนาคารที่ดิน ภาษีทรัพย์สินที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่รัฐบาลประชาธิปัตย์เคยเสนอไว้ก่อนหน้านี้ แต่รัฐบาลกลับไม่สานต่อเพราะเป็นนโยบายของประชาธิปัตย์ ยังไม่รวมกับความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์มที่ราคาตกต่ำ ซึ่งรัฐบาลสนใจแต่เรื่องเกมการเมืองล้างผิด แก้รัฐธรรมนูญ มากว่าแก้ปัญหาความเดือนร้อนประชาชน
รัฐบาลเมินแถลงการณ์ ปชป.
ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแถลงการณ์ตอบโต้ปาฐกถานายกฯ ที่มองโกเลียว่า รัฐบาลไม่มีปัญหา พรรคประชาธิปัตย์จะออกแถลงการณ์ถึงใคร แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่าลืมเขียนว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลเพราะการปฏิวัติ ได้ตั้งคนที่เป็นแกนนำยึดสนามบินเป็น รมว.ต่างประเทศ สั่งทหารสลายการชุมนุม ใช้กระสุนจริงยิงประชาชน จนมีผู้เสียชีวิต และทำไมไม่กล้าไปเกณฑ์ทหาร ใช้หลักฐานปลอมสมัครเข้ารับราชการ ส่วนการแสดงความคิดเห็นของประชาชนต่อปาฐกถานายกฯ ผ่านทางโซลเชียลเน็ตเวิร์ก รัฐบาลเคารพทุกความคิดเห็น แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิคนอื่น
เย้ย ปชป. แผ่นเสียงตกร่อง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำเพื่อคนๆ เดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า พรรคประชาธิปัตย์กล้าพูดว่าพรรคของคนยากไร้คือพรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคที่ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองคือพรรคเพื่อไทย วาทกรรมแบบนี้ยิ่งกว่าแผ่นเสียงแบบครั่งตกร่อง จนคลั่งออกมาวิจารณ์ ประชาชนไม่ควรสนใจหรือให้ราคา วันหนึ่งบอกว่าพรรคเพื่อไทยทำแต่นโยบายประชานิยม วันนี้บอกไม่ใส่ใจประชาชน ทุกนโยบายทำเพื่อประชาชน เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ซึ่งล้วนแต่ทำเสร็จตามสัญญา พรรคประชาธิปัตย์ไปอยู่ที่ไหนมาจึงไม่รู้เรื่อง ถ้าบอกว่าพรรคของคนยากไร้คือพรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่ทราบว่ารวมเรื่องแจก ส.ป.ก.4-01 ให้เศรษฐี ออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ขายทรัพย์สิน ปรส. ขาดทุน 800,000 ล้านบาทให้แก่ต่างชาติ โดยออกระเบียบไม่ให้เจ้าของคนไทยซื้อ ทุจริตครุภัณฑ์อาชีวศึกษา 5,300 ล้านบาท สร้างโรงพักร้างได้แต่เสา 396 แห่งด้วยหรือไม่ ประชาชนเขารู้ดีว่าพรรคของคนยากไร้ของจริงคือ พรรคเพื่อไทยเท่านั้น ส่วนพรรคไหนเป็นพรรคอำมาตย์ รับประโยชน์จากเผด็จการทหาร ก้าวไม่ข้าม คิดไม่ทัน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ไปถาม นายอลงกรณ์ พลบุตร จะรู้ดีที่สุด
ปชป. ไม่หวั่นถูกฟ้อง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปฏิกิริยาพรรคเพื่อไทย หลังจากพรรคประชาธิปัตย์ทำแถลงการณ์ชี้แจงต่างประเทศ กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาที่ประเทศมองโกเลีย ว่า จากท่าทีของคนในรัฐบาล ทั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้ง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยที่มีความเป็นเดือดเป็นร้อนกับการออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงของพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนกับว่าแถลงการณ์ดังกล่าวจี้ใจดำ ที่จะมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงที่คนในโลกยังไม่รู้ธาตุแท้ของคนอย่างนายณัฐวุฒิ ที่นอกจากจะเป็น รมช.พาณิชย์แล้วยังเป็นผู้ต้องหาในคดีก่อการร้าย ที่พยายามร้องขอการล้างผิด ตนจึงไม่แปลกใจที่คนในรัฐบาลร้อนรนในการออกแถลงการณ์ดังกล่าว เพราะบางคนมีชนักปักหลัง ยืนยันว่าทุกถ้อยคำในแถลงการณ์ที่พรรคทำนั้นเป็นความจริงทั้งหมด ซึ่งพวกเราพร้อมรับผิดชอบ ไม่ต้องขู่จะฟ้องหรือการดำเนินคดี เพราะพร้อมพิสูจน์ข้อเท็จจริงทุกกรณี โดยไม่มีการขอกฎหมายล้างผิด นิรโทษกรรม จึงขอย้ำว่าพวกตนพูดความจริงคนในรัฐบาลไม่ต้องกลัว เพราะทีนายกฯ พูดความเท็จที่มองโกเลียพวกตนยังไม่กลัวเลย
วันที่ 8/05/2556 เวลา 23:02 น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น