วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เมื่อ “ปู” หาเรื่องก็ต้องยอมรับสภาพ อนาคตจะโดนหนักกว่านี้อีก!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 พฤษภาคม 2556 07:56 น.

เมื่อ “ปู” หาเรื่องก็ต้องยอมรับสภาพ อนาคตจะโดนหนักกว่านี้อีก!!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์10 พฤษภาคม 2556 07:56 น.


ผ่าประเด็นร้อน 
       
       เรียกว่ากำลังดิ้นกันพล่านก็ว่าได้สำหรับคนในครอบครัวชินวัตร หลังจากถูก “มือป่วน” แฮกข้อมูลเจาะเข้าไปในเว็บสำนักนายกรัฐมนตรีทำการเปลี่ยนรูปเขียนข้อความเหยียดหยามนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนเห็นภาพลักษณ์กระหึ่มไปทั้งโลกออนไลน์ และขยายออกมาทางสื่อสิ่งพิมพ์แทบทุกสำนัก ทำให้ทุกสายตาในสังคมจับจ้องมาที่ตัวเธออย่างที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
       
       ที่ผ่านมาหากพิจารณาจากปรากฏการณ์ตลอดเวลาเกือบสองปีที่ ยิ่งลักษณ์ ถูกผลักดันจากพี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร ให้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ภาพของเธอ ที่ส่วนใหญ่จะติดตาและถูกสื่อแซวในเรื่องการการแต่งตัวเฉิดฉายสวยงามไปวันๆแบบที่ว่าใส่ชุดไม่เคยซ้ำกันเลย หรือการบริหาร “แบบลอยตัว” ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะเมื่อถูกถามเรื่องปัญหาเศรษฐกิจก็บอกว่าได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว มีปัญหาเรื่อง จำนำข้าวก็โบ้ยว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดูแลอย่าง “บูรณาการ” ปัญหาชายแดนใต้ก็มอบหมายให้ ร้องนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ดูแลเข้มงวด ส่วนเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นหน้าที่ของสภา เป็นมติเสียงข้างมากตามระบอบประชาธิปไตย
       
       ส่วนคนเสื้อแดงออกมาข่มขู่คุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นสิทธิของประชาชน หากชุมนุมตามกรอบของกฎหมายก็ไม่มีปัญหาอะไร รัฐบาล และ พี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จากนั้นภาพข่าวก็ตัดไปที่พิธีเปิดงานอะไรสักอย่างที่จัดโดยหน่วยงานราชการ โดยมีนายกรัฐมนตรีไปเป็นประธานตัดริบบิ้นและอ่านสุนทรพจน์ตามที่มีคนเขียนเอาไว้ให้เสร็จสรรพ มีบรรยากาศสดใสร่าเริง มีช่างภาพถ่ายรูปแสงวูบวาบ เป็นแบบนั้นมานาน
       
       แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีคนในสังคมไม่น้อยได้สังเกตเห็นอาการจากคำพูด และท่าทางของเธอที่แสดงออกมาทำให้รับรู้จนตั้งข้อสงสัยว่า “เธอไม่ฉลาด” หรือ “ไม่มีความรู้รอบตัว” หลังจากมีคำหลุดออกมาหลายครั้ง เริ่มจาก “หญ้าแพรก” มาถึงเรือดันน้ำ จังหวัดหาดใหญ่ รวมถึงข่าวลือที่พวกปากหอยปากปูนำไปพูดนินทากันปากต่อปากเรื่องที่ไปอ่านคำว่าคอนกรีตเป็น “คอ-นก-รีต” หรือแม้แต่ภาพที่โพสต์ล้อเลียนกันในโลกออนไลน์ที่เธอ “แอบอ่านโพย” ขณะที่สนทนากับ “อองซานซูจี” ของพม่า 
       
       นั่นเป็นความเข้าใจและได้เห็นท่าทางของนายกรัฐมนตรี ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแบบตลกขบขัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มเคยชิน อีกทั้งตัวเธอก็นิ่งเฉยไม่ตอบโต้ทำให้สังคมเริ่มเฉยๆ ไม่ได้ถือสาหาความมากนัก เพราะรับรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นผู้นำรัฐบาลแต่ในนามเท่านั้น มีคนชักใยสั่งการอยู่เบื้องหลังทุกเรื่องคือ ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง แม้ว่าที่ผ่านมาจะพยายามแสดงให้เห็นว่าเป็นนายกฯตัวจริง มีอำนาจเต็ม แต่จะมีใครกี่คนที่เชื่อ เพราะเวลาจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี หรือก่อนและหลังการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญมักจะได้ข่าวหรือได้เห็น นักการเมืองและข้าราชการแย่งกันไปขอพบ ทักษิณ ในต่างประเทศอยู่ทุกครั้ง
       
       อย่างไรก็ดีความรู้สึกที่เคยเฉยชา ไม่เคยเอาเรื่องเอาราวกับ นายกฯคนนี้ นั่นคืออารมณ์ที่อาจจะเรียกว่า “มีเหมือนไม่มี” ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไร กำลังเปลี่ยนไปแบบหักมุมฉับพลัน หลังจากที่เธอไปกล่าวสุนทรพจน์ที่ประเทศมองโกเลีย ที่บอกว่า “ครอบครัวชินวัตร” ถูกรังแก จากพวกเผด็จการ เป็นการนำปัญหาของชาติไปบิดเบือน เป็นการนำเรื่องส่วนตัวมากล่าวยกยอเหนือปัญหาส่วนรวม และที่สำคัญเป็นการพูดที่ไม่ถูกาละเทศะ เป็นการทำร้ายบ้านเมืองของตัวเอง จนทำให้ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงถึงขั้น “ขายชาติ” กันเลยทีเดียว
       
       เพราะถูกมองว่า ถ้อยคำในสุนทรพจน์ดังกล่าว ไม่น่าจะเกิดจากความคิดและความเข้าใจของเธอเอง เพียงแต่มีคนเขียนใส่มือส่งมาให้อ่าน อันเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ “โลกล้อมประเทศ” ตีโอบเข้ามาจากภายนอก เป็นความเคลื่อนไหวที่ตีกระหน่ำเข้ามาจากภายนอกพร้อมกันกับความเคลื่อนไหวภายในที่กำลังรุกหนักในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อรองรับ ทักษิณ ชินวัตร กลับมามีอำนาจ และลบล้างความผิดให้กับเขา หากทำสำเร็จ
       
       ขณะเดียวกันเพื่อความชัวร์กว่าเดิมก็ผลักดันให้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม และพระราชบัญญัติปรองดอง ก็มีเป้าหมายเดียวกันคือ ให้ ทักษิณ พ้นจากความผิดไปด้วย 
       
       แต่อาจเป็นเพราะเวลาผ่านไปนานเกินไป หลังจากชาวบ้านได้เห็นฝีมือการบริหาร และได้เห็นระดับสติปัญญาของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และบรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ได้เห็นพฤติกรรมของคนเสื้อแดง ที่ล่าสุดไม่ต่างจากพวกกุ๊ย ที่ด่าทอตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ได้รับแรงสะท้อนกลับไปอย่างรุนแรง ทำให้ชาวบ้านได้เห็นธาตุแท้มากขึ้น ได้เห็นถึงความเห็นแก่ตัว ความเอาเปรียบของคนในครอบครัวชินวัตรมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่มีคนมาร่วมขับไล่ศาลฯเพียงแค่หยิบมือ จนต้องม้วนเสื่อกลับบ้านในที่สุด
       
       ที่สำคัญที่สุดก็คือ เวลานี้หากสังเกตให้ดีจะพบว่าทั้งรัฐบาล ทั้งนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวกำลังถูกสังคมในโลกออนไลน์วิจารณ์ในทางลบอย่างหนัก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าคนพวกนี้ล้วนเป็นคนยุคใหม่ที่มีพลัง มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ มีการแชร์ภาพ แชร์รูป คำพูดออกไปกันอย่างรวดเร็ว และแพร่หลายกว้างขวาง 
       
       มีการวิจารณ์แม้กระทั่งการเกี่ยวดองกันข้ามตระกูลข้ามประเทศระหว่างคนในครอบครัวชินวัตร นั่นคือลูกสาวของ สมชาย-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับนักการเมืองดังที่เป็นคนใกล้ชิดของ ฮุน เซน ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ขณะที่ไทยกำลังมีปัญหาพิพาทเรื่องพื้นที่ชายแดนกับกัมพูชา โดยเฉพาะเรื่องพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร แต่เมื่อมีคนของครอบครัวชินวัตรเข้าไปเกี่ยวดองกับฝ่ายตรงข้ามมันก็ช่วยไม่ได้ที่ทำให้คนไทยไม่น้อยเกิดความระแวงและเสียความรู้สึก
       
       แน่นอนว่าหลายเรื่องกำลังประดังเข้ามา และล้วนแล้วมีแต่เรื่องลบ น่าสงสัย ทั้งสิ้น ขณะเดียวกันเมื่อวกกลับมาที่นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต่อไปนี้จะไม่มีทางได้ลอยตัวแบบไร้เดียงสาอีกต่อไป เพราะหลังจากไปกล่าวสุนทรพจน์ที่มองโกเลียนำเอาเรื่องครอบครัวมาบิดเบือนให้เป็นปัญหาชาติ มันก็ยิ่งมีปฏิกิริยาสะท้อนกลับมาหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ และในอนาคตจะต้องโดนหนักกว่านี้อีก ขอให้เตรียมใจไว้ล่วงหน้าได้เลย แต่จะโทษใครได้ในเมื่อเธอกระโดดลงมาเอง ส่วนจะมีใครบังคับหรือไม่นั่นมันอีกเรื่องหนึ่ง!! 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น