วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ถล่มไอซีทีอัปยศ! ป้อง'ปู'ปล่อยเว็บหมิ่นเมินสถาบันลอยนวล เมื่อ 7 พ.ค.56



ถล่มไอซีทีอัปยศ! ป้อง'ปู'ปล่อยเว็บหมิ่นเมินสถาบันลอยนวล



"อนุดิษฐ์” หน้ามืดตามัว ประกาศลั่นโพสต์ด่านายกฯ ถือว่า "เป็นภัย” สั่งจัดการทันทีสำหรับผู้ใช้ชื่อจริง ส่วนนามแฝงจะตรวจสอบอีกครั้ง พร้อมเปิดสายด่วน 1212 บนเพจ ICT รับแจ้งเว็บไซต์ขัดต่อความมั่นคงและศีลธรรมตลอด 24 ชั่วโมง แต่ถูกถล่มยับเผด็จการ-สองมาตรฐาน ทีเว็บหมิ่นราชวงศ์ปล่อยลอยนวล บ่นเสียดายภาษีที่จ่ายให้รัฐทุกปี เหน็บปิดเว็บกระทรวงไอซีทีก่อนอันดับแรก ขณะที่ "มาร์ค” ตอก "ยิ่งลักษณ์” อ้างประชาธิปไตยแต่กลับจะเอาผิดคนวิจารณ์รัฐบาล อดีตแอร์คาเธ่ย์ฯ โพสต์สั่งสอนลูกทรราช อย่ามาแตะกระโปรงของฉัน
    การวิพากษ์วิจารณ์โจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีผ่านโซเซียลเน็ตเวิร์ก ได้สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง โดยล่าสุดเมื่อวันจันทร์  น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)  ยืนยันอีกครั้งในเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ว่า กระทรวงไอซีทีดำเนินการร่วมกับ สำนักป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ปท.), กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (ปอท.) ติดตามผู้โพสต์ข้อความลักษณะหมิ่นประมาท โดยหากใช้ชื่อจริงจะสามารถดำเนินการได้ทันที แต่หากใช้นามแฝงต้องตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงไอซีทีที่ต้องดำเนินการกับผู้กระทำความผิดทุกคน
       น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า การดำเนินการเอาผิดกับผู้โพสต์ข้อความหมิ่นประมาท ไม่ได้เป็นกรณีที่กระทรวงไอซีทีดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพราะที่ผ่านมากรณีที่เกี่ยวข้อง อาทิ เรื่องเว็บหมิ่นฯ, เรื่องพนัน และยาเสพติด ก็มีผลงานอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รับความสนใจเท่ากรณีนายกรัฐมนตรี   
     
    "การหมิ่นประมาทผู้อื่น โดยเฉพาะคนที่ถูกคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ พี่สาว น้องสาว อา หรือใครก็แล้วแต่ ย่อมได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามและเป็นภัย ต้องเอาผิดกับผู้กระทำ เพราะเป็นสิ่งไม่ถูกกฎหมาย ไม่ใช่เฉพาะกรณีของนายกฯ เท่านั้น แต่เรื่องของท่านนายกฯ เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจ” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า การเอาผิดกรณีวิพากษ์วิจารณ์นายกฯ รวดเร็วกว่ากรณีอื่นๆ หรือไม่ น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ไม่ปฏิเสธ เพราะนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นถึงระดับผู้นำของประเทศ และยังมีการใช้ข้อความดูหมิ่นดูแคลน ซึ่งกระทรวงไอซีทีมีหน้าที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว ในส่วนของประชาชนที่ได้รับความเสียหาย จากการโพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ในลักษณะหมิ่นประมาท สามารถแจ้งความดำเนินคดีและร้องเรียนมาที่กระทรวงไอซีทีได้เช่นกัน
    เขากล่าวด้วยว่า สำหรับโทษของการโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท ดูหมิ่น   ด่าว่าร้ายผู้อื่น ทำให้เกิดความเสียหายทางเว็บไซต์ จะเข้าข่ายมีความผิดข้อหาหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่ 326 มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
    วันเดียวกัน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้โพสต์เฟซบุ๊กบนเพจ "กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ICT” ว่า "เปิดสายด่วน 1212 รับแจ้งเว็บไซต์ที่ขัดต่อความมั่นคง วัฒนธรรม ศีลธรรม ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ e-mail : 1212@mict.mail.go.th”
    อย่างไรก็ตาม มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นโจมตีไอซีทีเป็นจำนวนมาก  เช่นผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Kraikron Settakraikun” ด่าว่า "เผด็จการ” นอกจากนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "GreenLa MaliMoon” ได้แสดงความเห็นโดยตั้งข้อสังเกตว่า "ทีเรื่องแค่นี้...ทำไมทำงานเร็วกันจัง ทีเว็บที่หมิ่นราชวงศ์...ยังลอยนวลอยู่เต็มโลกไซเบอร์ไปหมด...มิเห็นจะเต้นเท่านี้เลย...ท่านข้าราชการ..ทำงานให้คุ้มกับเงินภาษีที่ได้รับทุกเดือนด้วยเถิด...อย่าเลือกปฏิบัติ...เห็นแล้วเสียดายภาษีที่ต้องเสียให้รัฐทุกๆปี”
ออนไลน์ถล่มไอซีทียับ
    ขณะที่บางคน เช่นผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "พงศ์ศรันย์ พลศรีเลิศ” ได้แสดงความเห็นว่า  "โทร.ไป 1212 จะแจ้งให้ปิดเว็บและ Facebook ของ ICT นี่ก่อนเลย แจ้งแล้วก็ช่วยดำเนินการด่วนด้วยนะท่าน รมต.”
    นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์นายกฯ ได้ เนื่องจากเป็นบุคคลสาธารณะ แต่ไม่ควรจะวิพากษ์วิจารณ์โดยใช้ถ้อยคำหยาบคาย มาด่ามาว่าโดยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ ตนคิดว่าไม่ว่าใครก็ตาม ก็ไม่สมควรที่จะโดนด่าด้วยถ้อยคำแบบนั้นทั้งนั้น โดยเฉพาะคำที่ "ชัย ราชวัตร” ใช้นั้นไม่สมควรใช้อย่างยิ่ง 
    เมื่อถามว่า การที่ไอซีทีเตรียมเอาผิดเว็บไซต์ที่วิพากษ์วิจารณ์นายกฯ จะสวนทางกับที่นายกฯ ปาฐกถาพิเศษที่ประเทศมองโกเลีย เรียกร้องประชาธิปไตยให้ประชาชนใช้สิทธิ์ได้อย่างเต็มที่หรือไม่ นพ.ทศพรบอกว่า ยืนยันว่าทุกคนสามารถวิพากษ์วิจารณ์นายกฯ ได้ และการที่นายกฯ ดำเนินการฟ้องหมิ่นกับ "ชัย ราชวัตร” ไม่ใช่ไปฟ้องดำเนินคดีที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่ไปปาฐกถาพิเศษที่ประเทศมองโกเลีย เพราะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหตุและผลได้ แต่ที่ไปฟ้องเพราะมีการใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย ดูหมิ่นเหยียดหยาม ใครๆ ก็รับไม่ได้ ผู้หญิงทั้งโลกก็รับไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากให้ถ้อยคำรุนแรงเหล่านี้หลุดจากปากผู้ใหญ่อีก เพราะหากเด็กๆ เยาวชนนำไปจดจำและนำไปใช้จะเป็นอันตรายในเรื่องการใช้ภาษา ดังนั้น เราควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ จะดีกว่า
    อย่างไรก็ตาม ยังมีปฏิกิริยาแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ อาทิ นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์  ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kiat Sittheeamorn ระบุว่า "เห็น รมว.ไอซีทีขันแข็งเอาผิดกับเว็บไซต์วิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรี ก็อยากถามว่าแล้วเว็บไซต์ที่หมิ่นสถาบัน เว็บไซต์พรรคพวกรัฐบาลที่ใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายตรงข้าม  ทำไมไม่แอคทีฟอย่างนี้บ้าง อย่างนี้สองมาตรฐาน???"
    นายโสภณ องค์การณ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสและนักจัดรายการวิทยุ-โทรทัศน์เอเอสทีวี ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sopon Onkgara เช่นกันว่า "สัญญาณบอกเหตุว่ารัฐบาลนางโพยปูโพรกเน่าในใกล้จะถึงจุดจบเริ่มชัด หลากหลาย มีพฤติกรรมเป็นทรราช เช่น ICT จะปิดเว็บโพสต์ข้อความหมิ่นนายกฯ! แตะไม่ได้!
    นี่เป็นการเร่งไปถึงวันหายนะเร็วกว่าที่ควรจะเกิด! มีเว็บหมิ่นสถาบันกษัตริย์เป็นหมื่นๆ การจาบจ้วงโดยเว็บ วิทยุ ทีวี เสื้อแดงมานาน พวกเอ็งไม่คิดทำอะไร แถมยังจะแก้มาตรา 112 ให้คนชั่วพูดจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ได้มากกว่าเดิม นางปูเป็นมารดาเอ็งเรอะ ถึงอยากปกป้องมากกว่าสถาบัน? ฮ่า! ฮ่า! อยากได้ฉายา "ทรราชเอ๋อ" เหรอ? พวกขี้ข้าบักเหลี่ยมเตรียมหาแผ่นดินอยู่หรือยัง วันอพยพหนีตาย หนีคุก หนีกรรม ใกล้เข้ามาแล้ว!” นายโสภณระบุ
อดีตแอร์คาเธ่ย์ฯ ตอกโอ๊ค
    สำหรับกรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร หลานชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra เรียกร้องให้ "ชัย ราชวัตร” ขอกระโปรงแอร์คาเธ่ย์ฯ มาคลุมหัว โดยนายพานทองแท้ระบุว่า "คราวที่แล้วมีแอร์ของสายการบินหนึ่ง ได้แสดงความอคติเลือกข้างทางการเมือง และโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสม เชื่อมโยงไปถึงสายการบิน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสายการบิน และอาชีพแอร์โฮสเตสที่ต้องให้บริการผู้โดยสารทุกคนโดยทัดเทียมกัน ปรากฏว่าหลังจากที่เกิดกระแสสังคมกดดันมากๆ เข้า แอร์ผู้นั้นก็ได้ลาออกจากอาชีพซึ่งได้ทำมานับสิบปี ถึงแม้ความคิดทางการเมืองจะต่างกันสุดขั้ว แต่ผมก็ต้องยอมรับในความรับผิดชอบต่อส่วนรวม และต่อองค์กรที่แอร์ผู้นั้นสังกัด นี่คือความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ผู้ชายต้องยอมรับครับ”
    ล่าสุด เมื่อวันจันทร์ อดีตแอร์โฮสเตสสาวคนดังกล่าวได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Honey Lochanachai ว่า "จากการกล่าวพาดพิงถึงกรณีแอร์คาเธ่ย์ฯ กับกรณีคุณชัย ราชวัตร นั้น ฉันจะขอเรียนให้ทุกท่านเข้าใจว่า การตัดสินใจลาออกจากสายการบินคาเธ่ย์ฯ นั้น เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อองค์กรที่ฉันทำงานมานาน 24 ปี และเพื่อลดแรงกดดันที่มาจากการใช้อำนาจเถื่อนทางการเมืองคุกคามการทำธุรกิจของสายการบิน เพียงเพื่อจะบีบบังคับคนที่แสดงความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างให้หมดทาง
        กรณีของคุณชัย ราชวัตร นั้น ฉันยกย่องและให้กำลังใจคุณชัย ราชวัตร ที่แสดงจุดยืนของตัวเองต่อชาติบ้านเมืองอย่างกล้าหาญ ซึ่งมักจะเป็นที่หวาดกลัวของพวกคนชั่วที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติเป็นธรรมดา
        การออกมาเรียกร้องให้คุณชัย ราชวัตร แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ฉันเห็นว่าพวกคุณควรจะไปเรียกร้องให้นักโทษชายที่ถูกตัดสินคดีมีโทษจำคุก  และหนีคดีไปสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้กับประเทศชาติอยู่ทุกวันนี้ ให้กลับมาแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองบ้างจะดีกว่านะคะ
      อย่าเอากระโปรงแอร์คาเธ่ย์ฯ ไปแอบอ้างด้วยความเคยชินเลย กระโปรงของฉันไม่ได้มีไว้คลุมหัวใครทั้งนั้น  แม้แต่ทรราชย์ขายชาติเลวทรามก็ไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องกระโปรงอันมีเกียรติของพวกเรา ประเทศนี้มีนักการเมืองเลวกำลังอาศัยเกาะชายกระโปรงของผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งหากิน โกงชาติ กอบโกยเอาผลประโยชน์ของชาติไปอย่างหน้าด้านๆ ทำให้ผู้หญิงโง่คนหนึ่งกลายเป็น 'หญิงชั่ว'  ถูกสังคมตราหน้าว่า 'ขายชาติ' นี่ต่างหากที่เป็นการดูถูกเพศแม่
       ลูกทรราชที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีแต่คนจิตใจสกปรก โสมมไปด้วยกิเลส มีแต่ความเห็นแก่ตัว ย่อมไม่เข้าใจและแยกแยะไม่ออกว่าอะไรดีอะไรชั่ว   รวมทั้งพวกสุนัขรับใช้ที่คอยเสี้ยมสอน สนับสนุนอาศัยชื่อของนายออกมาทำความเดือดร้อนเสียหายให้กับบ้านเมือง เพื่อหวังลาภยศนั้น คงไม่เคยตระหนักถึงผลกรรมที่พวกมันจะได้รับ
       ฉันแน่ใจว่าอีกไม่นานคนชั่วก็จะแพ้ภัยตัวเอง เพราะกรรมชั่วที่ทำนั้นจะกลับมาสนองผู้ที่ทำอย่างแน่นอน คนดีที่รักชาติบ้านเมือง ที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมก็อย่าได้ท้อถอย เพราะความดีที่แท้จริงนั้นย่อมส่งผลเป็นความดีแก่ผู้กระทำเช่นกัน”
สวนทาง 'ปู' พล่าม ปชต.
    ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีกระทรวงไอซีทีเตรียมเอาผิดคนโพสต์ด่านายกฯ ว่า ต้องติดตามว่าคนที่ปากเป็นประชาธิปไตย แต่ใจและพฤติกรรมเป็นอย่างไร เพราะรัฐบาลนี้มาจากกลุ่มคนที่บอกว่า กฎหมายความผิดทางคอมพิวเตอร์เป็นกฎหมายที่ไม่เป็นประชาธิปไตย  มีการโวยวายว่า การโพสต์ข้อความที่เป็นความผิดตามกฎหมาย มาตรา 112 ไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งที่ความจริงแล้ว สถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ผู้ใดละเมิดมิได้ แต่พอกลายเป็นการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ตอนนี้กลับพยายามจะเอากฎหมายนี้มาใช้
    สวนทางกับคำพูดประชาธิปไตย ที่นายกรัฐมนตรีไปพูดที่ประเทศมองโกเลีย ซึ่งตนคิดว่าต่างประเทศเขาคงต้องจับตาดูว่า ทำไมจึงมากวดขันกับการวิจารณ์รัฐบาล ซึ่งไม่ใช่หลักประชาธิปไตย” นายอภิสิทธิ์กล่าว
    นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า อยากฝากไปยัง น.อ.อนุดิษฐ์ ให้เร่งจัดการกับผู้ดำเนินการเผยแพร่ข้อความ และรูปภาพที่มีลักษณะดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่ประกาศจะจัดการเฉพาะเว็บไซต์ที่มีข้อความหมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์เท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมา ไอซีทีได้ขอจัดสรรงบประมาณไปมากกว่า 500 ล้านบาท เพื่อขอติดตั้งอุปกรณ์จัดการกับผู้กระทำความผิด จึงอยากถามว่า ปัจจุบันได้ดำเนินการจัดการกับเว็บไซต์หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ไปถึงไหนแล้ว 
    นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า น.อ.อนุดิษฐ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะล็อกหรือบล็อกเว็บไซต์ต่างๆ ที่วิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรี เพราะถือว่านายกฯ เป็นบุคคลสาธารณะ และตนคิดว่า น.อ.อนุดิษฐ์ใช้มาตรการและระบบราชการปกป้องนายกฯ ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม หากยืนยันที่จะบล็อกหรือสั่งปิด ก็ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
    "มีเรื่องอื่นให้ทำตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่รู้จักไล่ปิดเว็บลามก เว็บโป๊เปลือย  เว็บหมิ่นฯ แล้วถ้ายังจะปิดอีกก็ต้องปิดเว็บไซต์ที่หมิ่นผมและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน” นายวันชัยกล่าวและว่า ส่วนกรณีที่นายกฯ แจ้งความเอาผิดกับนายสมชัย กตัญญุตานันท์ (ชัย ราชวัตร) นั้น ตามหลักกฎหมายผู้เสียหายจะต้องไปแจ้งความ เมื่อรู้สึกว่าตนเองเสื่อมเสีย
    นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การจะปิดเว็บไซต์เพราะวิจารณ์นายกฯ นั้นไม่สามารถกระทำได้ เพราะนายกรัฐมนตรีถือเป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมต้องเป็นผู้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ และเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารประเทศ ประชาชนทั่วไปจึงสามารถแสดงความคิดเห็นได้ตามสิทธิรัฐธรรมนูญ 
ชี้สั่งปิดเฟซบุ๊กไม่ได้
    นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ที่ปรึกษากฎหมาย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ให้สัมภาษณ์ทางผู้จัดการออนไลน์ ระบุว่า สิ่งที่ชาวออนไลน์ควรรู้คือ เฟซบุ๊กยึดกฎหมายสหรัฐอเมริกาเป็นหลักปฏิบัติ เฟซบุ๊กจึงเลือกระงับเฉพาะเพจที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และการก่อการร้ายเท่านั้น ที่ผ่านมาเฟซบุ๊กยังไม่ดำเนินการปิดเพจที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้จะมีคำสั่งจากศาลไทย เนื่องจากคำสั่งจากศาลไทยจะถือเป็นเอกสารขอความร่วมมือที่ไม่มีผลลงโทษใดๆ
    นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า ในกรณีของคำวิจารณ์นายกฯ ยิ่งลักษณ์บนเฟซบุ๊ค หาก รมว.ไอซีทีพบข้อความหมิ่นประมาท ก็จะไม่มีอำนาจสั่งระงับเพจบนเฟซบุ๊กใดๆ สิ่งที่ทำได้คือ การบล็อกไม่ให้เปิดชมเพจจากประเทศไทย ซึ่งขั้นตอนที่ถูกต้องคือ ต้องรอให้ศาลตัดสินมูลฟ้องและออกคำสั่งศาลตามมา แปลว่าฝ่ายบริหารจะไม่มีอำนาจในการตัดสินใดๆ
    วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรค กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดทำแถลงการณ์ชี้แจงต่างประเทศ ในกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ปาฐกถาที่มองโกเลีย โดยจะจัดส่งไปยังประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศมองโกเลียด้วย โดยสาระสำคัญในแถลงการณ์จะอธิบายถึงที่มาที่ไปของกระบวนการทางการเมือง และประชาธิปไตยตั้งแต่ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่การได้สัมปทานในที่เกิดจากการรัฐประหารจนร่ำรวย และการเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมลุแก่อำนาจ ทุจริตคอรัปชั่น แก้กฎหมายเอื้อทุจริตครอบครัว มีการปราบปรามยาเสพติดที่ทำให้เกิดการฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ รวมถึงพฤติกรรมแทรกแซงองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ถ่วงดุล ทำให้การบังคับใช้กฎหมายในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณอ่อนแอลงอย่างมาก จนเป็นที่มาของการต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วงปลายรัฐบาลทักษิณ 1 ถึงทักษิณ 2
    นายชวนนท์กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นจะชี้แจงการรัฐประหาร ว่าเกิดขึ้นในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นรักษาการนายกฯ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี และหลังการรัฐประหารมีรัฐบาลที่นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับไทยสู้คดีที่ดินรัชดาฯ จากนั้นก็ได้หนีคดีก่อนจะมีคำตัดสินจำคุก 2 ปี และเมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์เข้ามาบริหารประเทศ มีการปลุกระดมมวลชน ใช้กองกำลังติดอาวุธ คุกคามประชาชนและประชาธิปไตย จนเป็นเหตุให้มีการเสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมปี 2553 และปัจจุบันคนเสื้อแดงที่เป็นแขนขาของรัฐบาล ยังมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามคนที่เห็นต่างกับรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ พรรคการเมือง หรือภาคประชาชนที่เห็นไม่ตรงกับรัฐบาล โดยจะมีการทำแถลงการณ์เป็นสองภาษาคือ ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย
    นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคจะส่งแถลงการณ์ไปยังคณะทูตในประเทศไทย สหประชาชาติ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เอ็นจีโอต่างประเทศที่มีสำนักงานในประเทศไทย และหอการค้าต่างประเทศในไทยทั้งหมด ส่วนในต่างประเทศ พรรคจะแจ้งไปที่เลขาธิการองค์กรประชาคมประชาธิปไตย ที่เป็นผู้จัดประชุมใหญ่ที่มองโกเลีย ซึ่งก็จะขอให้องค์กรประชาคมประชาธิปไตยส่งเป็นจดหมายเวียนไปยังประเทศสมาชิกด้วย
    นอกจากนี้ จะส่งแถลงการณ์ถึงองค์กรพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองทุกพรรคในมองโกเลีย คณะมนตรีว่าด้วยนักเสรีนิยมและประชาธิปไตย และจะมีการชี้แจงในที่ประชุมพรรคการเมืองทุกอุดมการณ์ของประเทศในเอเชีย-แปซิฟิกด้วย ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปเพื่อลบล้างการบิดเบือนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อให้ชาวโลกได้รู้ว่าใครที่เป็นคนทำร้ายประเทศตัวจริง ซึ่งคาดว่าในวันที่ 7 พ.ค. จะเริ่มส่งแถลงการณ์ดังกล่าวไปยังองค์กรระหว่างประเทศได้.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น