วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ฟ้อง”ชัยราชวัตร”“ปู”สุดทนทำชื่อเสียงเสื่อม สส.หญิงรุมประณามยับหยามเพศแม่-น่าละอาย รัฐเรียงหน้าอัดก๊ก58สว.พวกกากเดนอำนาจเก่า เมื่อ 4 พ.ค.56




ฟ้อง”ชัยราชวัตร”“ปู”สุดทนทำชื่อเสียงเสื่อม

สส.หญิงรุมประณามยับหยามเพศแม่-น่าละอาย

รัฐเรียงหน้าอัดก๊ก58สว.พวกกากเดนอำนาจเก่า


“นายกฯ ปู” ฉุนการ์ตูนนิสต์ชื่อดัง “ชัย ราชวัตร” โพสต์เฟซบุ๊ควิจารณ์ปาฐกถามองโกเลียแรง ส่งทนายขึ้น สน.ดุสิต ฟ้องหมิ่นทำเสื่อมเสียชื่อเสียง ขณะที่ “ส.ส.หญิง พท.” ออกแถลงการณ์ประณาม “ชัย ราชวัตร” หมิ่นศักดิ์ศรีเพศแม่ จวกน่าขยะแขยง-ไม่เป็นสุภาพบุรุษ-ไร้จรรยาบรรณสื่อ จี้ขอโทษนายกฯ ฮึ่มร่อน จม.ฟ้ององค์กร-สื่อ นานาชาติ ด้าน “รัฐบาล” ออกแถลงการณ์โต้ 58 ส.ว. ยันปูปาฐกถาเรื่องจริง ปัดทำชาติเสียหาย ลั่นไม่ต้องขอโทษ ฉะซากเดนอำนาจเก่าตามจองล้างจองผลาญ เชื่อนานาชาติเข้าใจ ส่วน “ปชป.” จี้นายกฯ ขอโทษ อัดดูถูกคนไทย-ศาล ใช้เวทีโลกยกย่องแก๊งเผาเมือง-ฟอกผิดนักโทษ ขณะที่ “พท.” ผวายุบพรรครอบ 3 รีบปัดทักษิณสไกป์สั่งแก้ รธน. จวกหวังดิสเครดิต ปกป้อง รธน.เผด็จการ ด้าน “บิ๊กโอ๋” ยักไหล่ ยันเพื่อนแม้วสไกป์สั่งแก้ รธน. ไม่ผิด อ้างแค่แสดงความคิดเห็น ป้องม็อบแดงกดดันศาล รธน. ชี้แค่แสดงออกไม่เห็นด้วย แต่เตือนอย่าตกเป็นทาสอารมณ์ ซัดที่มาตุลาการไม่ถูกต้อง ทำบ้านเมืองวุ่นวาย ส่วน “เสื้อแดง” เอาแน่ล้มศาล รธน. ระดมล่ารายชื่อ 1 แสน ถอดถอน 9 ตุลาการ ขู่แจ้งจับอาญา ม.112 อีกคดี ขณะที่ “มาร์ค” จี้ปูปรามแดงก่อนบ้านเมืองลุกเป็นไฟ ตอกอย่าจุดชนวนขัดแย้ง หวังผลเพื่อครอบครัวตัวเอง
รัฐบาลออกแถลงการณ์โต้ 58 ส.ว.
หลังจากที่ ส.ว. 58 คน ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวขอโทษประชาชน จากกรณีปาฐกถาพิเศษที่ประเทศมองโกเลียนั้น นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงการณ์ตอบโต้ว่า 1.นายกฯ ไม่ได้พูดให้เกิดความเข้าใจผิดแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่นายกพูดนั้นเป็นเรื่องที่ทั่วโลกทราบชัดกันอยู่ และไม่ได้ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทย เพราะความแตกแยกที่แท้จริงนั้น มาจากการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อปี 2549 2.การอ้างว่ามีสาเหตุที่จะต้องปฏิวัติปี 2549 นั้น เป็นการกล่าวอ้างที่ไม่ถูกต้อง เพราะในระบอบประชาธิปไตย เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นต้องแก้ไขตามวิธีทางประชาธิปไตย ด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือการยุบสภาให้ประชาชนตัดสิน 3.ประชาชนได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่เอาอำนาจนอกระบบ ไม่เอารัฐประหาร และปฏิเสธผลพวงของการรัฐประหาร ด้วยการเลือกพรรคพลังประชาชน แต่ซากเดนของอำนาจเก่ายังทำให้นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่ง แต่ประชาชนก็ยังแสดงการปฏิเสธ ซากเดนของอำนาจเก่า ด้วยการเลือกพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
ป้องปูไม่ทำประเทศเสียหาย
น.พ.ทศพร กล่าวต่อว่า 4.การที่นายกรัฐมนตรีไปแสดงปาฐกถาที่มองโกเลียนั้น ไม่ได้ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ทั้งโลกรู้มาตั้งแต่ก่อนปี 49 แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย แล้วก็รู้มาตลอด เวทีโลกถึงไม่ต้อนรับรัฐบาลจากการรัฐประหารของไทย ไม่ให้ความร่วมมือ ตัดความช่วยเหลือ ผู้ทำให้ประเทศเสียหายคืออำนาจนอกระบบ คือ คปค. หรือ คมช. คือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาร่างรัฐธรรมนูญ องค์กรต่างๆ ที่ คมช.แต่งตั้งขึ้นมา สืบผลประโยชน์สืบอำนาจต่อกันมา คือรัฐธรรมนูญ ปี 50 คือการแต่งตั้งวุฒิสมาชิกโดยคนเพียง 7 คน ความไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ คือการใช้อำนาจนอกระบบตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร นี้คือสิ่งที่ทำให้ประเทศเสียหาย 5.ปัญหาของประเทศไทยอยู่ที่รัฐธรรมนูญที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตย อยากให้ ส.ว. ไปช่วยกันดูให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยเริ่มจากที่มาของตัว ส.ว.เอง การเลือกตั้งไม่ใช่ทั้งหมดของประชาธิปไตย แต่ไม่มีทางที่จะเป็นประชาธิปไตยโดยไม่มีการเลือกตั้ง และ 6.นายกฯ ได้ทำให้นานาประเทศเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ประชาชนไทยรักประชาธิปไตย และรู้สาเหตุที่ทำลายประชาธิปไตยไทย รู้ว่าเรากำลังพยายามแก้ไขอยู่ ที่แหละที่ทำให้นานาชาติมั่นใจว่า เรามาถูกทางแล้ว จะเห็นได้จากการที่ผู้นำของนานาประเทศเดินทางมาประเทศไทย รวมทั้งการที่นายกไปเยือนนานาประเทศ ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ
ยันนายกฯ ไม่ต้องขอโทษ
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่จำเป็นต้องขอโทษกรณีกล่าวปาฐกถาเรื่องประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลีย เนื่องจากเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความเห็นความเป็นประชาธิปไตย และสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงเป็นการย้ำจุดยืนที่ชัดเจนจากประสบการณ์ของตัวนายกรัฐมนตรีเอง และในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนที่มีหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์นั้น หากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองทั่วไปนายกรัฐมนตรีพร้อมรับฟัง แต่ในขณะนี้มีการนำไปเปรียบเทียบกับความเป็นสตรีเพศซึ่งไม่สมควร จึงขอวิงวอนให้ผู้วิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้ยุติ และเห็นใจนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทีมกฎหมายกำลังพิจารณาถ้อยคำในการวิพากษ์วิจารณ์ที่มีลักษณะหมิ่นประมาท ทั้งนี้ยืนยันว่า รัฐบาลยืนอยู่บนหลักประชาธิปไตยแล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งจะต้องเร่งแก้ไข ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมทำหนังสือเปิดผนึกไปยังประเทศมองโกเลีย เพื่อชี้แจงการปาฐกถาของนายกรัฐมนตรีว่า เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่ฝ่ายค้านทำได้ แต่ขอให้ฝ่ายค้านทบทวนว่า ที่ผ่านมาได้ทำอะไรกับประเทศไทย โดยเฉพาะการทำลายระบอบประชาธิปไตยของประเทศ
อัด ปชป.-ส.ว.สรรหา ถ่วง ปชต.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำเสื้อแดง กล่าวว่า ไม่ผิดคาดที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลจะออกมาต่อต้าน และวิพากษ์วิจารณ์ปาฐกถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น พรรคประชาธิปัตย์ ส.ว.สรรหา ที่ได้รับผลประโยชน์จากคณะรัฐประหารทั้งสิ้น พรรคประชาธิปัตย์ต้องปรึกษาให้ดีจะทำหนังสือฟ้องโลกว่านายกฯ พูดเท็จ วันนี้โลกไร้พรหมแดน อย่าไปนึกว่าเขาเพิ่งได้ฟังเรื่องราวของประเทศไทยครั้งแรกจากนายกฯ หรือไม่รู้อะไรเลยกับการเข้ามาเป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ หากหลับหูหลับตาส่งจดหมายออกไปจะถือเป็นการวิจารณ์ตัวเอง ส่วน ส.ว.สรรหา ออกมาเรียกร้องให้นายกฯ ขอโทษประชาชน ตนว่า ส.ว.กลุ่มนี้ต่างหากที่ต้องขอโทษประชาชนที่เข้ามาทำหน้าที่ เข้ามากินเงินเดือน รับสวัสดิการโดยไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อีกทั้งยังเป็นตัวถ่วงระบอบประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยควรมีการเผยแพร่ปาฐกถาดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบและตัดสินใจด้วยตัวเอง
วอนวิจารณ์ได้แต่อย่าหยาบคาย
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่มีผู้ที่ออกมาโจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย จากกรณีการกล่าวปาฐกถาพิเศษ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับจุดยืนเรื่องประชาธิปไตยแต่อย่างใด เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่และคนในประชาคมโลกต่างเข้าใจตรงกัน ว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดส่งผลดีต่อประเทศ เพราะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าคนไทยมีอุดมการณ์ด้านประชาธิปไตยตรงกับประเทศอื่นๆ ไม่ได้เป็นการต่อว่าประเทศไทยต่อประชาคมโลก และผู้ที่กล้าหาญพูดความจริงพูดออกมา แสดงให้เห็นว่าผู้พูดย่อมมองเห็นปัญหาของตัวเองและจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ขณะนี้ประชาคมโลกกำลังจับตามองว่าประเทศไทยจะเดินไปสู่ทิศทางใด ระหว่างการก้าวไปข้างหน้ากับโลกประชาธิปไตย หรือ เลือกเดินถอยหลังไปอยู่ภายใต้การกลัวอำนาจของคนกลุ่มหนึ่ง คำพูดของนายกรัฐมนตรีเป็นคำตอบว่าประเทศไทยจะเดินบนเส้นทางประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ออกมาโจมตีนายกรัฐมนตรีด้วยวิธีการเช่นนี้ เพื่อปกป้องประโยชน์ของคนกลุ่มเดียว รัฐบาลจะไม่หวั่นไหวและจะยืนเคียงข้างประชาชนเพราะรัฐบาลมีที่มาจากประชาชน ทั้งนี้รัฐบาลยอมรับการออกมาแสดงความคิดเห็นจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยเพราะถือเป็นสิทธิ์ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ถ่อยคำหยาบคาย เพราะจะส่งผลต่อผู้พูดเอง เนื่องจากคำพูดดังกล่าวจะสะท้อนตัวตนของผู้พูดว่าเป็นคนอย่างไร และน่าเสียดายที่งานเขียนซึ่งใช้สื่อสารในเรื่องที่ดี กลับมาเสียดสีสตรี ซึ่งถือเป็นเพศแม่ ทั้งนี้การดูหมิ่นศักดิ์ศรีผู้หญิงและทำลายผู้ที่กล้าพูดความจริง สังคมไม่ควรยอมรับ เพราะจะเป็นอุปสรรค์ในการส่งเสริมการพัฒนาสตรีไทยทั้งระบบ
“นายกฯ” ฟ้องหมิ่น “ชัย ราชวัตร”
วันเดียวกัน ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าพบ และหารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงการตัดสินใจฟ้องร้องดำเนินคดีต่อนายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ “ชัย ราชวัตร” การ์ตูนนิสต์ชื่อดังหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งซึ่งโพสต์ข้อความกล่าวหานายกรัฐมนตรี ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ผ่านทางสื่อออนไลน์ และทางเฟซบุ๊คส่วนตัว โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที
ชี้ป้ายสีทำเสื่อมเสียชื่อเสียง
ต่อมา ที่ สน.ดุสิต เมื่อเวลา 15.00 น. นายณรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผกก.สน.ดุสิต เพื่อเเจ้งความดำเนินคดีกับ นายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ “ชัย ราชวัตร” เจ้าของคอลัมน์การ์ตูนล้อการเมือง “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” พร้อมพรรคพวกที่เกี่ยวข้อง ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยนายณรวิชญ์ กล่าวว่า จากกรณีที่ “ชัย ราชวัตร” ได้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างรุนแรงผ่านทางเฟซบุ๊คส่วนตัว โดยมีเนื้อหากล่าวพาดพิงเกี่ยวกับการทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าเป็นการติชมโดยไม่สุจริต ไม่มีมูลความจริง และเป็นการใส่ร้ายทำให้นายกรัฐมนตรีเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงได้รับมอบหมายให้มาเข้าแจ้งความดังกล่าว ซึ่งตนได้นำเอกสารและหลักฐาน อาทิ ภาพการโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊คของ ชัย ราชวัตร และข่าวจากสื่อออนไลน์ มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ ก่อนดำเนินต่อไป
ส.ส.หญิงประณาม “ชัย ราชวัตร”
ขณะเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย ส.ส.หญิง พรรคเพื่อไทย นำโดย น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นางฐิติมา ฉายแสง เลขาฯ รมว.คมนาคม นางเยาวนิตย์ เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ฯลฯ ร่วมกันออกแถลงการณ์ประนาม นายชัย ราชวัตร หรือนายสมชัย กตัญญุตานันท์ การ์ตูนนิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ซึ่งโพสต์ข้อความกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ผ่านทางสื่อออนไลน์ และทางเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า “โปรดเข้าใจกะหรี่ไม่ใช่หญิงชั่ว กะหรี่แค่ขายตัว แต่หญิงคนชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ”
อัดน่าขยะแขยง-ไม่เป็นสุภาพบุรุษ
โดย น.ส.สุณีย์ กล่าวเสียงสั่นเครือว่า เราไม่ได้ตำหนิหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ แต่เหตุการณ์ที่นายชัยโพสต์เฟซบุ๊ค มองว่าแรงเกินไป เราไม่ได้โกรธเคือง แต่รับไม่ได้กับคำพูดของนายชัย และการนำภาพถ่ายของนายกรัฐมนตรีถ่ายคู่กับประธานาธิบดีมองโกเลีย มาโพสต์ประกอบกับข้อความด้วยนั้น ถือเป็นการละเมิดสิทธิของสตรี และดูถูกเหยียดหยามทำให้เสียชื่อเสียง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าขยะแขยง และสุภาพบุรุษเขาไม่ทำกัน อีกทั้งผู้พูดเป็นถึงนักเขียน การพูดลักษณะนี้เป็นการบิดเบือน ไร้ซึ่งจรรยาบรรณของวิชาชีพ และขาดความรับผิดชอบอย่างร้ายแรง จึงขอเรียกร้องให้นายสมชัยออกมา ขอโทษนายกรัฐมนตรี และขอให้สตรีทั้งหลายช่วยกันแสดงออกและประณามการกระทำเช่นนี้ นอกจากนั้นกลุ่ม ส.ส.หญิงจะเดินทางไปยื่นหนังสือเรียกร้องไปยังสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เพื่อให้ช่วยกันตรวจสอบต่อไป ส่วนจะดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ อยู่ระหว่างการหารือกับฝ่ายกฎหมาย ถ้าสามารถดำเนินการได้ก็จะดำเนินการฟ้องร้องต่อไป การกล่าวหานายกรัฐมนตรี ว่าเป็นหญิงชั่วเร่ขายชาตินั้น เป็นคำพูดที่บิดเบือนและสร้างความเสียหายกับ ฯพณฯ นายกฯ ในฐานะประมุขฝ่ายบริหารอย่างร้ายแรง เป็นการไม่ให้เกียรติกับผู้นำประเทศของตนเอง ทั้งที่การปาฐกถาของนายกฯ เป็นการพูดเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประเทศจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 และพูดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าปัจจุบันยังมีกลุ่มคนที่ต่อต้านประชาธิปไตย ก็ไม่ได้มีส่วนใดที่จะทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหาย แต่ตรงกันข้ามกลับเป็นการแสดงให้นานาชาติได้เห็นแนวทางของประเทศไทยและรัฐบาล ว่าต้องการสร้างความเป็นประชาธิปไตยของชาติให้เจริญพัฒนาต่อไป การกล่าวบิดเบือนใส่ร้ายผู้นำประเทศ และนำไปเปรียบเทียบกับคำว่ากะหรี่ของนายสมชัย กตัญญุตานันท์ ผ่านสื่อออนไลน์ ถือว่าไม่เหมาะสม ยิ่งผู้พูดเป็นนักเขียน สมควรได้รับการประณามเพราะละเมิดต่อจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง และยังสะท้อนให้เห็นถึงความคิดว่าดูถูกผู้หญิง ที่เป็นเพศแม่ ถือว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ นอกจากนี้ ทางกลุ่ม ส.ส.หญิง จะแปลแถลงการณ์ประณามภาษาอังกฤษ เผยแพร่ไปยังองค์กรระหว่างประเทศ เช่น องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล และสื่อต่างประเทศ รวมทั้งชี้แจงไปยังประเทศมองโกเลีย เพื่อให้เข้าใจในเจตนาของนายกรัฐมนตรี ในเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในวันนี้
จวกพวกอำมาตย์ล้าหลัง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความจริงท่าทีและจุดยืนของ ชัย ราชวัตร ก็ชัดว่าอยู่ฝ่ายอำมาตย์ล้าหลัง ตรงกันข้ามกับฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้าอยู่ตลอด เห็นได้ชัดในหลายครั้ง อย่างเช่นการเชียร์เบอร์ 16 อย่างออกหน้าออกตา ในศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้ จะขาดสติอย่างเฉียบพลัน รุนแรง ถึงขั้นใช้ถ้อยคำที่รุนแรง เถื่อน ถ่อย ไร้ซึ่งรสนิยม เสียราคาการ์ตูนนิสต์อาวุโส ไม่ให้เกียรติผู้นำประเทศตนเอง หลังจากพรรคเพื่อไทยประณาม ชัย ราชวัตร ในพฤติกรรมครั้งนี้แล้ว เห็นว่ายังไม่มีท่าทีสำนึก ยังคงยึดมั่นในมุมคิดแบบเดิม จึงขอเตือนว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่ชัย ราชวัตร จะเอาความรู้สึก อารมณ์ร่วมของคนมาล้อเล่น พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องเครือข่ายประชาธิปไตยก้าวหน้า คนเสื้อแดง และเครือข่ายหนุนรัฐบาลทั้งหลาย ให้อดทน อยู่ในที่ตั้ง ไม่ออกมาดำเนินการใดๆ ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของฝ่ายต้องการยั่วยุ หรือการเดินทางไปประท้วง การเขียนข้อความแสดงความเห็น การมีปฏิกิริยาทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทุกฝ่ายต้องระมัดระวัง เพราะเมื่อท่านปฏิเสธการใช้คำหยาบคาย ก็ไม่ควรใช้กับอีกฝ่ายหนึ่งเช่นกัน แม้ ชัย ราชวัตร ใช้คำหยาบคาย เปรียบเทียบกับการปฏิบัติงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รุนแรง แต่ฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้า ก็ไม่ควรใช้คำเดียวกันหรือแบบเดียวกันในการตอบโต้ฝ่ายอำมาตย์ล้าหลัง เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้มีอารยธรรมที่เหนือกว่า
ปชป.บี้ “ยิ่งลักษณ์” ขอโทษ ปชช.
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำจดหมายเปิดผนึกไปยังประธานาธิบดีประเทศมองโกเลียและชาติสมาชิก ที่เข้าร่วมการประชุมประชาคมประชาธิปไตยที่มองโกเลีย และสิ่งที่คนไทยรอคือคำขอโทษจากปาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ไปใส่ร้ายประเทศไทย โดยกลุ่มแรกที่ควรขอโทษคือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 กลุ่มที่สองคือ องค์กรอิสระที่ถูกให้ร้ายว่าเป็นผลพวงของรัฐประหารถูกแทรกแซง ทั้งที่ความจริงคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ขาดความเข้าใจในหลักการถ่วงดุลอำนาจ เมื่อพูดแล้วสร้างความเสียหายต้องขอโทษ นอกจากนี้การที่ไปอ้างว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเรียกร้องประชาธิปไตยแต่ถูกลอบยิงด้วยสไนเปอร์ นั้นต้องระบุให้ชัดเจนว่าคือใคร และนำคนผิดมาลงโทษอย่างไร ไม่ใช่พูดโดยปราศจากหลักฐานเพียงเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์เท่านั้น รวมทั้งกรณีล่าสุดที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกตลอดชีวิตคนเสื้อแดงที่เผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ทำไมนายกรัฐมนตรีจึงไปพูดในต่างประเทศว่าคนเหล่านี้เป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย ถือเป็นคำพูดที่ดูถูกคนไทย ดูถูกศาล และดูถูกตัวเองที่ไปพูดความเท็จในต่างประเทศ ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ เนื่องจากเป็นผู้นำประเทศจะมีความเห็นขัดแย้งกับศาลหรือจริยธรรมไม่ได้ หากไม่ขอโทษประชาชนต้องประณาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ


วันที่ 4/05/2556 เวลา 8:56 น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น