วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

งบน้ำ3.5แสนสะดุด ปปช.ขวาง-ถลุง เมื่อ 18 พ.ค.56




งบน้ำ3.5แสนสะดุด ปปช.ขวาง-ถลุง


งบน้ำ 3.5 แสนล้านสะดุด “ป.ป.ช.” เบรกรัฐบาลปูก่อนเดินหน้า เสนอล้อมกรอบกันโกง ชี้มีช่องโหว่หลายจุด ทั้งเร่งรีบรวบรัด-ศึกษารายละเอียดไม่ครบถ้วน-จ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ-วิธีจัดซื้อจัดจ้างไม่มีราคากลาง-การประมูลมีการแข่งขันต่ำ แนะดึงเครือข่ายเอกชนต้านการทุจริตร่วมตรวจสอบ ยันไม่ขัดขวางแต่หวังโปร่งใส-มีประสิทธิภาพ ขณะที่ “ทักษิณ” โพสต์เฟซบุ๊ค อัด ธปท.ไม่ฟังรัฐบาลแก้บาทแข็ง ผวาเงินไหลเข้าทำเศรษฐกิจพังซ้ำรอยวิกฤติ ศก.ปี 40 ยกแบงก์ชาติญี่ปุ่นขึ้นตรงรัฐบาลช่วย ศก.ชาติฟื้น ด้าน “พท.” ไม่สนบ้านเมืองลุกเป็นไฟ ยันเดินหน้า ดัน พ.ร.บ.ปรองดองฯ ฉบับเหลิม เข้าสภาฯ สมัยสามัญเดือน ส.ค.แน่ เชื่อการต่อต้านไม่รุนแรง ขณะที่ “เฉลิม” ยืนกรานไม่มีหมกเม็ดคืนเงินแม้ว อ้าง พ.ร.บ.ปรองดองยกเลิกคดีอาญาไม่เกี่ยวคดีแพ่ง ฉะพวกไม่รู้กฎหมายชักใบให้เรือเสีย ด้าน “ปชป.” ลั่นค้านหัวชนฝา กฎหมายปล่อยผียกเข่ง เชื่อบทสรุปละครเดินสุดซอยทักษิณ หวังล้างผิดตัวเอง-คืนเงิน 4.6 หมื่นล้าน เสี้ยม ส.ส.โจกแดงอย่าพลิกลิ้นโหวตหนุน ช่วยคนสั่งฆ่า ปชช. แขวะเท่ากับต้มแดงมาตายแทน
“มาร์ค” เตือน กม.ปรองดองทำขัดแย้ง
การผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ฉบับของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ นั้น วันที่ 17 พ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนก็เตือนแล้ว ว่าประเด็นเหล่านี้ เป็นความขัดแย้งทางสังคม และไม่มีประโยชน์อะไรต่อส่วนรวม ดังนั้นรัฐบาลควรไปสนใจเรื่องค่าครองชีพของประชาชน และราคาพืชผลทางการเกษตร ไหนจะปัญหาเรื่องการจะยุบโรงเรียนขนาดเล็ก รัฐบาลควรเอาเวลาไปสะสางเรื่องเหล่านี้ดีกว่า เพื่อทำให้ภาคการเมืองทำประโยชน์เพื่อประชาชนจริงๆ ส่วนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 พ.ค. รัฐบาลก็ต้องดูแลไม่ให้เกิดปัญหา ต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกัน
ปชป. ยันค้านเต็มที่ปรองดองฉบับเฉลิม
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เป็น บทสรุปละครการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพยายามทำมาตั้งแต่หลังรัฐประหารปี 2549 จนถึงวันนี้ โดยบทสรุปของละครดังกล่าวใกล้เข้ามาแล้ว ถือเป็นซอยสุดท้ายที่เป็นเป้าหมายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องเดินให้สุด เพื่อให้ตัวเองพ้นผิดได้เงิน 4.6 หมื่นล้านบาท จึงขอย้อนคำถามไปยังแกนนำคนเสื้อแดง ทั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ น.พ.เหวง โตจิราการ ที่ก่อนหน้านี้เคลื่อนไหวให้เอาคนสั่งฆ่าประชาชนไปลงโทษ พยายามทำตัวเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย จึงต้องถามว่ามีความเห็นอย่างไรกับกฎหมายของ ร.ต.อ.เฉลิมที่จะล้างผิดทุกคนที่เกี่ยวข้อง ขอถาม น.พ.เหวง และนายณัฐวุฒิ จะยกมือสนับสนุนกฎหมายนี้หรือไม่ และขอให้เลิกตีสองหน้า พร้อมกับท้าให้บุคคลทั้งสองออกมาพูดว่าจะสนับสนุนหรือคัดค้านกฎหมายฉบับนี้ เพราะขัดพฤติกรรมที่พยายามพูดมาโดยตลอด ซึ่งตนยืนยันได้ว่า ถ้ามีการพิจารณาในสภา มือของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มือของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ถูกกล่าวหามาโดยตลอดว่าฆ่าประชาชน จะคัดค้านกฎหมายฉบับนี้อย่างเต็มกำลัง แต่ตนอยากรู้ว่ามือของนายณัฐวุฒิ น.พ.เหวง นายวรชัย และบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงในสภาคนอื่นจะยกมือไปข้างไหน จะทำในสิ่งที่ขัดกับคำพูดตัวเองหรือไม่ เพราะถ้าทำเช่นนั้นเท่ากับต้มคนเสื้อแดงให้มาตายแทน
พท.พร้อมดัน ปรองดองฯ ฉบับเหลิม
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย คาดว่าในการเปิดสมัยประชุมสามัญทั่วไปเดือนสิงหาคม จะสามารถเสนอเข้าสู่สภาฯ ได้ ทราบว่า ส.ส.ของพรรคน่าจะเกือบทุกคนได้ลงชื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นี้แล้ว ส่วนที่มีข้อกังวลว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็น พ.ร.บ.การเงินหรือไม่ เพราะมีเรื่องเกี่ยวกับการจ่ายเงินเยียวยา เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือเสียทรัพย์สิน สามารถยื่นคำร้องต่อ ครม. เพื่อขอเงินเยียวยา ซึ่ง ครม.ก็อาจจะต้องคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้เขียนไว้ว่าต้องตั้งงบประมาณให้มีผลผูกพัน จึงไม่เข้าข่ายเป็น พ.ร.บ.การเงิน จึงไม่ต้องเข้า ครม.เพื่อให้การรับรองก่อน ส่วนการคัดค้านก็เป็นความคิดเห็นของคนเสื้อแดงบางส่วน ไม่ใช่คนเสื้อแดงทั้งหมด ดังนั้นช่วงเวลาต่อจากนี้ก่อนมีการเสนอเข้าสู่สภาฯ ก็จะมีการชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มคนเสื้อแดง เราต้องชี้แจงให้เข้าใจตรงกันว่าร่างกฎหมายนี้สรุป 6 มาตรา ทุกคน ทุกฝ่าย ได้ประโยชน์หมด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง เจ้าหน้าที่ ผู้สั่งการ ครอบคลุมหมด ถ้าทุกฝ่ายคิดถึงอนาคตที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน ที่สำคัญประเด็นการคืนเงินให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ชัดเจนว่าไม่มีการเขียนไว้ในกฎหมาย จึงไม่มีการคือแน่นอน เมื่อมีความชัดเจนอย่างนี้ ก็ไม่น่าจะมีอุปสรรคอะไร และไม่น่าจะมีการต่อต้านรุนแรงเหมือนอดีตที่ผ่านมา
“เฉลิม” ย้ำไม่มีหมกเม็ดคืนเงินแม้ว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่มีหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ นั้น คนที่วิพากษ์วิจารณ์มันไม่รู้กฎหมาย ทั้งหมดเป็นการดำเนินการเรื่องโทษทางอาญา ไม่ใช่ทางแพ่ง เรื่องเงินทองทางแพ่ง ตนเรียนกฎหมายก็เห็นว่าคนที่เดือดร้อนจะช่วยเรื่องเยียวยาเขาอย่างไร วันนี้ก็เยียวยากันตลอด จึงได้เขียนไว้ในมาตรา 5 ว่ากรณีผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ให้ยื่นเรื่องต่อ ครม.ได้ แล้วมันเรื่องเงิน 6 หมื่นล้านบาทตรงไหน ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าการเขียนกฎหมายครั้งนี้รอบคอบทุกด้าน ถูกต้องครบถ้วน พวกพูดก็ชักใบให้เรือเสีย สร้างความปั่นป่วนให้บ้านเมือง บางคนออกมาพูดว่าไม่เคยมีมาก่อน ก็ใช่สิ บ้านเมืองเรามันเคยมีสถานการณ์อย่างนี้ไหม ยิงกันตาย 98 ศพ เคยมีไหม ก็ไม่มี ไปรับใช้เผด็จการเคยมีไหมก็ไม่มี เรื่องกฎหมายมาแล้วมาพูดอย่างนี้มันเสียสถาบัน ไปบอกว่าไม่เคยมีมาก่อน รัฐบาลเหลิงอำนาจ ก็บ้านเมืองมันไม่เคยกลียุคอย่างนี้ ก็มันไม่มี เมื่อมันมีตนก็ต้องแก้ ที่สุดแล้วมันจะไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ตนก็ยังอยู่ไม่ได้ล้มหายตายจาก ย้ำอีกครั้งว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง มันเป็นการยกเลิกคดีอาญาทั้งหมด ไม่ใช่คดีทางแพ่ง ฝากบอกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ด้วย อ่านกฎหมายให้ละเอียดสิ หรือประสาทเสียเรื่องทะเลาะกันในพรรค ไม่มีเลยนะ ส่วนเรื่องทางแพ่งมันคนละเรื่อง เรื่องนี้ 5 บาท 10 บาท ก็การเงิน ประธานรัฐสภาก็ต้องกราบเรียนนายกฯ ถ้าท่านนายกฯ ไม่เซ็นก็จบ ผมไปบังคับท่านนายกฯ ได้เหรอ แต่หลักกฎหมายมันสมบูรณ์ ส่วนที่ตน ระบุว่า จะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทยนั้น “ผมรักท่าน จากการที่ผมไปปราศรัยหาเสียง โดยชนะการเลือกตั้งมา 2 ครั้ง เพราะได้ให้สัญญาประชาชนว่าทักษิณกลับบ้าน ก็ทำให้คนเลือก” และในวันที่ 24 พ.ค.นี้ตนจะไปปราศรัยที่ จ.อุดรธานี ซึ่งคนไม่ต้องขน ไม่ต้องเกณฑ์ ไม่ต้องจ้าง ส่วนท่านทักษิณจะกลับเมื่อไหร่ตนไม่รู้ ท่านอาจจะเที่ยวสนุกแล้วก็ได้ และการร่าง พ.ร.บ.ปรองดองก็ไม่เกี่ยวว่าท่านจะกลับหรือไม่กลับ ท่านอาจจะเพลินก็ได้ที่ได้นั่งเครื่องบินตอลด หนีเที่ยวได้สบายอยู่เมืองนอก อย่าเอาเรื่องนี้ไปพัวพันกับตัวบุคคล เพราะ พ.ร.บ.ปรองดองตนเขียนในหลักการไม่ได้ระบุตัวบุคคล
ส.ส.เสื้อแดงปัดตีสองหน้า
นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่เครือข่ายคนเสื้อแดงคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิมนั้น อย่าเพิ่งไปกังวล คนเสื้อแดงมีหลายกลุ่ม คนที่คัดค้านก็มีบ้าง แต่เชื่อว่า คงพูดคุยทำความเข้าใจกันได้ คงไม่เกิดความขัดแย้งหรือแตกคอกัน อะไรที่ประชาชนได้ประโยชน์ก็ให้ดำเนินการไปก่อน อะไรที่เดินถึงเส้นทางก่อน ก็ให้ใช้อันนั้น ถ้า พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิม ทำได้ก็ทำเลย อย่าไปขัดขากัน ส่วนตัวก็สนับสนุน พ.ร.บ.ปรองดอง และร่วมลงชื่อสนับสนุนด้วย พร้อมยกมือให้ในสภาฯ ส่วน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของตนก็ยังอยู่ พอเปิดประชุมสภาสมัยสามัญเดือนส.ค. ก็ต้องพิจารณาอยู่แล้ว ถ้ามี พ.ร.บ.ปรองดอง เข้ามาด้วย ก็สามารถรวมร่างมาพิจารณาร่วมกันได้เลย เพราะมีเนื้อหาคล้ายกัน แล้วไปตกลงกันในการแปรญัตติชั้นกรรมาธิการว่า จะมีเนื้อหาอย่างไร ทั้งนี้คงต้องเรียกญาติคนเสื้อแดงมานั่งคุยกัน ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ก็กำลังทำความเข้าใจอยู่ อย่าเพิ่งไปมองว่า ญาติคนเสื้อแดงจะไม่ยอมรับ พ.ร.บ.ปรองดอง ให้เอาความรู้สึกของคนทั้งประเทศที่อยากให้มีความปรองดองเป็นตัวตั้งดีกว่า ยืนยันว่า ไม่ใช่การตีสองหน้า เราไม่ได้ลืมญาติของผู้เสียชีวิต แต่เรื่องนี้ทุกคนได้ประโยชน์หมด ไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ซัดวสิษฐ-แก้วสรร ปลุกปฏิวัติ
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำและอดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ พร้อมด้วยนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และนายขวัญทรวง อติโพธิ ร่วมกันแถลงข่าวปรากฏการณ์ไทยสปริง (Thaispring) หรือ “ดอกบัวแห่งการตื่นรู้” ปฏิเสธการบริหารงานรัฐบาลว่า ยังมีคนบางกลุ่มในสังคมไทยที่มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย หลงใหลการปฏิวัติรัฐประหาร หากไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลก็วิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่อย่าถึงกับวางแผนปลุกปั่นให้บ้านเมืองวุ่นวาย เพื่อเปิดทางให้มีการปฏิวัติ เพราะจะทำให้ประเทศถอยหลังลงคลอง รัฐบาลมีความชอบธรรมบริหารประเทศ ไม่เคยมีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและเทิดทูนของคนไทยแต่อย่างใด ขอให้หยุดนำประเด็นเกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูงมาใช้โจมตีรัฐบาลได้แล้ว เพราะมันไม่จริง
“ทักษิณ” โพสต์เฟซบุ๊คอัด ธปท.
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค “ThaksinShinawatra” ว่า เมื่อวานนี้ ญี่ปุ่นประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.) ว่า GDP โตถึง 3.5% นับเป็นการโตที่มากสำหรับญี่ปุ่น เพราะเศรษฐกิจแย่มานาน ค่อนข้างชัดว่า ผลการเติบโตส่วนใหญ่ก็ได้มาจากนโยบายของท่านนายกฯ อาเบะ ที่ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนลงกว่า 20% รวมทั้งพิมพ์ธนบัตรออกใช้มากขึ้นมาก ที่เขาทำได้ก็เพราะธนาคารกลาง (หรือแบงก์ชาติ) ของญี่ปุ่นขึ้นตรงกับรัฐบาล เขาจึงสามารถทำยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจแบบองค์รวม (Holistic Approach) โดยประธานนโยบายการเงิน (Monetary Policy) กับนโยบายการคลัง (Fiscal Policy) ได้เป็นอย่างดี แต่แน่นอนครับญี่ปุ่นยังต้องมีอีกหลายมาตรการเพื่อให้เศรษฐกิจภายในแข็งแกร่งกว่านี้ ที่สำคัญโครงสร้างการบริหารประเทศของญี่ปุ่นเขาเป็นประชาธิปไตยจริงๆ เขาถือว่าประชาชนมีอำนาจสูงสุด เมื่อประชาชนเลือกใครเข้ามาก็ให้โอกาสทำงานเต็มฝีมือ ถ้าทำไม่ดีประชาชนก็ไม่เลือกกลับมาอีก แต่ของเรายังเป็นประชาธิปไตยแบบแค่นๆ คือไม่เต็มใจให้เป็น จึงเกิดความหวาดระแวงตัวแทนอำนาจประชาชน โดยใช้วิธีแยกอำนาจออกเป็นส่วนๆ แทนจนคุยกันไม่ได้ วางยุทธศาสตร์ร่วมกันไม่ได้ ซึ่งผลเสียก็ตกกับประเทศชาติและประชาชน
ซัดนโยบายการเงินเป็นภาระกระตุ้น ศก.
พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุต่อว่า อย่างกรณีธนาคารแห่งประเทศไทยของเราก็มีกฎหมายของรัฐบาลช่วงรัฐประหารแยกตัวเองออกมา จนไม่ฟังรัฐบาล ซึ่งทำให้ดูน่าวิตกเพราะต่างคนต่างใช้นโยบายของตน มีความเชื่อของตน ตอนนี้เงินจากต่างประเทศไหลเข้าไทยอย่างมากจนน่าวิตก มูลค่าทางตลาด (Market Capitalization) ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์รวมกันโตกว่า GDP ประเทศ จึงมีคำถามว่าเกิด Asset Pricing Bubble หรือไม่ แล้วเราจะมีมาตรการอะไรร่วมกันไหมระหว่างกระทรวงการคลังกับธนาคารแห่งประเทศไทย ผมเป็นห่วงครับ ถ้ามองแค่ปัจจุบันกับอนาคตสั้นๆ ภายในปีเดียว ก็ไม่ต้องคิดมาก แต่ถ้าคิดยาวคิดไปล่วงหน้า 2-3 ปี อันตรายครับ สิ่งที่กังวลก็คือ เรามีคนดี คนมีความรู้และการศึกษาสูงมาก แต่เป็นพวกมี Knowledge แต่มี Wisdom ไม่พอ จะรู้ไม่เท่าทันโลกทุนนิยม ที่หนักกว่านั้นคือ พวก Wisdom ไม่พอดันขยันพูดอีกต่างหาก ประเทศไทยเรา GDP ส่วนใหญ่มาจาก Export (ส่งออก) ซึ่งมีทั้งสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร บาทแข็งขึ้น 1 บาท GDP จะหายไปประมาณ 0.7% รัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้นโยบายอัดฉีดเงินลงสู่รากหญ้า และเพิ่มงบลงทุนของรัฐบาล เช่น โครงการ 2 ล้านล้าน ถ้านโยบายการคลังถูกใช้เยอะเกินไปก็อันตราย เพราะฉะนั้นนโยบายการเงินต้องช่วยไม่ใช่เป็นภาระแบบนี้ ตอนผมเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในปี 2537-2538 ผมก็เห็นสัญญาณไม่ดีหลายอย่าง เพราะรัฐมนตรีต่างประเทศเป็นกรรมการทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยตำแหน่งร่วมกับรัฐมนตรีพาณิชย์และรัฐมนตรีคลัง ผมได้เตือนธนาคารแห่งประเทศไทยกับกระทรวงการคลังทุกครั้งในที่ประชุมแต่ก็ได้รับการชี้แจงแก้ตัวตลอดเวลา จนมาถึงเศรษฐกิจพังตอนปี 2540 ผมเป็นคนชอบดูดัชนีต่างๆ และชอบตกใจล่วงหน้า เหมือนที่ผู้ก่อตั้งบริษัท Intel คือนาย Andrew Grove พูดว่า During the crisis only the paranoid survive ครับ
ป.ป.ช.ชงรัฐล้อมกรอบโกงโครงการน้ำ
วันเดียวกัน นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พร้อมด้วย นายเมธี กรองแก้ว อนุกรรมการ ป.ป.ช. และนายพลายพล คุ้มทรัพย์ ประธานคณะทำงานศึกษาโครงการบริหารจัดการน้ำ ร่วมกันแถลงผลการศึกษาและข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. เพื่อป้องกันการทุจริตในโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย งบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ โดยนายกล้าณรงค์ กล่าวว่า ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ส่งข้อเสนอแนะและการป้องกันการทุจริตในการดำเนินโครงการ ตามข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการและคณะทำงานของ ป.ป.ช. ต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องจาก ป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการดังกล่าวมีการใช้งบประมาณจำนวนมาก และมีจุดเสี่ยงหลายจุด โดยยืนยันว่า ข้อเสนอของ ป.ป.ช.ครั้งนี้ เป็นไปตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 19 (11) ไม่เกี่ยวกับการประชุมผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่จังหวัดเชียงใหม่ และไม่ได้เป็นการกล่าวหารัฐบาลว่าอาจมีการทุจริต แต่เพื่อให้มีการปรับปรุงการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ป้องกันการทุจริต และต้องการให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ มีความโปร่งใส ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ส่งข้อเสนอแนะดังกล่าวไปแล้ว ส่วนรัฐบาลจะนำไปปฏิบัติตามหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาล
ชี้มีจุดเสี่ยงหลายจุด
ขณะที่นายพรายพล กล่าวว่า คณะทำงานได้ศึกษาข้อเท็จจริงและแผนแม่บทต่างๆ แล้ว ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลดำเนินโครงการอย่างเร่งรีบและรวบรัด ทำให้มีเวลาศึกษารายละเอียดน้อย มีการจัดทำแผนแม่บทที่สั้นและไม่มีการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโครงการลงทุนต่างๆ ความเป็นไปได้ทางเทคนิค เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้ครบถ้วน การจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จที่รวมเอางานตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุดการก่อสร้าง และวิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษที่ขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ การทำสัญญาแบบรวมสัญญาเดียว และไม่มีการประกาศราคากลาง อีกทั้งเชื่อว่าจะมีการรับเหมาช่วงเกิดขึ้น จึงทำให้โครงการมีความเสี่ยงที่จะไม่แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด หรือเกิดความเสียหาย นอกจากนี้การจัดการประมูลถือว่ามีการแข่งขันต่ำ และยังมีการอนุมัติลงนามก่อนทำรายงานผลกระทบ นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังเป็นห่วงเรื่องการกำกับและการตรวจรับงาน จึงเสนอให้รัฐบาลจ้างบริษัทที่ปรึกษาที่มีความรู้ความสามารถมาตรวจรับงาน โดยต้องเป็นบริษัทที่ไม่มีประโยชน์ทับซ้อน และบริหารจัดการงบประมาณอย่างเหมาะสม รวมทั้งให้มีเครือข่ายเอกชนที่ต่อต้านการทุจริตมาร่วมตรวจสอบด้วย และหากบริษัทที่เข้าร่วมการประมูลได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 80 ทำให้ต้องเริ่มต้นกระบวนการประมูลใหม่ และหากจำเป็นต้องใช้รูปแบบจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ อยากให้ใช้คู่มือการพิจารณาโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ ปี 2546 มาใช้เป็นแนวทาง
กทม.จี้ม็อบคนไทยพ้นสนามหลวง
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน ที่สนามหลวง ยังคงปักหลังต่อเนื่อง โดยทางสำนักงานเขตพระนครได้ออกประกาศ ให้กลุ่มมวลชนออกจากพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวง พร้อมทั้งรื้อถอน เก็บขนอุปกรณ์เต็นท์ หรือเพิงพักและสิ่งปลูกสร้างใดๆ ออกจากพื้นที่ ในวันที่ 18 พ.ค.นี้ โดยดำเนินการตามมาตรา 68 มาตรา 69 และมาตรา 89 (10) พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 และมาตรา 4 และมาตรา 44 แห่ง พ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ศ.2535 ประกอบกับมาตรา 122 พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 และข้อ 6 แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน พ.ศ.2554 มาบังคับใช้ให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ดังกล่าว
ขู่ไม่ย้ายฟ้องดำเนินคดีฟันแกนนำ
น.ส.ตรีดาว อภัยวงศ์ โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ในวันที่ 18 พ.ค. จะถึงกำหนดวันที่ กทม.ขอให้ผู้ชุมนุมออกจากสนามหลวง ซึ่ง กทม.จะประสานงานให้ออกจากพื้นที่อีกครั้ง แต่หากผู้ชุมนุมยังไม่ออก หลังจากนี้จะเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีกับแกนนำ เพื่อขอให้อำนาจศาลเข้าไปดำเนินการ อย่างไรก็ตาม กทม.ยังขอร้องให้ผู้ชุมนุมเห็นแก่ภาพลักษณ์ของประเทศและส่วนรวม เนื่องจากสัปดาห์หน้าจะมีพิธีทางศาสนา จึงขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมเห็นใจคนอื่นด้วย
เล็งกดดันนำรถสุขากลับ
รายงานข่าวจากฝ่ายการเมืองแจ้งว่า ขณะนี้ฝ่ายบริหารมีความกังวลกับท่าทีของการชุมนุม ที่ไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ จึงอยู่ระหว่างการหารือถึงแนวทางดำเนินการ เพราะ กทม.กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทำให้จากนี้อาจต้องหามาตรการทางกฎหมาย โดยฟ้องศาล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดำเนินการ เพราะที่ผ่านมาการเจรจากับนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เป็นการเจรจาที่ยากมาก และไม่ยอมรับข้อเสนอของ กทม.ที่ให้ย้ายไปที่สนามไชย ซึ่งระหว่างนี้ กทม.มีแนวทางกดดันการชุมนุม โดยอาจจะนำรถสุขาที่นำไปจอดไว้บริการออกจากพื้นที่ด้วย
ตร.เตือนละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นโดนแน่
พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. กล่าวว่า ในเบื้องต้นกรุงเทพมหานครได้แจ้งความไว้แล้วที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งต้องเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้การชุมนุมถือเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการแสดงออกการเรียกร้องตามระบอบรัฐธรรมนูญ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลในส่วนของการรักษาความปลอดภัย คงจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุม แต่หากกลุ่มผู้ชุมนุมไปละเมิดสิทธิ์ของบุคคลอื่นหรือกีดขวางการจราจร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินไปตามขั้นตอนของกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ได้สั่งกำชับให้ตำรวจพื้นที่คอยอำนวยรักษาความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม นอกจากนี้จะดูแลไม่ให้กีดขวางการจราจร จนส่งผลกระทบกับผู้ใช้ถนนอย่างเด็ดขาด
“ไชยวัฒน์” ดื้อไม่ย้าย-ลั่นยกระดับชุมนุม
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน กล่าวว่า จากกรณีที่ ส.ส. ส.ว. กว่า 300 คนได้แสดงความไม่เคารพ และปฏิเสธศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีประชาชนกลุ่มหนึ่งได้เคลื่อนไหวข่มขู่ต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงแสดงออก ถึงเจตนารมณ์โค่นล้มศาลรัฐธรรมนูญนั้น นอกจากนี้ ล่าสุดนิตยสารเรดพาวเวอร์ ได้ตีพิมพ์หน้าปกที่แสดงออกถึงความต้องการให้ส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเห็นว่าเป็นการกระทำของขบวนการเดียวกัน ทำให้มีความเห็นว่าจะต้องยกระดับการเคลื่อนไหวจะชุมนุมใหญ่วันที่ 18 พ.ค. เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป คาดว่าจะมีผู้ชุมนุมเพิ่มเป็น 50,000 คนจากเดิม 35,000 คน ส่วนจะใช้มาตรการอะไรต้องประเมินสถานการณ์ในวันที่ 18 พ.ค. อีกครั้ง ขณะนี้มีการคุกคามเสรีภาพคือถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบติดตามถ่ายภาพในเวลากลางคืน ตนจึงตัดสินใจไม่ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่จะป้องกันตัวเองภายใต้กฎหมาย ส่วนเมื่อช่วงเช้ามีการประกาศจากสำนักงานเขตพระนคร กทม.ให้ออกจากพื้นที่ แต่ตนยืนยันจะอยู่ในพื้นที่ต่อไป เพราะการยก พ.ร.บ.ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 รวมถึงมาตรา 122 แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ จริงๆ เป็นโครงสร้างระบุว่าผู้อำนวยการเขตมีอำนาจอะไร แต่สิ่งที่กำหนดโทษนั้นเป็นลหุโทษ ถ้าสำนักเขตจะดำเนินการตามกฎหมายก็เป็นหน้าที่ของสำนักเขต ส่วนเราก็จะทำตามสิทธิในรัฐธรรมนูญต่อไป เนื่องจากตนเคยเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. เคยดูแลสำนักงานเขต จึงทราบว่าอำนาจผู้ว่าฯ กทม.สามารถละเว้นได้ ถ้าต่างคนต่างทำหน้าที่ก็เป็นประโยชน์ต่อประเทศ เราไม่ได้ใช้สีข้างเข้าถู ส่วนจะใช้สนามหลวงกี่วันก็ขึ้นอยู่กับนักการเมืองจะพ้นจากอำนาจเมื่อไหร่เราจึงจะกลับบ้าน เพราะนักการเมืองเป็นต้นเหตุกอบโกยผลประโยชน์ของประเทศ อย่างไรก็ตาม พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน จะไปยื่นคำร้องกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า สมาชิกวุฒิสภาประพฤติมิชอบ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น