"พัลลภ"ฟันเปรี้ยง!!! "ผบ.ทบ."อาจโดนเด้งเป็น "ผบ.สส."ภายในตุลาฯนี้ -เหตุ ประเพณีอยู่ไม่เกิน 3 ปี
"พัลลภ ปิ่นมณี" ชี้ ผบ.ทบ.อาจถูกโดนปรับย้ายเป็น "ผบ.สส."ภายในเดือนต.ค. เหตุครบตำแหน่งถึง 3 ปี ย้ำชัดตามประเพณีอยู่ไม่เกิน 3 ปี ชี้ถึงสถานการณ์การเมืองไม่น่าถึงจุดปฏิวัติ
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ฝ่ายการเมือง (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ในรายการคมคนคิด ของสำนักข่าวทีนิวส์ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดดังนี้
บุญระดม : ท่านมองสถานการณ์ในช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง เพราะดูเหมือนว่ามันร้อนเหลือเกินนอกเหนือจากอากาศ เพราะดูเหมือนสถานการณ์ต่าง ๆ ก็ร้อนด้วย ทั้งการเมือง ทั้งการทหาร ดูเหมือนจะร้อนไปหมดเลยเพราะผบ.เองก็มีข่าวลืออกมาว่าจะโดนปลดอีก
สนธิญาณ : ฟันธงไปที่กองทัพก่อนครับท่าน เรื่องข่าวลือจะย้ายจริงหรือไม่ และมีโอกาสจะย้ายได้หรือไม่ได้ครับ
พล.อ.พัลลภ : คือผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้หรอกครับ เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปีที่ท่านเป็นผบ.ทบ. ไม่เคยปรากฏว่าท่านทำอะไรที่สร้างความเสียหายให้แก่กองทัพและประเทศชาติ ท่านทำงานด้วยความวิริยะอุตสาหะ ด้วยความรู้และความสามารถ ผมคิดว่าการที่จะย้ายท่านก็น่าจะเป็นการปรับย้ายภายในเดือนต.ค. เพราะว่าพอถึงต.ค.ท่านจะครองตำแหน่งผบ.ทบ.ถึง 3 ปี และพอดีปีนี้ปลัดกระทรวงกลาโหมก็เกษียณ เพราะฉะนั้นท่านก็เป็นผู้ครองอัตตาอาวุโสสูงสุด ถ้าท่านย้ายก็อาจจะไปเป็นผบ.สูงสุด หรือปลัดกระทรวงกลาโหม ยังไงก็แล้วแต่มติสภากลาโหมถ้าท่านจะย้าย คือโดยปกติทหารเราระดับนายพลที่ครองอัตราอยู่ตามประเพณีแล้วเราจะอยู่ไม่เกิน 3 ปี ในการที่เราจะมาเร่งท่านขนาดนี้ผมว่ามันเป็นไปไม่ได้
สนธิญาณ : ผมขอทบทวนอีกครั้งนะครับ คือถ้าย้ายนอกฤดูกาลไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ เพราะท่านไม่เคยทำอะไรที่เสียหาย ทำงานให้กับรัฐบาลและประเทศชาติมาโดยตลอด ท่านทำเพื่อกองทัพบกมาโดยตลอด
พล.อ.พัลลภ : ใช่ครับ ท่านทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด ไม่เคยปรากฏว่ามีความเสียหายเกิดขึ้น ถ้าย้ายก็ต้องไปตามวาระ เพราะท่านเป็นผู้อาวุโสอยู่มา 3 ปีแล้ว
สนธิญาณ : แต่ถามว่าในที่ประชุมของคณะกรรมการโยกย้าย ซึ่งประกอบไปด้วยผบ.เหล่าทัพผู้บัญชาการสูงสุด ปลัดกระทรวงกลาโหม และท่านรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมว่าโดยมติในคณะนี้ผบ.เหล่าทัพเขาจะปกป้องกันเองไม่ให้ย้ายหรือเปล่า
พล.อ.พัลลภ : คืออันนี้ผมคิดว่ามันเป็นระเบียบปฏิบัติในรัฐมนตรี ในช่วงหลังไม่มีใครที่เป็นผบ.เหล่าทัพเกิน 3 ปี ผมคิดว่าในใจท่านควรจะต้องสมัครใจ ที่จะขึ้นไปเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมหรือผบ.สูงสุด ก็อย่างที่ผมบอกแล้วแต่มติสภากลาโหมหรือความสมัครใจของท่านเอง
สนธิญาณ : เอาเข้าจริง ๆ ท่านอยากสมัครใจเองหรือเปล่า เพราะเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมมันก็ไม่มีอำนาจเหมือนเป็นผบ.ทบ.
พล.อ.พัลลภ : ถ้าพูดถึงอำนาจใช่ครับ เพราะผบ.ทบ.เป็นผู้ที่คุมบัลลังก์มากที่สุด แต่ว่าผบ.สูงสุดก็เป็นตำแหน่งที่สูงขึ้นหรือแม้แต่ปลัดกระทรวงกลาโหม คืออย่างนี้ถ้าเทียบกับกระทรวงอื่นทั่วไป ผู้บัญชาการทหารบกก็เทียบเท่ากับอธิบดีกรมคนหนึ่งเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าท่านอยู่จนครบ 3 ปีแล้ว แล้วท่านย้ายขึ้นไปถือว่าท่านสูงขึ้นก็เหลืออีกแค่ปีเดียวท่านถึงจะเกษียณ แต่ประเพณีเราอยู่ไม่เกิน 3 ปีหรอกครับ
สนธิญาณ : แต่อธิบดีกรมยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงประเทศไล่นายกฯไม่ได้ มีแต่อธิบดีกรมกองทัพบกที่ย้ายได้ ที่จัดการเรื่องเหล่านี้ได้
พล.อ.พัลลภ : อันนี้ผมเทียบฐานะ เราไม่พูดถึงอำนาจการควบคุมกำลังพล ซึ่งผบ.ทบ.มีกำลังพลพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์มาก มากที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้
บุญระดม : ลองท่านพูดแบบนี้แสดงว่าต้องมีการพูดคุยกันแล้ว ว่าในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ปกติอยู่กันแค่ 3 ปีก็เกินพอแล้ว
พล.อ.พัลลภ : ปกติประเพณีที่ปฏิบัติมีความเป็นมาอย่างนั้นครับ
สนธิญาณ : ท่านได้ยินข่าวสารจากฝั่งรัฐบาลบ้างหรือยัง มีการพูดคุยในประเด็นนี้หรือยัง
พล.อ.พัลลภ : อันนี้ผมไม่ได้ยินครับ แต่ในฐานะที่ผมเป็นนายทหารเก่าที่เคยประจำการมาประเพณีก็ยึดถือกันมาแบบนี้
บุญระดม : มองดูคุณทักษิณเองเห็นพ้องในประเด็นนี้ด้วยหรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ควรจะหยุดแค่เท่านี้เพราะมันหมดวาระแล้ว สำหรับในช่วงระยะเวลา 3 ปีมันก็เพียงพอแล้ว
พล.อ.พัลลภ : อันนี้ผมคงไม่ไปก้าวก่ายถึงคุณทักษิณ เพราะท่านอยู่นอกเหนือจากสถานการณ์อันนี้ สถานการณ์อันนี้ต้องอยู่ที่สภากลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
บุญระดม : ถ้าหากว่ามีการย้ายแบบนี้จริง คิดว่ามันจะมีการเกิดแรงกระเพื่อมอะไรตามมาหรือเปล่า
พล.อ.พัลลภ : ผมคิดว่าถ้ามันเป็นการปรับย้ายแบบนี้ ก็พูดง่าย ๆ ว่าท่านก็ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
สนธิญาณ : แต่ความหมายที่ผมมีคำถามต่อมาคือ โดยประเพณีผู้บัญชาการทหารบกต่อไปก็ต้องให้กองทัพเขาเลือกกันเองถูกไหมครับ หรือหมายความว่าพล.อ.ประยุทธ์จะต้องเลือกผู้บัญชาการทหารบกคนต่อไปด้วยตัวเอง ไม่ใช่รัฐบาลเป็นคนเลือกอันนี้ถูกต้องไหมครับโดยประเพณี
พล.อ.พัลลภ : ถูกต้องครับ ท่านจะต้องเสนอเข้าในที่ประชุมสภากลาโหม สภากลาโหมก็จะต้องลงมติว่าจะให้หรือไม่ให้
สนธิญาณ : ไปเปลี่ยนแปลงได้ไหมครับ สภากลาโหมรัฐบาลคุมเสียงข้างมาก
พล.อ.พัลลภ : คงเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอกครับ ถ้าเป็นมติสภากลาโหมเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอกครับ
สนธิญาณ : ไม่ใช่ครับ หมายถึงว่าสภากลาโหมจะไปเปลี่ยนแปลงข้อเสนอของท่านผู้บัญชาการทหารบกได้ไหม
พล.อ.พัลลภ : ได้ครับ ถ้าเป็นมติเสียงข้างมาก จะเป็นคนอื่นก็ได้
สนธิญาณ : โดยข้อสรุปก็เห็นแล้วตามที่พล.อ.พัลลภว่าโดยประเพณีโดยปฏิบัติ หรือโดยอะไรก็แล้วแต่มันอาจจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ในเดือนต.ค.นี้ ทีนี้การเมืองในปัจจุบันต้องเรียนว่าท่านเป็นผู้ที่มีประสบกาณ์อย่างโชกโชน มีเพื่อนฝูง ญาติมิตร ไปทุกองค์การ ฝั่งรัฐบาลก็มีเพื่อนเยอะ ฝั่งต่อต้านรัฐบาลก็แยะ คำถามก็คือที่เขาบอกว่าวันนี้ม็อบต่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้น มันรับกับกระแสปฏิวัติท่านได้ข่าวนี้บ้างหรือเปล่า
พล.อ.พัลลภ : ผมก็วิเคราะห์ดูก็มีคนพูดอยู่เหมือนกัน แต่ผมมองแล้วว่าไม่น่าไปถึงจุดนั้น เพราะการปฏิวัติมันต้องมีเงื่อนไขที่ร้ายแรง ซึ่งเงื่อนไขส่วนมากก็มีการทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสถาบันอะไรแบบนี้ ส่วนมากจะเป็นเงื่อนไขแบบนั้น แต่วันนี้มันไม่มี
สนธิญาณ : ฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลก็บอกว่าจำนำข้าวก็เยอะแยะไปหมด เกี่ยวข้องเรื่องสถาบัน คนเสื้อแดง คนในส.สพรรครัฐบาลเองหรือส.ส.นี่ผมยกตัวอย่างนะครับคลิปข้อมูลที่เขาส่งมาให้ทีนิวส์ คุณสุนัย จุลพงศธร เคยหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างหนัก คุณก่อแก้ว พิกุลทอง ก็เคยไปประกาศว่ารูปที่มีกันอยู่ตามฝาทุกบ้านทุกหลังจะปลดลง อันนี้เขามีหลักฐานกันอยู่อย่างพอสมควร แบบนี้นี่มันพอเป็นกระแสได้หรือเปล่า
พล.อ.พัลลภ : ผมขอถามหน่อยว่าคนพวกนี้มีเท่าไหร่ คนไทยวันนี้มี 67 ล้านคน ผมให้คนพวกนี้สักแสนคนมันไม่ใช่
สนธิญาณ : สัดส่วนมันก็น้อย แต่ก็อยู่ในรัฐบาลเป็นส.ส.ฝั่งรัฐบาล
พล.อ.พัลลภ : คืออันนี้ที่เขาพูดมามันก็มีอยู่หลายคน คดีมันอยู่ที่ศาล ผมคิดว่าให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินไปดีกว่า โดยเฉพาะพวกที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาลเองก็ตัดสินไปหลายคนแล้ว
บุญระดม : ทีนี้ถ้าหากว่ามีพ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมา อันนี้มันจะเป็นการจุดชนวนให้เกิดปัญหาอะไรตามมาหรือเปล่า เพราะว่าทุกคนจะได้รับการนิรโทษกรรมกันทั้งหมด
สนธิญาณ : การนิรโทษกรรมคราวนี้ที่เขาร่างขึ้นสู่สภา ไม่เกี่ยวกับมาตรา 112 คือของท่านรองนายกฯเฉลิม ฉบับล่าสุดเขียนคลุมมาก สิ่งที่เกิดขึ้นจากแรงกระทบจากการเมืองมันครอบคลุมหมด ซึ่งหลายคนก็บอกว่า ไม่ได้มีคำยกเว้นในเรื่องมาตรา 112 ซึ่งในฝั่งที่โดนคดีมาตรา 112 คนเสื้อแดงก็ตีความว่าอันนี้คลุมของเขาด้วยนะ
พล.อ.พัลลภ : คุณเฉลิมเขาสรุปข้อความของเขาที่กระทบจากผลทางการเมือง การเมืองกับสถาบันคนละอันกันต้องแยกออกให้ชัด มันคนละเรื่องกันกับมาตรา 112
สนธิญาณ : ผมเรียนท่านแบบนี้ครับ ถ้าเราไปดูความเคลื่อนไหวของบรรดาอาจารย์ หรือคนที่สนับสนุนในการแก้ไขมาตรา 112 เขาจะบอกว่าคนพวกนี้ที่ออกมาวิจารณ์เรื่องมาตรา 112 ล้วนแต่มาจากเรื่องการเมือง การเกี่ยวเนื่องอำนาจในปีพ.ศ. 2549 ทั้งสิ้น อันนี้เป็นข้ออ้างของเขานะครับ ว่าต้องครอบคลุมมาด้วย อันนี้ผมก็มาเล่าข้อมูลให้ท่านฟัง
บุญระดม : ทีนี้ถ้าหากว่าตัดเรื่องมาตรา 112 ไป ท่านเองมองว่าพ.ร.บ.ปรองดองที่จะออกมา แล้วให้คนทุกคนไม่ต้องได้รับโทษกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2549 ท่านคิดว่าจะทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศรู้สึกดี และอย่างพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย จะออกมาหรือเปล่า
พล.อ.พัลลภ : ผมไม่คิดว่าเขาจะออกมาหรอกครับ เพราะว่าถ้าเรื่องพ.ร.บ.อันนี้ มันก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญผ่านสภา สภาก็คือผู้แทนปวงชน ถามว่าถ้าเขาออกมาแล้วเขาจะเอาอะไรมาต้าน ในการรัฐประหารผมเป็นคนหนึ่งที่ผ่านอันนี้มาหลายครั้งด้วยกัน สำเร็จก็หลายครั้ง เป็นกบฏก็เคยหนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะฉะนั้นในการทำทุกอย่างมันจำเป็นจะต้องมีเงื่อนไข เงื่อนไขที่แน่ชัด เพียงแต่ว่าเรื่องแค่นี้มันไม่น่าจะเป็นเงื่อนไขในการปฏิวัติรัฐประหารหรอกครับ
บุญระดม : นั่นก็หมายความว่าท่านมองแล้วไม่น่ามีการปฏิวัติประเทศไทยในช่วงนี้
พล.อ.พัลลภ : ผมมองแล้วว่าไม่น่าจะได้ เงื่อนไขหลัก ๆ ในการปฏิวัติทุกครั้งมันจะมีเงื่อนไขอยู่ 2-3 ข้อ ข้อ 1. เกี่ยวข้องกับสถาบัน ข้อ 2. การทุจริตคอรัปชั่น ข้อ 3. ความไม่เป็นธรรมในสังคม ลักษณะจะเป็นแบบนี้
สนธิญาณ : ทีนี้ที่วิเคราะห์กัน ขออนุญาตแลกเปลี่ยนกับท่านว่า พอพ.ร.บ.ออกนิรโทษกรรม พันธมิตร พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คุณสนธิ ลิ้มทองกุล หลายคนทั้งหลายก็ระดมคนออกมา เสื้อแดงก็ออกมาต่อต้าน ทีนี้มันก็จะมีการตีกันอย่างต่อเนื่อง อันนี้มันมีโอกาสเกิดการปฏิวัติขึ้นหรือเปล่าตามทัศนะของท่าน
พล.อ.พัลลภ : ถ้าประชาชนออกมา 2 ฝ่ายอย่างที่คุณสนธิญาณว่า ออกมาปะทะกันเกิดสงครามการเมือง ยังไงทหารก็ต้องออกมากันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนมันก็เป็นแบบนี้เหมือนกันหมด ทหารต้องออกมาแน่นอน
สนธิญาณ : ถือว่าเป็นหลัก เพราะทหารถือว่าเป็นผู้ที่มีความพร้อม ในการควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในสภาวะที่ปกติ
พล.อ.พัลลภ : ในการที่จะรักษาความสันติสุขมาสู่ประชาชน และความมั่นคงของประเทศ
สนธิญาณ : ช่วงนี้มีใครมาปรึกษาท่านในเรื่องการบ้านการเมืองบ้างหรือเปล่า
พล.อ.พัลลภ : ไม่มีหรอกครับ
สนธิญาณ : ต้องเรียนแบบนี้นะครับว่า ความเคลื่อนไหวของพล.อ.พัลลภก็เป็นความเคลื่อนไหวอันหนึ่งที่ผู้คนจะต้องคอยจับตามอง
บุญระดม : ท่านคะผบ.ทบ.คนใหม่ที่ท่านมอง ๆ เอาไว้ คิดว่าควรจะเป็นใครดี
พล.อ.พัลลภ : ผู้ที่ครองตำแหน่งเป็นท่านรองผบ.ทบ. หรือตำแหน่งอื่น ๆ ก็สามารถที่จะขึ้นมาเป็นได้ทุกคน มาถึงระดับนี้แล้วเป็นได้ทุกคนครับ อย่างที่ผมบอกมันก็แล้วแต่เมื่อเสนอชื่อขึ้นมาแล้ว มันก็ต้องเข้าสู่สภากลาโหม มติเสียงข้างมากถ้าโอเคก็เป็นผบ.ทบ.ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น