วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ประชาธิปไตยในมือโจร!!!จาก ไทยโฟสต์ เมื่อ 13 พ.ค.56


ประชาธิปไตยในมือโจร!!!



 ขนาดตุลาการสูงสุดแท้ๆ...ยังถูกประกาศไล่ล่า กะจะจับตัวมาขึ้นศาลเตี้ยกันเห็นๆ แล้วระดับปุถุชนคนธรรมดาจะไปเหลืออะไร!!! เช้ามืดวันเสาร์ หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ต้นสังกัดของคุณพี่ ชัย ราชวัตร ถูกปาประทัดยักษ์เข้าใส่ ช่วงสายๆ บ่ายๆ สนามบินแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงราย แทบถูกล็อก ตรวจค้นรถเข้า-ออก เพื่อล่าตัวหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ผู้จะเดินทางมาปราศรัยที่จังหวัดพะเยา พอแดดร่มลมตก ก็ได้เวลาบุกป่วนเวทีพรรคประชาธิปัตย์ ชนิดหวิดเลือดตกยางออก ต่อหน้า ต่อตา ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์นับร้อยๆ ที่ยืนซึมกะทือเป็นจ่าเฉยซะยังงั้น...
                                 -------------------------------------------------
    เฮ้ออ์อ์อ์...ให้ตายเถิด ไอ้ ความเป็นประชาธิปไตย อะไรเนี่ย อันที่จริงแล้ว...มันไม่น่าจะเกี่ยวกับ ความเป็นกุ๊ย เอาเลยแม้แต่น้อย หรือน่าจะเป็นคนละเรื่อง คนละม้วน ซะด้วยซ้ำ อย่างที่ ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านพูดทิ้งท้ายเอาไว้ ให้เป็นมรดกนั่นแหละว่า ความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น มันต้องมี ธรรม อยู่ภายในตัว หรือมีความไม่เห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง แต่ถ้าหากไป แยกความไม่เห็นแก่ตัว ออกจากประชาธิปไตยขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสที่มันจะกลายไปเป็นประชาธิปไตยแบบกุ๊ยๆ หรือกลายไปเป็น ประชาธิป...ตาย ที่นับวันจะก่อให้เกิดความอิดหนา ระอาใจ ความน่าทุเรศ สังเวชใจ ต่อพฤติกรรมของผู้ที่อ้างความเป็นประชาธิปไตย อ้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมักจะออกอาการกร่าง อาการเกรียน หนักขึ้นทุกที...
                             -----------------------------------------------------
    แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...ถ้าหากหัวไม่ส่าย หางมันคงไม่น่าจะเกิดแรงกระตุ้น แรงจูงใจ ในการกระดิกริกๆ กันซักเท่าไหร่นัก ถึงจะมีความพยายามนำเอาความเป็นกุ๊ย กับความเป็นประชาธิปไตย มารวมเป็นคนละเรื่องเดียวกันก็เถอะ แต่ในเมื่อ นักประชาธิปไตยตัวพ่อ และ ตัวแม่ต่างส่ายหัว ส่งสัญญาณ กันเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะด้วยการเปิด ไฟเขียว ให้กับการไล่ล่าศาลรัฐธรรมนูญ โดยถือเป็น สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ชนิดหนึ่ง การปล่อยให้มวลชนของตัว ออกก่อกวนพรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม ในทุกๆ เวที ทุกๆ กรณี โดยไม่เพียงไม่คิดจะห้ามปราม แต่กลับถือเป็นการแสดงออกทางเสรีภาพของประชาชน อันมิอาจขัดขวางได้ ซึ่งคงไม่ต่างอะไรไปจากการยุส่งซะยังงั้น ตลอดไปจนการสไกป์และสกังก์ ตอดนิด ตอดหน่อย เล่นงานใครก็ตาม ที่ถือเป็นอุปสรรค ขัดขวาง เส้นทางอำนาจ และผลประโยชน์ตัวกู-ของกู อย่างไม่คิดจะละเว้น แม้ว่าใครเหล่านั้น จะมีสถานะเป็นปัจเจกบุคคล หรือมีสถานะเป็นสถาบันทางสังคมก็ตาม...
                            --------------------------------------------------------
    ในเมื่อเล่นกันยังงี้...เอากันยังงี้...แล้วมันจะไปเหลืออะไรล่ะทั่น!!! ไม่ใช่แค่ฝ่ายตรงข้าม หรือผู้ที่ขวางเส้นทางอำนาจ และผลประโยชน์ตัวเองเท่านั้น ที่จะไม่เหลือ แต่กระทั่งผู้ที่ไม่ใช่ประชาชนของตัวเอง ไม่ได้อยู่ในจำนวน 15 ล้านเสียง หรือผู้ที่ถูกสรุปว่าเป็น เสียงส่วนน้อย สุดท้ายก็จะไม่เหลือไปด้วย พร้อมทั้งระบอบประชาธิปไตย ที่กำลังจะกลายเป็นระบอบประชาธิป...ตาย ก็ย่อมต้องไม่เหลืออีกเช่นกัน จากนั้น...สุดท้ายของสุดท้าย ประเทศชาติบ้านเมือง อันเป็นที่เกิด ที่ตาย ของผู้คนทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ต่อฝ่ายไหน ก็คงไม่เหลือเศษซากใดๆ พอเอาไว้ทำยา ทำหัวเชื้อ ต่อไปได้อีก คุณค่าของความเป็นชาติ ที่ถูกย่อยแยกแตกสลายออกไปเป็นชิ้นๆ คงขึ้นอยู่กับราคาประมูลของมหาอำนาจ ชาติใด ชาติหนึ่ง ที่ต้องไปสู้ราคากันเอาเอง...
                             -------------------------------------------------------
    นี่แหละ...ทิศทางความเป็นไปของชาติบ้านเมือง ภายใต้กระแส ประชาธิปไตยที่กินได้ ซึ่งกำลังมาแรง แซงโค้งหนักขึ้นทุกที อะไรต่อมิอะไร มันเลยมักถูกนำไปกิน ไปทำมาหาแ-ก เพื่อให้เกิดเรี่ยวแรง เกิดกำลังวังชา ในการเกะกะระราน ข่มขู่ คุกคาม ผู้ที่เป็นอุปสรรค ขัดขวาง เหมือนดั่งผู้ที่ไม่เคยอยู่ร่วมชาติ ร่วมแผ่นดิน ร่วมวัฏสงสารใดๆ กันมาก่อนเอาเลยก็ว่าได้ ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันแบบพี่ๆ น้องๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับใครก็ตาม ที่ไม่ใช่พวกกู ฝ่ายกู ซะอย่าง ไม่หลงเหลือความห่วงใย ความเมตตา สงสาร ต่อผู้ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในฝ่ายตรงกันข้าม แล้วยังงี้จะไปเสียเวลากู่ตะโกน เพรียกหาความปรองดอง ความสมานฉันท์ กันไปทำไมมี ก็เอาให้ตายกันไปข้าง ฉิบหายกันไปข้าง มิเข้าท่ากว่าหรือ??? ในเมื่อทุกวันนี้...อะไรต่อมิอะไร มันก็กำลังเป็นไปในแบบ วินเนอร์ เทกออล หรือแบบผู้ที่มีเสียงข้างมาก กลายเป็นผู้กำหนด ทุกสิ่ง ทุกอย่าง กำหนดความถูกต้อง หรือกระทั่งกำหนดมาตรฐาน ความดี-ความชั่ว ไปแล้วก็ว่าได้...
                          ----------------------------------------------------------
    ในเมื่อเอากันแบบทื่อๆ ดื้อๆ เช่นนี้ ก็คงไม่ต้องไปเสียเวลาปกครอง ดูแล บริหาร จัดการ บ้านเมืองใดๆ ต่อไปอีกแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประเพณีใดๆ มาคอยถ่วงให้พะรุง พะรัง ให้มากเรื่อง มากความ เพราะอาศัยแค่ กฎหมู่ ล้วนๆ ก็พอจะสนองตอบความปรารถนา ความต้องการของตัวเอง ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ เอาเป็นว่า...ขอแต่เพียงอย่าได้ดัดจริต เรียกตัวเองว่ารัฐบาล เรียกขานกันในหมู่พรรคพวก ส.ส. ส.ว. ว่า สมาชิกรัฐสภาผู้ทรงเกียรติ หรือทรงเกือกต่อไปอีกเลย และอย่าได้อ้างความเป็นประชาธิปไตย ให้ต้องอ้วกแตก อ้วกแตน ด้วยความคลื่นไส้มากไปกว่านี้ เพราะในสายตาผู้อื่น สิ่งที่ตัวเอง และพรรคพวกตัวเอง กำลังเป็นอยู่ในทุกวันนี้ อย่างมาก...มันก็แค่ ซ่องโจร ธรรมดาเราดีๆ นี่เอง!!!
                        ------------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Ellery Sedgwick... Democracy’s real test lies in its respect for minority opinion. - ข้อพิสูจน์ที่แท้จริงของความเป็นประชาธิปไตย อยู่ที่การให้ความเคารพต่อเสียงข้างน้อย...
                       -----------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น