วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

นายกฯยิ่งลักษณ์เต้นห่วงสื่อถูกมือดีคุกคามหนัก หลังไทยรัฐถูกปาบึ้มตำรวจวิ่งกันหัวปั่น ปชป. งง พท.ร้อนตัวเก่ง-อี้ฟัดกันนัวเนียวันที่ 12/05/2556 เวลา 22:59 น




นายกฯยิ่งลักษณ์เต้นห่วงสื่อถูกมือดีคุกคามหนัก

หลังไทยรัฐถูกปาบึ้มตำรวจวิ่งกันหัวปั่น

ปชป. งง พท.ร้อนตัวเก่ง-อี้ฟัดกันนัวเนีย

ตำรวจไฟลนก้นเร่งหาเบาะแสคนร้ายบึ้มประทัดยักษ์-ขว้างเปตอง ใส่ “ไทยรัฐ” เผยพบลายนิ้วมือบนลูกเปตอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจดีเอ็นเอ “ยิ่งลักษณ์” ห่วงสื่อถูกคุกคาม จี้ ตร.เร่งล่าคนร้าย “ปชป.” ประณามพวกป่วนป่าเถื่อนงง “พท.” ร้อนตัวรีบแจงไม่เกี่ยวเสื้อแดงหวั่นชี้นำกระทบคดี “อี้-แทนคุณ” ปัดป่วนงานดอนเมือง รับห่วงบรรยากาศเลือกตั้งซ่อมหวั่นมีความรุนแรงมาก “การุณ” โต้ไม่ได้คุกคามท้าตั้งโต๊ะชี้แจงพร้อมกัน “มาร์ค” วอนทุกฝ่ายอย่ากระทบกระทั่งกัน “พท.” รอประชุมพรรค 14 พ.ค. เคาะชื่อคนสู้ศึก ลต. “ปอท.” เผยผลตรวจคอมพิวเตอร์ผู้ต้องสงสัยแฮ็กเว็บไซต์สำนักปลัดนายกฯ ชี้อาจทำเป็นขบวนการ “สุกำพล” เมินข่าวปลด “ประยุทธ์” ลั่น ไร้สาระ
ตร.เร่งคดีป่วน “ไทยรัฐ”
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 พ.ค.56 พ.ต.อ.สุนทร คงกล่ำ ผกก.สน.บางซื่อ เปิดเผยความคืบหน้า กรณีคนร้ายขว้างลูกเปตอง จำนวน 2 ลูก และประทัดยักษ์ใส่ป้อมรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ประตู 3 หรือประตูทางออกของ บริษัท วัชรพล จำกัด (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ) เลขที่ 1 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อเวลา 03.00 น. ของวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำลูกเปตองทั้ง 2 ลูก ซึ่งเป็นของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุ ส่งให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอย่างละเอียด จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบรอยนิ้วมือของคนร้ายที่ติดอยู่บนลูกเปตองแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบดีเอ็นเอ และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด กว่า 40 ตัว ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง และในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนีด้วย เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดราชการติดต่อกันหลายวัน จึงไม่สามารถประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดได้ต้องรอให้เปิดทำการเวลาราชการเสียก่อน โดยในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.30 น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.จะเรียกประชุมฝ่ายสืบสวนสอบสวน สน.บางซื่อ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ทั้งนี้ ได้มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า ในประเด็นการติดตามหาเบาะแสลูกเปตองที่คนร้ายใช้ปาใส่ป้อมรักษาความปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ ได้ออกตระเวนตามร้านค้าขายอุปกรณ์กีฬาในเขตท้องที่ แต่ยังไม่พบเบาะแสจึงจะขยายวงออกไปนอกพื้นที่ เพราะคนร้ายไม่สามารถทำลูกเปตองเองได้ ต้องไปซื้อมาจากร้านค้าแน่นอน รวมทั้งจะประสานสมาคมกีฬาเปตอง เพื่อขอความรู้เรื่องลูกเปตอ งเพราะเป็นกลุ่มเฉพาะที่จะรู้ว่าเป็นลูกเปตองที่หาซื้อตามร้านค้าทั่วไป หรือเป็นลูกเปตองราคาแพงที่ต้องซื้อตามร้านเฉพาะเท่านั้น
“ยิ่งลักษณ์” ห่วงสื่อถูกคุกคาม
ทางด้าน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเลขาธิการ ปปส. เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้สึกเป็นห่วงปัญหาการคุกคามสื่อที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเหตุระเบิดหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ จึงสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว รวมทั้งวางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ส่วนความคืบหน้าทางคดี ตำรวจเชื่อมั่นวัตถุพยานที่มีว่าจะติดตามตัวคนร้ายได้ ส่วนพยานบุคคลมีไม่มาก แต่พยานสามารถชี้ และบอกลักษณะคนร้ายได้
“ปชป.” งง “พท.” ร้อนตัว ชี้นำ ตร.
วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่มีการใช้ลูกเปตอง และประทัดป่วนสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐนั้น ว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอประณามการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมอย่างยิ่ง หากคนเหล่านั้นเห็นว่าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐทำเรื่องที่ละเมิดกฎหมาย ก็ควรใช้กระบวนการยุติธรรมในการดำเนินการ เพื่อให้เป็นไปตามครรลองของกฎหมาย ดีกว่าที่จะไปใช้ความรุนแรง ป่าเถื่อน ทั้งนี้มีสิ่งน่าสังเกตคือ เหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงรีบออกมายืนยันว่าไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เคยไปประท้วงหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐก่อนหน้านี้ แต่ตนคิดว่าการที่จะระบุได้ว่าเป็นหรือไม่เป็นฝีมือของกลุ่มใดนั้นควรเป็น หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะหาพยานหลักฐาน และนำคนผิดมาดำเนินการตามกระบวนการตามกฎหมาย พรรคการเมืองไม่ควรไปชี้นำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคการเมืองที่มีอำนาจรัฐในปัจจุบัน มีเสียงข้างมากในสภา และบริหารประเทศอยู่ ซึ่งการออกมาชี้นำอาจทำให้ผลการสืบสวนสอบสวนถูกบิดเบือนไปได้ อย่างไรก็ตามอยากเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งหาคนผิดมาลงโทษ เพื่อไม่ให้การใช้ความรุนแรงเป็นเยี่ยงอย่างกับบุคคลอื่นอีกต่อไป
“แทนคุณ” ปัดป่วนงานดอนเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการแชร์คลิปวีดีโอเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่าง นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ตัดสิทธิการเมืองเป็นเวลา 5 ปี กับนายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคประชาธิปัตย์ คู่กรณีของนายการุณ ในคดีปราศรัยใส่ร้ายเมื่อปี 2554 จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในอินเตอร์เน็ตนั้น เมื่อเช้าวันที่ 12 พ.ค. นายแทนคุณ ได้เปิดแถลงข่าวถึงเหตุการณ์วุ่นวายที่โรงเรียนบริบูรณ์ศิลป์ศึกษา ว่า ได้ไปร่วมงานเอสเอ็มแอล ของชุมชนนิเวศน์ชาวฟ้า ตามคำเชิญของอาจารย์ท่านหนึ่ง และได้ขึ้นไปพูดบนเวที หลังจากพูดเสร็จก็กลับ ต่อมาได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่ร่วมฟังการประชุมว่า นายประเวศร์ วัลลภบรรหาร อดีตผู้สมัคร ส.ก. ซึ่งเป็นทีมงานของนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.ดอนเมือง พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวหาว่า ตนและทีมงานแจกสุราในชุมชนเมื่อวันสงกรานต์ ทั้งที่ความจริงคือเป็นการแจกน้ำอบไทย จึงเดินทางกลับมาเพื่อสังเกตการณ์ อย่างไรก็ตามเมื่อนายการุณ เห็นตนจึงแย่งไมโครโฟนจากนายประเวศร์ และชี้มือมา โดยพูดว่า “คุณไม่มีสิทธิ์ ขอให้ออกไปจากห้อง และถ้าเข้ามายุ่งเกี่ยวการทำประชาคมในโครงการดังกล่าว” นายแทนคุณ กล่าวว่า ได้ตอบนายการุณไปว่า มีสิทธิเข้ามาสังเกตการณ์ เพราะเงินโครงการดังกล่าวเป็นภาษีประชาชน ต่อมานายการุณและลูกน้อง 4-5 คนได้พยายามแย่งโทรศัพท์ไปจากมือ จึงร้องขอออกไปว่าอย่าทำร้าย “อยากตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด นายการุณ จึงเข้าไปอยู่ในที่ประชุมที่มีการจัดสรรงบประมาณ การให้ข่าวที่มีการบิดเบือนว่าผมเข้าไปป่วนงาน จึงไม่เป็นความจริง ผมไม่ได้พูดพาดพิงคุณการุณแม้แต่ครึ่งคำ การปิดห้องประชาคมเพื่อใส่ร้ายผม โดยไม่มีโอกาสได้แก้ตัว ถือว่าไม่แฟร์ ก็อยากจะขอความยุติธรรมได้ไหม เวลานี้ ผมรู้สึกเป็นห่วงบรรยากาศ การลงพื้นที่หาเสียงของเขตดอนเมืองต่อจากนี้ว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น พร้อมทั้งไม่มั่นใจในความปลอดภัยของผมและทีมงานที่จะลงพื้นที่หาเสียงในเขตดอนเมือง หากนายการุณ ยังมีพฤติกรรมคุมคามฝ่ายตรงข้ามเช่นนี้”
“เก่ง” ท้าตั้งโต๊ะชี้แจงพร้อมกัน
ทางด้านนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ถูกนายการุณข่มขู่คุกคามระหว่างเข้าไปสังเกตการณ์การทำประชาคม งบเอสเอ็มแอล เขตดอนเมือง ว่า ไม่เป็นความจริง สิ่งที่นายแทนคุณบอกว่า ทำไมตนเข้ามายุ่งเกี่ยวในโครงการทำประชาคม ทั้งๆ ที่ถูกศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนั้น ตนแค่เข้าไปพูดขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้กำลังใจในการทำงานมาตลอด พอพูดเสร็จก็ไปนั่งเฉยๆ ให้ทีมงานมาทำประชาคมแทน ระหว่างนั้นนายแทนคุณแฝงตัวเข้ามาอยู่หลังห้องประชุม พอตนเห็นจึงเข้าไปหยิบไมค์จากทีมงานมาพูดกับนายแทนคุณว่า ควรให้เกียรติกันหน่อย เพราะทำกับตนมามากพอแล้ว พร้อมทั้งเชิญให้นายแทนคุณออกจากห้องประชุม แต่นายแทนคุณบอกว่า มีสิทธิ์เข้ามาฟังได้ แล้วหยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิปตนไว้ จากนั้นทีมงานตนจึงเดินเข้าไปเจรจาให้นายแทนคุณออกจากห้องประชุม ส่วนตนก็เดินเข้าไปหาเพื่อขอให้นายแทนคุณลบคลิปออกจากโทรศัพท์ เพราะถือว่าก้าวล่วงสิทธิติดตามถ่ายรูปตน แต่นายแทนคุณรีบโวยวายว่าอย่ามาทำร้ายผมๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครทำอะไรเลย ขอย้อนถามว่า ถ้านายแทนคุณโดนคนติดตามถ่ายรูปเช่นนี้จะรู้สึกอย่างไร ยืนยันว่า ไม่มีการข่มขู่คุกคามอะไรเลย อย่ามาสร้างกระแสหรือจ้องจับผิดตน ให้ไปถามชาวบ้าน 200 คนที่อยู่ในห้องประชุมได้เลยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ไม่ต้องถามจากตนก็ได้ หรือจะให้ตั้งโต๊ะชี้แจงความจริงพร้อมกันไปเลยก็ได้ อย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นเกมการเมือง
“มาร์ค” สู้เต็มที่เขตดอนเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ในกรณีที่มีเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่างนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม.กับ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ในงานประชุมประชาคมเอสเอ็มแอล ที่เขตดอนเมืองว่า ขอให้ทุกฝ่ายระมัดระวัง เพราะไม่อยากให้กระบวนการเลือกตั้งทำให้เกิดความขัดแย้งหรือความรุนแรง ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงต้องระมัดระวังในการปฏิบัติและหาทางหลีกเลี่ยงอย่าให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของนักการเมือง และพรรคการเมือง ทุกฝ่ายต้องช่วยกันอย่าทำให้เกิดบรรยากาศความขัดแย้งหรือความตึงเครียด เพราะกระบวนการเลือกตั้งเป็นกระบวนการสำคัญในระบอบประชาธิปไตย ควรดำเนินไปในบรรยากาศที่ไม่มีความขัดแย้ง ทั้งนี้ ไม่หนักใจที่ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งเร็ว ทำให้มีเวลาหาเสียงสั้น เพราะการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา กกต.ก็มักกำหนดระยะเวลาประมาณนี้ อีกทั้งเป็นการเลือกตั้งซ่อมใน กทม.คงไม่ยากในการระดมทรัพยากรคนเข้าไปช่วยหาเสียง ส่วนอิทธิพลในพื้นที่ของ นายการุณ จะมีผลต่อการเลือกตั้งซ่อมหรือไม่นั้น ตนเห็นว่าพรรคและผู้สมัครต้องไม่หวั่นไหว เพราะมีหน้าที่ในการทำงาน เสนอตัว เสนอความคิดกับประชาชนจะหวั่นไหวไม่ได้ แต่การจะทำอะไรต้องระมัดระวัง อย่าให้เกิดการกระทบกระทั่งจะดีที่สุด โดยในวันที่ 13 พ.ค.นี้ กรรมการบริหารพรรคจะพิจารณาตัวผู้สมัคร ซึ่งนายแทนคุณเสนอตัวมาแล้ว และทำงานในพื้นที่มาต่อเนื่อง โดยจุดขายของพรรคยังมีเรื่องของความเป็นพรรคการเมืองด้วย เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะเป็นการแข่งกันระหว่างสองพรรคใหญ่ ทั้งนี้พรรคยืนยันว่าแม้ไม่มีโอกาสได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในพื้นที่นี้มานานมากแต่ก็พยายามที่จะเข้าไปทำงานรับใช้ประชาชน “พรรคจะทำเต็มที่เพราะคิดว่าเป็นโอกาสแม้จะทราบว่าเป็นพื้นที่ที่ยากที่สุดพื้นที่หนึ่งในกรุงเทพฯ แต่ก็จะทำเต็มที่ ถึงแม้ว่า ล่าสุด ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งที่ผ่านมาคะแนนในเขตนี้พรรคจะได้น้อยกว่าพรรคเพื่อไทย แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำให้โอกาสในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ลดลง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นคนละสนาม และเชื่อว่าผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จะมีนัยไปถึงการทำงานของรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลก็คาดหวังในการเลือกตั้งซ่อมไม่ต่างจากฝ่ายค้าน”
ชี้ “แม้ว” หวังใช้ รธน.ผูกขาดอำนาจ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัว โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าประเทศไทยไม่มีการแก้ปัญหาแบบองค์รวม รัฐธรรมนูญล้าหลัง และการแก้ปัญหาไม่ได้มองที่ต้นเหตุปัญหานั้น ว่า “ประเทศไทยมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งการกำหนดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐของรัฐบาลอดีตและในปัจจุบัน และการพิจารณางบประมาณประจำปีนั้น ล้วนมีการพูดถึงการบริหารงานแบบองค์รวมอย่างต่อเนื่องเสมอมา ฉะนั้นประเทศไทยจึงไม่มีปัญหาในเรื่องปัญหาเรื่ององค์รวม เพราะมีการพิจารณายุทศาสตร์และการแก้ปัญหาของประเทศนั้นเป็นไปในลักษณะองค์รวมอยู่แล้ว แต่ก็มีบางเรื่องที่ต้องมีการบริหารจัดการเฉพาะส่วน ซึ่งการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า รัฐธรรมนูญล้าหลังนั้น ทั้งรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 มีหลักสำคัญในเรื่องการเข้าสู่อำนาจ ที่ต้องเป็นไปอย่างสุจริตเที่ยงธรรม จึงต้องมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขึ้นมาทำหน้าที่ นอกจากนั้น รัฐธรรมนูญยังเน้นเรื่องการใช้อำนาจ ผู้ที่ได้อำนาจจากการเลือกตั้ง รวมทั้งการตรวจสอบการใช้อำนาจ จึงต้องมีองค์กรอิสระขึ้นมาตรวจสอบการใช้อำนาจ อาทิ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญได้กำหนดการใช้อำนาจให้มีการถ่วงดุล และตรวจสอบกันระหว่างฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ไม่ได้เป็นการดำเนินการแบบแยกส่วนแต่อย่างใด “หากใช้แนวคิดเรื่ององค์รวมในเรื่องอำนาจ อาจจะนำไปสู่การผูกขาดการใช้อำนาจ ซึ่งผมตั้งข้อสังเกตว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการให้มีการใช้อำนาจแบบองค์รวมผ่านรัฐธรรมนูญเพื่อผูกขาด การใช้อำนาจใช่หรือไม่ เพราะในขณะนี้การเข้าสู่อำนาจ การใช้อำนาจ และการตรวจสอบนั้นเป็นไปอย่างสมดุล และสามารถตรวจสอบได้”
ชี้ล้มศาล รธน.หวังล้างผิดนายใหญ่
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อถึงกรณีการปราศรัยในเวทีของพรรคเพื่อไทย ที่พูดถึงศาลรัฐธรรมนูญและการนิรโทษกรรมนั้น ว่า ขณะนี้กระบวนการที่จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและนิรโทษกรรม เป็นกระบวนการที่ทำเป็นระบบ แบบแยกกันเดินรวมกันตี โดยให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาดิสเครดิต ข่มขู่ คุกคามศาลรัฐธรรมนูญ ให้นักวิชาการหาช่องทางกฎหมายเล่นงานศาล และมีการใช้เสียงข้างมากของ ส.ส.ในสภาหักดิบดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และออกกฎหมายนิรโทษกรรมช่วยนายใหญ่ ขณะนี้แม้ม็อบคนเสื้อแดงที่ชุมนุมขับไล่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะสลายตัวไปแล้ว แต่ก็ยังมีการเคลื่อนไหวจากรัฐบาล พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ ซึ่งมีเหตุผลสำคัญในการเคลื่อนไหว เพราะนายใหญ่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย และเหตุที่ต้องมุ่งทำลายล้างศาลรัฐธรรมนูญ เพราะกำลังจะเป็นผู้วินิจฉัยกฎหมายหลายเรื่อง ทั้งการแก้รัฐธรรมนูญ กฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นขบวนการในการล้มล้างคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกกล่าวหา และบางคดีที่ได้ตัดสินไปแล้ว รวมไปถึงล้มล้างคดีให้กับนักการเมืองในเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย
พท.อุบไต๋ส่งคนชิงเก้าอี้ ส.ส.กทม.
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในวันที่ 14 พ.ค.นี้ พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อหารือเรื่องตัวบุคคลที่จะเป็นตัวแทนพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขตดอนเมือง แทนนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขตดอนเมือง ที่ขณะนี้ทางพรรคมีความคืบหน้าและได้ประสานกับประธานและคณะกรรมการกลุ่มโซนตะวันออกของ กทม. โดยเฉพาะ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในฐานะประธานโซน 2 กทม. ฝั่งตะวันออก และคณะกรรมการต่างๆ ที่ยืนยันว่าจะส่งรายชื่อบุคคลให้พรรคพิจารณาได้ทันในวันที่ 14 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัครนั้น จะต้องเป็นที่รู้จักของประชาชน เพราะมีระยะเวลาหาเสียงการเลือกตั้งที่สั้น โดยเฉพาะต้องมีประสบการณ์ทางการเมืองและสามารถประสานงานร่วมกับ ส.ก.และ ส.ข.ในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งมี 3 บุคคลที่ทางคณะกรรมการเห็นว่ามีคุณสมบัติที่เหมาะสมคือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และ นางพิมพ์ชนา โหสกุล ส.ก.เขตดอนเมือง ภรรยาของนายการุณ ทั้งนี้หากทั้ง 3 ท่านปฏิเสธทางคณะกรรมการกลุ่มโซนตะวันออกของกทม. จะส่งชื่อผู้ที่เหมาะสมที่มีคุณสมบัติให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณา โดยที่ในวันที่ 14 พ.ค.นี้ น่าจะได้ชื่อตัวแทนของพรรคในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง
ถอดเทป ”ยะใส” ใส่ร้ายพรรค
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ได้กล่าวในเวทีสัมมนาเรื่อง “คุกคามศาล แก้รัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม…บริสุทธิ์ใจหรือเพื่อใคร” ที่ศูนย์วิจัยนวัตกรรมสังคม วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ว่ามีขบวนการ 4 ประสานได้แก่ รัฐบาล พรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) และนักกฎหมายจากนิติราษฎร์คุกคามศาลรัฐธรรมนูญ และพุ่งเป้า เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ว่า พรรคเพื่อไทยขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง กลุ่มที่เสวนาก็เป็นกลุ่มเดิมที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล พรรคเพื่อไทยและต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเรื่องนี้ตนจะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเทปคำปราศรัยของนายสุริยะใสและพวกว่าดำเนินการกล่าวหา เพราะถือว่าเป็นการกล่าวความเท็จบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้เกิดการแตกแยกในสังคม ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าไม่มีการประสานงานและไม่มีการคุกคามศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การที่ไม่ส่งคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญที่จะครบกำหนดในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการแสดงความไม่เห็นด้วยของสมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภาที่เข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 321 คน เพราะมองว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องตามมาตรา 68 นั้นเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และไม่มีบทบัญญัติใดให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมาตรา 291 มีบทบัญญัติชัดเจนว่าเป็นอำนาจของสมาชิกรัฐสภา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้การเห็นต่างทางกฎหมายไม่ได้เป็นการคุกคามศาลรัฐธรรมนูญ
ดับข่าวลือ ยันไม่ปลด ผบ.ทบ.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวปล่อยทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค สื่อดาวเทียม รวมถึง นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ระบุรัฐบาลจะมีการปลด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่า เรื่องนี้ตนมองว่านายสุริยะใสทำตัวเป็นจอมเสี้ยม วันๆ ไม่ทำอะไร สอดคล้องกับสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์คที่มีลักษณะกลุ่มการเมืองนักเรียนนอกลงทุนหลายล้านบาทสร้างแฮ็กเกอร์หรือนักรบไซเบอร์ 30-40 คน โพสต์ข้อความลักษณะแบบนี้ ทั้งนี้ตนได้ทำรายละเอียดส่งให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ไปตรวจสอบ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นการปล่อยข่าว โดยเฉพาะข่าวปลด ผบ.ทบ. โดยที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลนำไปขยายผล ทั้งที่เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง “วันนี้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และทุกภาคส่วนสามารถทำงานร่วมกับ ผบ.ทบ.ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ ผบ.ทบ.กับกองทัพทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนและประเทศชาติ วันนี้ประสานงานได้เป็นไปด้วยดี แต่กลับมีข่าวในลักษณะที่พยายามเสี้ยม เพื่อนำประเทศไปสู่ความขัดแย้ง รวมถึงสร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชน พ่อค้า นักลงทุน นักท่องเที่ยว สร้างภาพลักษณ์ที่เสียหายให้กับประเทศ
“สุกำพล” ชี้ปลด “ประยุทธ์” แค่ข่าวลือ
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะปลด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ออกจากตำแหน่งว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดเรื่องการโยกย้ายและยังไม่มีสาเหตุอะไรที่จะต้องย้าย พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งข่าวที่มีอยู่ในขณะนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรก็ไม่ทราบและลือกันจนเละเทะ เพราะไม่มีสาเหตุอะไร เมืองไทยก็เป็นแบบนี้มีแต่ข่าวลือจนน่ารำคาญ ทั้งนี้ระดับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพนั้นยังมีความสัมพันธ์ระดับที่ดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาการทำงานของรัฐบาลและกองทัพ สังคมก็ดูกันเองว่าเป็นไปด้วยดี แต่ก็มีการสร้างข่าวลือจนไร้เหตุผล ไร้สามัญสำนึก สร้างข่าวจนเลอะเทอะ ตนอยากถามว่าเหตุผลในการย้าย ผบ.ทบ.นั้นมีอะไร ส่วนกรณีที่นายสุริยะ กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะย้าย ผบ.ทบ.นั้นถ้านายสุริยะใสเป็น ผบ.ทบ.คงถูกย้ายภายใน 24 ชั่วโมง
ปอท.ชี้ มือแฮ็กอาจทำเป็นขบวนการ
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเว็บไซต์สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกมือดีแฮ็กเข้าไปในเว็บไซต์ และมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลภายในเว็บไซต์จนเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโดย่านอาร์ซีเอของนายณรงค์ฤทธิ์ สุขสาร อายุ 29 ปี หรือฉายา “ตาเล็ก วินโดว์ 98 เอสอี” หนึ่งในผู้ต้องสงสัย รวมทั้งที่ทำงานย่านคลองตัน เพื่อยึดเครื่องคอมพิวเตอร์มาทำการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบความผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายณรงค์ฤทธิ์ ว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับขบวนการแฮ็กเกอร์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งและยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เนื่องจากต้องใช้ข้อมูลหลายส่วนประกอบกัน จากการตรวจสอบเว็บไซต์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พบพยานหลักฐานมากอยู่พอสมควร โดยเจ้าหน้าที่จะนำข้อมูลในส่วนนี้ไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับการสอบปากคำนายณรงค์ฤทธิ์ ก็ได้ให้การยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่จะคอยช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูลหาตัวผู้กระทำผิดตัวจริง โดยนายณรงค์ฤทธิ์ยังเชื่อว่าตนเองถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่มแฮ็กเกอร์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งขณะนี้เป้าหมายของกลุ่มผู้กระทำผิดแคบลงมาแล้ว แต่ยังคงต้องรอดูความชัดเจนก่อน เนื่องจากคาดว่าอาจมีผู้เกี่ยวข้องพัวพันอีกหลายคน ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มไหนนั้น คงจะต้องรอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ปัด “สุรนันทน์” แทรกแซงสื่อ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากแทรกแซงสื่อต่างประเทศว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไร้สาระ เพราะแทนที่ช่วงปิดสมัยประชุมสภา พรรคประชาธิปัตย์จะไปลงพื้นที่ไปรับฟังความคิดเห็นประชาชน ติดตามความคิดเห็นโครงการรัฐบาลตามหน้าที่ของฝ่ายค้านว่าโครงการรัฐบาลมีความบกพร่อง มีความเสียหายหรือไม่ เมื่อเปิดประชุมสภาจะได้นำเรื่องนี้มารายงานให้ประชาชนได้รับทราบและเสนอเหตุผลในการแก้ไข แต่วันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กลับให้นายชวนนท์ออกมากล่าวหานายสุรนันทน์ว่าแทรกแซงสื่อต่างประเทศ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นากรัฐมนตรี ปลดนายสุรนันทน์ออกจากตำแหน่งหรือขอให้นายสุรนันทน์ลาออก “เรื่องนี้ไร้สาระ ไม่มีเหตุผล เป็นการกล่าวหารัฐบาล ที่มีการกล่าวหาว่ามีการส่งอีเมล ซึ่งไม่มีข้อเท็จจริง ทั้งนี้หากมีหลักฐานอย่ากล่าวหา ขอให้เอามาเปิดและดำเนินคดีได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่านายสุรนันทน์ไม่มีการแทรกแซงสื่อต่างประเทศหรือกระทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 46 ตามที่มีการกล่าวหา วันนี้เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์และนายชวนนท์ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ เช่น การลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะจะได้นำปัญหาของประชาชนมาเสนอให้รัฐบาลต่อไป”
วันที่ 12/05/2556 เวลา 22:59 น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น