วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

“ยิ่งลักษณ์”สลัดคราบ“นางลอย” ปรับโหมดเสี่ยงเผชิญหน้าการเมืองจากไทยโฟสต์ เมื่อ 12 พ.ค.56


“ยิ่งลักษณ์”สลัดคราบ“นางลอย” ปรับโหมดเสี่ยงเผชิญหน้าการเมือง



การปาฐกถาพิเศษในเวทีประชุมประชาคมประชาธิปไตยที่เมืองอูลาน-บาตอร์ ประเทศมองโกเลีย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ยังคงเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมอย่างต่อเนื่อง และมีทีท่าจะเป็นหัวเชื้ออย่างดีที่จะทำให้สถานการณ์ลุกลามออกไปเรื่อยๆ
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับท่าทีของรัฐบาล และองคาพยพที่ออกโรงจู่โจมใส่ฝ่ายตรงข้ามที่ออกมาแสดงความคิดเห็นโจมตีเนื้อหาในปาฐกถาของ “ยิ่งลักษณ์” แบบเรียงตัว อย่างในกรณีของ นายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ “ชัย ราชวัตร” การ์ตูนนิสต์ชื่อดังแห่งหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ที่ออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว
    ที่ภายหลังการโพสต์ข้อความดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลมีเดีย จนมวลชนฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลอย่างคนเสื้อแดงออกอาการฟาดงวงฟาดงาตีความว่า ข้อความที่เอ่ยถึงในเฟซบุ๊กนั้นหมายถึง “นายกฯ หญิง" ของตัวเอง จึงจัดหนักด้วยการขนคนบุกไปกันถึงสำนักพิมพ์ต้นสังกัด เพื่อให้เอาเรื่องการ์ตูนนิสต์ชื่อดังคนดังกล่าว พร้อมกับราดน้ำปลาร้า ชูป้ายกระดาษที่มีใจความหยาบคาย ประท้วงให้มีการดำเนินการบางอย่างกับกรณีที่เกิดขึ้น
    ขณะเดียวกันทีมงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เองยังได้มอบหมายให้ทีมทนายความไปแจ้งความดำเนินคดีกับการ์ตูนนิสต์คนดังกล่าวในข้อหาหมิ่นประมาทอีกทาง
    นอกจากการตอบโต้ด้วยการดำเนินคดีดังกล่าวแล้ว องคาพยพของรัฐบาลส่วนอื่นๆ เองก็ดำเนินการแบบคู่ขนานกันไป ไม่ว่าจะเป็น น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ที่ออกมาขู่จะดำเนินการเอาผิดกับเว็บไซต์ที่ดูหมิ่นผู้นำประเทศ จนถูกสังคมประณามว่าเป็นการกีดกันสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรีเป็นบุคคลสาธารณะ
    สวนทางท่าทีของ “ยิ่งลักษณ์” ที่เพิ่งจะไปปาฐกถาพิเศษเรื่องประชาธิปไตยมาแท้ๆ!!
    ถือเป็นปฏิกิริยาตอบโต้จากฝ่ายรัฐบาลที่หนักหน่วงชัดเจนมากขึ้น และเป็นภาพต่อเนื่องภายหลังการปาฐกถาพิเศษที่ประเทศมองโกเลียของ “ยิ่งลักษณ์” ที่ร่ายยาวเรื่องการเมืองแบบเป็นกิจจะลักษณะมากที่สุดฉากหนึ่ง นับจากเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเกือบร่วมสองปี
    ลบภาพ นายกฯ “ลอยตัว” ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ที่ทีมยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยวางแผนพยายามจะกัน “ยิ่งลักษณ์” ออกจากเกมการเมืองของฝ่ายตรงข้ามตลอดในช่วงที่ผ่านมา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และเพื่อประคับประคองเสถียรภาพและอายุรัฐบาลให้ยืนยาว
    นับเป็นการสลัดคราบจาก “จอมกรรเชียง” สู่โหมดบู๊ทางการเมืองแบบเต็มตัว เปลือยความคิดที่แท้จริงแบบไม่ต้องกั๊ก หรือหยั่งเชิงศัตรูทางการเมืองให้ต้องเสียเวลาอีกต่อไป
    ท่ามกลางการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การออกแอคชั่นครั้งนี้ของ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ใช่การเดินตามยุทธศาสตร์ที่เปลี่ยนจากรับเป็นรุกของ “ทักษิณ” เสียทีเดียว แต่ส่วนหนึ่งที่กล้าลงมาเล่นเอง เพราะเธอเองก็พร้อมจะรับบทบาทใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมาก็เก็บสะสมคำค่อนแคะ การถูกโจมตีเรื่อง "ภาวะผู้นำ" การถูกเล่นงานจากฝ่ายตรงข้ามในหลายช่องทาง อาทิ สารพัดคดีความที่ถูกยื่นคำร้องต่อองค์กรอิสระ ทั้งๆ ที่เธอพยายามสมานฉันท์ และเข้ากับทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับอำมาตย์และกองทัพ
    ทัศนคติผ่านปาฐกถาที่ "มองโกเลีย" จึงเป็นการปรับโหมดไปสู่การนำแสดงบทนำในการทำศึกทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้อย่างเต็มสูบ สลัดภาพ “นางลอย” ไร้การตอบโต้ ที่ตัวเองแสดงไว้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
    สภาพการณ์การเมืองไทยต่อจากนี้จึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตาอย่างยิ่ง เพราะการเปิดเกมครั้งนี้ "ขุน" อย่าง "ยิ่งลักษณ์" ไม่ได้ถอยกรูด ปล่อยให้โคน เบี้ย เม็ด ไล่จนติดกระดาน
    ไม่ต้องพลางตัว พลางความคิดเหมือนช่วงแรกที่ต้องสมานฉันท์กับอำมาตย์ ปรองดองกับกองทัพ ทำเพื่อสถาบัน เพื่อให้การบริหารอำนาจของรัฐบาลของตัวเองราบรื่น
    ทั้งที่ “สปีชประชาธิปไตย” ก็มีความใกล้เคียงกับสิ่งที่เธอได้นำเสนอก่อนการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำต่อพี่ชาย การล้มอำนาจรัฐบาลประชาธิปไตย การปฏิวัติรัฐประหาร อันเป็นการตอกย้ำว่า ความคิดและทัศนคติของ "ยิ่งลักษณ์" ไม่ได้เปลี่ยนต่อกลุ่มที่ล้มอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ
    สิ่งเหล่านี้ยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความปรองดองและสมานฉันท์ของผู้มีอำนาจ ว่าเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาและละครฉากใหญ่ที่เกิดขึ้น
    เพราะเอาเข้าจริง คนในขั้วของเพื่อไทยและคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ต่างก็แสดงความเห็นตอบโต้ในประเด็นดังกล่าวอย่างดุเด็ดเผ็ดมันในช่องทางของโซเชียลมีเดีย เหมือนบรรยากาศเดิมๆ ในช่วงของขั้วเหลือง-แดงปะทะกันทางความคิดแบบสุดโต่ง
    ทั้งฝ่ายสนับสนุน “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ที่ยืนกรานในเหตุผลว่า สิ่งที่ “ยิ่งลักษณ์” พูดคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยก่อนช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะถูกรัฐประหารในช่วงปี 2549 มาจนถึงยุครัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ต่อเนื่องถึงรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แม้กระทั่งยุคปัจจุบันก็ยังมีความไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่
    พร้อมกับประณาม “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ออกแถลงการณ์ชี้แจงต่อชาวโลกว่า เป็นพวกปกป้องเผด็จการ สนับสนุนฝ่ายรัฐประหาร มิหนำซ้ำผู้ที่เสียหายจากการออกแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นประเทศไทยที่รับสิ่งเหล่านี้แบบเต็มๆ
    ขณะที่ฝ่ายต่อต้าน “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” กลับแย้งอีกมุมหนึ่งว่า สิ่งที่ “ยิ่งลักษณ์” ปาฐกถาเป็นการประจานประเทศตัวเอง และไม่ได้ย้อนดูความผิดพลาดบกพร่องของฝ่ายตน โดยเฉพาะการบริหารราชการแผ่นดิน ที่มีคำถามจากหลายฝ่ายในเรื่องความเสี่ยงจากการกู้เงิน หรือ นโยบายด้านเศรษฐกิจ ปัญหาค่าเงินบาทที่ยังไม่สามารถเลือกเครื่องมือในการเข้ามาป้องกันหรือแก้ไขปัญหาได้
    และโดยเฉพาะข้อกังขาเรื่องกึ๋นของ “นายกฯ หญิง” ที่ถูกตั้งคำถามว่า เธอเข้าใจหลักการของประชาธิปไตย การปกครองโดยกฎหมายหรือไม่ หรือเป็นเพียงการใช้คำเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ทางการเมืองด้วยเสียงส่วนมาก
    นับแต่ปาฐกถาที่มองโกเลีย ได้แสดงให้เห็นภาพว่ามีฝ่ายหนุนและต้าน “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” มีความชัดเจนมากขึ้น เพราะการออกมาเปิดฉากซัดกันรุนแรงขึ้นในหลายช่องหลายทางแบบไม่มีใครยอมใคร ต่างฝ่ายต่างเชื่อในชุดความคิดของตนเอง เป็นสัญญาณการเมืองที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าในอนาคตหากเงื่อนไขสุกงอม
    เพราะเมื่อนายกฯ เปิดหน้า ถือธงนำในการสู้ ตามกรอบทัศนคติที่มีแต่ความถูกต้องของฝ่ายตัวเอง เหล่าบรรดาพลพรรค ลิ่วล้อ มวลชน กลุ่มหนุน ขาเชียร์ ย่อมได้แรงในการเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มค้านและวิจารณ์นายกฯ มากขึ้น
    ทำนองเดียวกัน “ยิ่งลักษณ์” ก็ต้องพร้อมรับแรงสะท้อนกลับเหล่านั้นไปโดยปริยาย หลังจากที่ตัวเองเลือกที่จะเปิดหน้าชกอย่างเต็มตัว
    ยากที่จะตีกรรเชียงหนี หรือเบี่ยงลอยตัวด้วยการโยนให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ตอบ และเป็นผู้รับผิดชอบแทนจะกระทำไม่ได้อีกแล้ว
    อาจเป็นภาวะที่ไม่มีทางเลือก เพราะดูเหมือนเหตุปัจจัยต่างๆ กำหนดให้เธอต้องออกมา "เล่นไพ่" เกมนี้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ค่าเงินบาท การตั้งข้อสังเกตเรื่องโครงการเงินกู้ เลยไปถึงคดีความที่ค้างอยู่ใน ป.ป.ช.กำลังตามจี้ต้นคอต่อมาอีกหลายคดี
    อุณหภูมิและบทบาท "นายกฯ หญิง" ในวันนี้จึงร้อนกว่าปกติ จนเกรงว่าสถานการณ์นับจากนี้จะร้อนไปตามอุณหภูมิของ "ปูตัวจริง" มากขึ้นไปเรื่อยๆ!!!.     
                                ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น