วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

‘แดง’ขึ้นชื่อจรัญต้องออก ข้อหาหนักศัตรูเบอร์1รัฐบาลปชป.ฉะปาฐกถา’ปู’เผาบ้าน เมื่อ 6 พ.ค.56




‘แดง’ขึ้นชื่อจรัญต้องออก ข้อหาหนักศัตรูเบอร์1รัฐบาลปชป.ฉะปาฐกถา’ปู’เผาบ้าน

“เสื้อแดง” ชุมนุมกดดันศาล รธน.ไม่เลิก ขึ้นชื่อ “จรัล” ต้องลาออกคนแรก ข้อหาเป็นศัตรูเบอร์ 1 รัฐบาล ลั่น 8 พ.ค.มาเป็นแสนแน่ โวล่าชื่อครบแน่ล้านชื่อ เลิก ม.309 ขณะที่ พท.ตอกย้ำไม่ชี้แจงศาล รธน. ยันแก้ รธน.เป็นหน้าที่ แค่คิดต่าง ด้าน ปชป.ฉะปาฐกถามองโกเลียซ่อนเงื่อนปูทางออก พ.ร.บ.นิรโทษ ดึงนานาชาติหนุน ซัดแรงปาฐกถาเผาบ้าน-ทำลายเศรษฐกิจชาติ อัดนายกฯ ให้ท้ายเสื้อแดงไล่ศาล ปลุกประชาชนต่อต้าน ขณะที่ “สุริยะใส” ชี้ปาฐกถาเป็นตัวชัดเป็นตัวแทนทักษิณ เป้าหมายทวงคืนอำนาจ-เอาทรัพย์สมบัติคืน ส่งสัญญาณม็อบเสื้อเหลืองคืนสู่ถนน
เสื้อแดงคึกยกระดับกดดันศาล รธน.
กลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ยังคงปักหลักชุมนุมกดดันเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ยุติการทำหน้าที่โดยเด็ดขาด ที่บริเวณลานเสาธงหน้าศูนย์ราชการฯ 1 อาคารศาลรัฐธรรมนูญ ถ.แจ้งวัฒนะ อย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 14 โดยวันที่ 5 พ.ค. เวลา 11.00 น. นายพงษ์พิสิษฐ์ คงเสนา หรือเล็ก บ้านดอน ประธาน กวป. พร้อมด้วย นายชาญ ไชยะ หรือหนุ่ม โคราช รองประธาน กวป. และนายศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษก กวป. แถลงประกาศยกระดับการเคลื่อนไหวเพื่อกดดันให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลาออกทั้งคณะ โดยจะเริ่มจาก นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นคนแรก เนื่องจาก นายจรัญ ภักดีธนากุล เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีที่มาไม่ชอบ เป็นบุคคลที่ร่วมกับคณะปฏิวัติ เขียนรัฐธรรมนูญ ม.309 เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ คมช. และพวกพ้อง และที่สำคัญเป็นผู้หนึ่งที่วินิจฉัยคดีชิมไปบ่นไปผิดพลาด จนเป็นเหตุให้นายสมัคร สุนทรเวช ตรอมใจจนเสียชีวิต การสร้างความเสื่อมเสียให้กับศาลรัฐธรรมนูญและสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างร้ายแรง ดังนั้นในอีก 3 วันนี้ ก่อนจะถึงวันที่ 8 พ.ค. ซึ่ง กวป. จะยกระดับการชุมนุมภายใต้สโลแกน 8 พฤษภา มาเป็นแสน ขับไล่ ตลก. ยกเลิก ม.309” ขอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 คนร่วมกันบอยคอต ไม่ให้นายจรัญ ภักดีธนากุล ร่วมอยู่ในองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะขณะนี้รายชื่อที่จะถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กำลังจะได้ครบ 1 แสนรายชื่อแล้ว ทั้งนี้จะมีการรณรงค์เชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศร่วมกันใส่เสื้อขาวพิมพ์ข้อความ “ยกเลิก ม.309” ซึ่งทาง กวป.จะมีการเดินสายรณรงค์ในต่างจังหวัดอีก 20 จุด เพื่อระดมรายชื่อประชาชนทั่วประเทศที่เห็นด้วยกับการถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ทั้งคณะ และยกเลิกรัฐธรรมนูญ ม.309 ให้ครบ 1 ล้านรายชื่อ พร้อมจะมีการไปแจ้งความดำเนินคดีกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในความผิดอาญา ม.157 ในจังหวัดต่างๆ อีกด้วย
พท.ยัน 312 ส.ส.ไม่ส่งคำชี้แจงแก้ รธน.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า สมาชิกรัฐสภา 312 คน ยังไม่มีการส่งคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญในการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า ขอยืนยันในการแสดงออกแบบอหิงสาไม่ให้ใครมาช่วงชิงอำนาจระบอบประชาธิปไตย เป็นการทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร และไม่ได้เป็นการกดดัน หรือต้องการเอาชนะ และไม่อยากให้ฝ่ายใดมาใช้โอกาสนี้ทำลายกัน ทั้งไม่อยากให้ฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ทำลายสมาชิกรัฐสภา เพราะต่างเป็นสมาชิกรัฐสภาด้วยกันต้องรักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีของตนเองบ้าง ขณะเดียวกันอยากให้ทุกฝ่ายตรวจสอบอำนาจหน้าที่ของตนเองไม่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญ สมาชิกรัฐสภา โดยยืนยันว่า การไม่ทำหนังสือชี้แจงส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่เป็นการเห็นต่างทางข้อกฎหมาย
ปชป.จี้นายกฯ ขอโทษปาฐกถามองโกเลีย
ปาฐกถามองโกเลียยังร้อนไม่เลิก นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เคยออกมาเรียกร้องที่จะให้นายกรัฐมนตรีออกมาขอโทษประชาชนจากกรณีที่ไปปาฐกถาบิดเบือนข้อเท็จจริงที่ประเทศมองโกเลีย ว่า ถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนอง และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้แสดงอาการเดือดร้อนที่ไปพูดข้อมูลเท็จในเวทีต่างประเทศ พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าวันนี้กลุ่มคนที่นายกรัฐมนตรีต้องออกมาขอโทษคือครอบครัวของทหารที่ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง รวมไปถึงครอบครัวของแม่ค้าข้าวแกงที่ต้องเสียชีวิตที่บริเวณแยกศาลาแดง ซึ่งสิ่งที่นายกรัฐมนตรีสะท้อนตัวตนของรัฐบาลคือ วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกกระทำและเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ไม่ยอมพูดถึงกรณีการถูกศาลฎีกาพิพากษาจนถึงขั้นต้องหลบหนีคดีไปต่างประเทศ ซึ่งการพูดที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้บริสุทธิ์ก็เพื่อต้องการปูทางให้กับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมและพระราชบัญญัติปรองดอง เพื่อให้นานาประเทศสนับสนุนการกระทำของตนเอง
อัดนายกฯ 2 มาตรฐาน
ส่วนปัญหาการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปาฐกถาที่มองโกเลียถึงการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระนั้น นายชวนนท์ กล่าวว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวตนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในการเข้ามาแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระด้วยการระบุว่าประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งส่งผลทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายในสายตาของนานาชาติ รวมทั้งยังมีผลกระทบกับนักลงทุน นักท่องเที่ยว เพราะการที่นายกรัฐมนตรีดูถูกฝ่ายกฎหมายสูงสุดของประเทศ ช่างเป็นการกระทำที่น่าละอายมาก เช่นเดียวกันกับเรื่องของมวลชนที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลที่มารวมตัวกันบริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อกดดันการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายกรัฐมนตรีก็ออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงเห็นด้วยแทนที่จะห้ามปราม ก็ยิ่งทำให้เกิดความได้ใจของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีและในฐานะรัฐบาล ที่เป็นการทำให้เกิดความอยุติธรรมและทำหน้าที่อย่าง 2 มาตรฐาน ดังนั้น จากนี้ไปพรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าทำหน้าที่คัดค้านการทำหน้าที่แบบลุแก่อำนาจและดำเนินการแบบ 2 มาตรฐานอย่างเต็มที่ของรัฐบาล พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องให้ประชาชนออกมาร่วมกันคัดค้านการใช้อำนาจโดยมิชอบของรัฐบาลด้วย
ชี้นายกฯ แยกไม่ออกส่วนตัวกับส่วนรวม
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ทีมกฎหมายดำเนินการฟ้องร้องดำเนินกับ ชัย ราชวัตร การ์ตูนนิสต์ ประจำหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ในข้อหาหมิ่นประมาท ว่า ตนเห็นว่าข้อพิพาทกรณีความเหมาะสมของสปีชนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มองโกเลียนั้น ไม่ต่างกับกรณีเหตุการณ์ ว.5 รร.โฟร์ซีซั่น ที่นายกฯ ทิ้งเวลาราชการ โดดประชุมสภาฯ ไปคุยกับนักธุรกิจใหญ่ด้านอสังหาฯ ทั้ง 2 กรณีแม้ต่างกรรมต่างวาระ แต่เป็นบทตอกย้ำว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สับสนและแยกไม่ออกระหว่างภารกิจที่เป็นเรื่องของครอบครัวเครือญาติกับเรื่องของประเทศชาติประชาชน ผู้นำที่ไม่มีความสามารถในการจำแนกแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับส่วนรวมได้ ก็จะเป็นต้นเหตุของการทุจริตคอรัปชั่น เล่นพรรคเล่นพวก และซ้ำเติมความล้มเหลวแตกแยกทางการเมืองหนักเพิ่มขึ้นไปอีก ทั้ง 2 กรณีแม้ไม่มีความผิดในทางกฎหมาย แต่เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง นอกจากจะไม่ขอโทษประชาชนแล้ว การไล่ฟ้องเอาผิดผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ยิ่งสะท้อนว่านายกฯ ห่วงแต่ปกป้องเกียรติภูมิของตัวเอง มากกว่าเกียรติภูมิของประเทศ และถือเป็นเรื่องที่น่าอับอาย ในสปีชตอนหนึ่งนายกฯ ปู เรียกร้องให้นานาชาติคว่ำบาตรฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยในไทย แต่ที่ผ่านมากลับตั้งนางนลินี ทวีสิน เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่โดนขึ้นแบล็คลิสต์หรือบัญชีดำของสหรัฐอเมริกา ผลของสปีชนี้เท่ากับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ได้ประกาศเป็นตัวแทนฝ่ายระบอบทักษิณ เพื่อทวงคืนอำนาจและผลประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งผลให้ฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณไม่มีทางเลือก ต้องเตรียมตัวเตรียมพร้อมเคลื่อนไหวคัดค้านเช่นกัน
พท.ยันนายกฯ ไม่ต้องขอโทษประชาชน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ส.ว.58 คน ออกมาเรียกร้องนายกรัฐมนตรีขอโทษการปาฐกถา และให้ชี้แจงในคณะกรรมาธิการวุฒิสภา ว่านายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องขอโทษ โดยเห็นว่าเป็นแค่การเรียกร้องที่ทำไปเพราะตัวเองมีผลกระทบ เนื่องจากการขึ้นมาดำรงตำแหน่งของ ส.ว.สรรหา ไม่ผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งการเรียกร้องให้นายกฯ ขอโทษ ถือว่า ไม่เข้าใจเรื่องของสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่อยากให้ใช้เวทีกรรมาธิการวุฒิสภามาเป็นเครื่องมือทำให้สถาบันวุฒิสภา และกรรมาธิการเสียหาย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ ส.ว.เลือกตั้งช่วยทำความเข้าใจกับ ส.ว.สรรหาว่าการนำเรื่องเข้าสู่กรรมาธิการทำให้ภาพลักษณ์ของ ส.ว.เสียหาย ขณะเดียวกันเรียกร้องให้ ส.ว.กลุ่มนี้มีความละอายในพฤติกรรม ที่แสดงจุดยืนว่ายืนอยู่ข้างไหนแทนที่จะยืนอยู่ข้างประชาชน ส่วนกรณีการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ที่เตรียมปฏิรูปโครงสร้างพรรคนั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า เป็นแค่การปาหี่ทางการเมืองแบบเดิมๆ หากจะอ้างว่า เป็นการต่อต้านเผด็จการมายืนเคียงข้างประชาชนนั้น ก็ขอให้หันมาสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นในตอนนี้เสียก่อน เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ
“พร้อมพงศ์” จวก ปชป.ไม่สร้างสรรค์
นายพร้อมพงศ์ แถลงถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ทำจดหมายเปิดผนึกต่อการปาฐกถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่ประเทศมองโกเลีย ว่า เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับคำพูดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่พูดในเวทีผ่าความจริงเป็นการกล่าวหาว่าการกระทำของนายกรัฐมนตรีขายประเทศ ถือเป็นเกมการเมือง ดิสเครดิต ลดความน่าเชื่อถือของนายกฯ นับว่าเป็นการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ โดยเห็นว่า สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นของผู้อื่นในการเป็นประชาธิปไตย ขณะเดียวกันการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ถือว่ายืนตรงข้ามกับหลักประชาธิปไตย โดยเฉพาะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหาว่าตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ที่ได้ซึมซับหลักเผด็จการ และไม่เข้าใจกับการปาฐกถาของนายกรัฐมนตรีเป็นการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการในหลักของประชาธิปไตย และเป็นข้อเท็จจริง ทั้งนี้ การออกจดหมายเป็นการบิดเบือนคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีจนเกิดความเสียหาย
ปชป.จ่อเอาผิด “สุรพงษ์” บิดเบือน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออกมาระบุว่า ทั่วโลกรู้ดีว่ารัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งคือรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะออกมาพูดในสิ่งที่เป็นลบกับภาพลักษณ์ของประเทศ และเป็นการพูดในข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ จึงได้หารือกับทีมกฎหมายพรรค เพื่อที่จะดำเนินคดีกับนายสุรพงษ์ ในข้อหาหมิ่นประมาทพรรคประชาธิปัตย์อย่างร้ายแรง และยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดด้วย ทั้งนี้ นายชวนนท์ ยังเสนอข้อเรียกร้อง 4 ข้อไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อให้แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน คือ 1.ขอให้ทบทวนและยกเลิกแนวคิดที่จะขึ้นราคาแก๊ส LPG ในภาคครัวเรือน เนื่องจากแก๊ส LPG ในภาคครัวเรือนนั้น สามารถหาได้ในประเทศ ไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงไม่จำเป็นที่เราจะต้องขึ้นราคาแก๊สตามกลไกลตลาดโลก 2.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาภัยแล้ง 3.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาของแพง เพราะขนาดนี้ปัญหาของแพงลุกลามไปมาก เนื่องจากมีผลกระทบมาจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้พืชผลทางการเกษตรสูงขึ้น และ 4.ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลในเรื่องของปัญหาผลผลิตยางพารา ปาล์มน้ำมัน และสินค้าทางการเกษตรตกต่ำ ซึ่งเป็นที่น่าคิดว่าในช่วงนี้มียางพาราออกสู้ตลาดน้อยแต่ราคายางก็ยังถูกกดให้ถูกลง จึงเชื่อว่าอาจมีการเข้าไปแทรกแซงกลไกทางการตลาดของยางพารา เช่นเดียวกันกับราคาปาล์มน้ำมันในตลาดมีราคาตกต่ำอย่างหนัก แต่ราคาน้ำมันปาล์มขวดกลับมีราคาแพง ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าสามารถบริหารจัดการราคาปาล์มน้ำมันได้ดีกว่าสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แต่เหตุใดขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มขวดกลับมีราคาแพงแต่ปาล์มน้ำมันถูกลง
หมวดเจี๊ยบจวกอภิสิทธิ์ใจแคบไล่นายกฯ
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปราศรัยของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ จ.ยโสธร เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ว่า ขอถามนายอภิสิทธิ์ว่ามีสิทธิ์อะไรที่จะมาไล่นายกรัฐมนตรี และครอบครัวชินวัตรไปอยู่ที่อื่น ในเมื่อคนในครอบครัวชินวัตร มีสัญชาติไทย ไม่ใช่มนุษย์สองสัญชาติ เหมือนนายอภิสิทธิ์ คำพูดของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงสะท้อนให้เห็นธาตุแท้ของนายอภิสิทธิ์ ว่าใจแคบและไม่เป็นประชาธิปไตย ยอมรับไม่ได้ที่เห็นว่าใครมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากตัวเอง อยากถามย้ำว่านายอภิสิทธิ์ มีสิทธิ์อะไรที่จะไล่คนนั้นคนนี้ ไม่ให้อยู่ในประเทศ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีคุณงามความดีอะไรให้กับประเทศนี้มากกว่าคนอื่นๆ นอกจากผลงานปราบปรามประชาชนเสียชีวิต 91 ศพ แล้วนายอภิสิทธิ์ เคยทำความดีอะไรให้กับประเทศชาติและประชาชนบ้าง เพราะแค่การเกณฑ์ทหารนายอภิสิทธิ์ ก็ยังไม่กล้าไป ก่อนหน้านั้นนายอภิสิทธิ์ เคยบอกว่าไม่เห็นด้วยกับมวลชนที่ไปรวมตัวหน้าศาลรัฐธรรมนูญ แต่กลับชื่นชมม็อบที่เอาดอกไม้ไปให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญ และบอกว่าขอบคุณที่ไปช่วยจัดม็อบสนับสนุนศาล โดยรู้อยู่แก่ใจว่าคนทั้งสองกลุ่มนี้ มีความเชื่อที่แตกต่างกันอยู่แต่ยังพูดปลุกระดมให้เกลียดกันเพิ่มขึ้น และบอกต่อว่าอีกไม่นานต้องมีการเผชิญหน้ากันแน่นอน ถามว่าทำไมถึงพูดเสี้ยมให้ผู้คนเกลียดชังกัน แทนที่จะพูดให้เกิดความปรองดอง หรืออยากเห็นแผ่นดินลุกเป็นไฟนักหรือ ทำไมไม่สงสารประเทศชาติบ้าง
วันที่ 6/05/2556 เวลา 6:00 น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น