วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ระบอบทักษิณเหิมรบแตกหัก รุกฆาตแผนยึดประเทศ วันอาทิตย์ ที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2556, 02.00 น.




แนวหน้า

ระบอบทักษิณเหิมรบแตกหัก รุกฆาตแผนยึดประเทศ

วันอาทิตย์ ที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2556, 02.00 น.
 

หลังจากที่เล่นบทลอยตัวสงวนท่าทีตีสองหน้าในฐานะนายกฯหุ่นเชิดระบอบทักษิณที่บริหารประเทศมานานเกือบ 2 ปี แต่แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็เผยธาตุแท้ตัวตนที่แท้จริงด้วยการกล่าวปาฐกถาในเวทีประชาคมประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลียเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาด้วยถ้อยแถลงที่ดุเดือดแข็งกร้าวสะท้อนสัญญาณชัดเจนของระบอบทักษิณที่ประกาศสงครามขั้นแตกหักกับฝ่ายที่ต่อต้านแผนผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของระบอบทักษิณและมุ่งฟอกโทษความผิดทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลเพื่อจะได้กลับประเทศอย่างเท่ๆ
การเผยตัวตนดับเครื่องชนของ นายกฯยิ่งลักาณ์ เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังร้อนแรงตึงเครียดพร้อมที่จะนำไปสู่วิกฤติความรุนแรงรอบใหม่ได้ทุกขณะเมื่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยประกาศสงครามดับเครื่องชนแข็งข้อไม่ยอมรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบันและคณะที่ต้องการให้วินิจฉัยว่า การยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ของพรรคร่วมรัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภา(สว.)เลือกตั้งกลุ่มหนึ่งเป็นการตัดสิทธิ์ของประชาชนในการยื่นคำร้องในกรณีที่พบการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญปัจจุบันกำหนดให้ประชาชนร้องเรียนได้ทั้งช่องทางยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรงหรือยื่นต่อสำนักงานอัยการสูงสุด
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 นั้นถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการแก้เกมของระบอบทักษิณหลังจากที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่พรรคเพื่อไทยและพวกเสนอซึ่งส่อเจตนาที่จะผลักดันให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ร่างทรงขึ้นมารื้อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแล้วยกร่างใหม่ทั้งฉบับ เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เนื่องจากเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่ต่างจากการรัฐประหารประเทศ เข้าข่ายทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทำให้ร่างแก้ไขมาตรา 291 ค้างเติ่งอยู่ในวาระที่ 3 มาจนปัจจุบัน
จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวพรรคเพื่อไทยและพวกจีงพยายามหาช่องทางแก้เกมด้วยการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เพื่อตัดสิทธิ์ภาคประชาชนในการยื่นคำร้องตามมาตรา 68 ต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง โดยกำหนดให้สำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งที่ผ่านมามีพฤติการณ์ที่ถูกตั้งข้อสงสัยมาตลอดว่ารับใช้ระบอบทักษิณเป็นหน่วยงานเดียวที่รับคำร้องเพื่อวินิจฉัย ซึ่งการให้อำนาจสำนักงานอัยการสูงสุดก็เพื่อให้การเดินหน้าผ่านร่างแก้ไขมาตรา 291 เป็นไปด้วยความราบรื่นไร้อุปสรรค
การที่ระบอบทักษิณมุ่งที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับก็เพื่อเป้าหมายสำคัญสูงสุดนั่นคือ การกำจัดบรรดาสถาบันหลักของชาติและองค์กรอิสระทั้งหลายที่ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลจนเป็นอุปสรรคขวากหนามในการแสวงหาผลประโยชน์และแผนสถาปนาระบอบทักษิณเพื่อผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในอนาคต
ศาลรัฐธรรมนูญถึอเป็นหนึ่งในองค์กรอิสระที่ระบอบทักษิณหมายหัวจ้องกำจัดมานานแล้วเพราะเป็นหนามยอกอกที่เป็นอุปสรรคในการแผ่ขยายอิทธิพลของระบอบทักษิณ โดยฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ระบอบทักษิณประกาศสงครามขั้นแตกหักกับศาลรัฐธรรมนูญก็คือ การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยกรณีมาตรา 68 ซึ่งมีความสำคัญมากต่อแผนการใหญ่ของระบอบทักษิณในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291
พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงกับบัญชาการทำสงครามแตกหักกับศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองโดยล่าสุดสไกป์มายังพรรคเพื่อไทยสั่งการให้ดับเครื่องชนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแม้ต้องยุบสภาก็ตาม
ขณะที่เครือข่ายระบอบทักษิณทุกแนวรบทั้งพรรคเพื่อไทยโดยมีพรรคร่วมรัฐบาลและกลุ่มสว.เลือกตั้งให้การสนับสนุน ตลอดจนกลุ่มคนเสื้อแดงดาหน้าออกมาทำสงครามขั้นแตกหักด้วยการไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงบุกชุมนุมยืดเยื้อหน้าศาลรัฐธรรมนูญและข่มขู่คุกคามทุกรูปแบบถึงกับแกนนำเหิมเกริมแข็งกร้าวประกาศให้จับตัวคณะตุลการศาลรัฐธรรมนูญทันทีที่พบเห็น
ปาฐกถาของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ในเวทีนานาชาติเชื่อว่าต้องรับใบสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งการประกาศโจมตีองค์กรอิสระว่าเป็นผลพวงจากการรัฐประหารโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 รวมทั้งการปกป้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนในการทำสงครามขั้นแตกหักกับศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อกำจัดองค์กรอิสระต่างๆ ตลอดจนการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อฟอกโทษความผิดทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ล่าสุดแสดงท่าทีร้อนรนอยากกลับบ้านแบบเท่ๆ โดยเร็วที่สุดโดยเปรียบเปรยว่าตัวเองลอยคออยู่กลางทะเลจนหนาวและกำลังจะตายอยู่แล้ว
ที่น่าสนใจก็คือความเคลื่อนไหวของ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ยุคระบอบทักษิณเรืองอำนาจและเป็นแกนนำคนเสื้อแดงที่หลบหนีหมายจับในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเผยแพร่ความเห็นผ่านเฟซบุ๊คสนับสนุนให้กลุ่มคนเสื้อแดงขับไล่ศาลรัฐธรรมนูญพร้อมทั้งเผยไต๋ว่าเป้าหมายที่สำคัญกว่าก็คือการรื้อสถาบันศาลทั้งระบบเพื่อให้กลายเป็นเครื่องมือของระบอบทักษิณ
ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองวิเคราะห์ว่า ระบอบทักษิณกำลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ใช้โลกล้อมประเทศไทยเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ขณะเดียวกันด้านหนึ่งเพื่อสกัดกั้นการรัฐประหารที่อาจเกิดขึ้นและทำลายความชอบธรรมฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามระบอบทักษิณที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายต่อต้านระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการสร้างกระแสเพื่อปูทางไปสู่สงครามขั้นแตกหักในไม่ช้านี้ โดยอาจมีการหักดิบเดินหน้าผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อฟอกโทษผิดทั้งหมดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่สนใจคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากมีมวลชนออกมาต่อต้านก็จะปราบปรามขั้นเด็ดขาด โดยการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งทั่วไปใหม่ถือเป็นแผนการที่จะหวนคืนสู่อำนาจอีกครั้งของระบอบทักษิณ
ขณะที่ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร มองว่าการออกมาข่มขู่คุกคามศาลรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งท่าทีของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นไปตามแผนของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกที่คิดยึดประเทศให้ได้
ระบอบทักษิณย่ามใจและมั่นใจในการทำสงครามขั้นแตกหักอาจเพราะถือดีในอำนาจรัฐที่อยู่ในมือ อีกทั้งยังมีกองกำลังเสื้อแดงและบรรดาบริวารเครือข่ายทั้งสื่อและนักวิชาการที่เป็นทาสรับใช้พร้อมจะออกมาเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้ามและเดินหน้าขับเคลื่อนไปสู่แผนรุกฆาตยึดประเทศและทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุกตามคำพิพากษาของศาลเสียที
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น