วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

หรือREVAรถหุ้มเกราะกันระเบิดราคา11ล้านจะเอาไม่อยู่เสียแล้วแล้ว อส.ทพ.เสียชีวิต2รายวันพฤหัสบดี ที่ 11 เมษายน 2556


วันพฤหัสบดี ที่ 11 เมษายน 2556



กลุ่มก่อความไม่สงบ ก่อเหตุป่วนปัตตานีหลายจุด กลางดึก ทหารเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บอีก 6 นาย
อำเภอปะนาเระ คนร้าย ใช้ปืนอาก้ายิงถล่ม ฐานปฏิบัติการย่อย อาสาสมัครรักษาดินแดนที่ดูแลสำนักงานเขตอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล เกิดปะทะกัน 5 นาที จากนั้น กำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน ขอกำลังเสริม ทหารพรานที่ 44 นำรถถัง เข้าไปช่วยเหลือ
ระหว่างทางก่อนที่เกิดเหตุ คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องวางไว้บนถนน และกดชนวนระเบิดแรงระเบิดทำให้รถถังเสียหาย และคนร้ายที่ซุ่มใช้อาวุธปืนอาก้าโจมตี เป็นผลให้ ร้อยโทเริงฤทธิ์ โพธิสา ผบ.ร้อย อส.ทพ. 4412 และจ่าสิบเอกสัญชัย โสภาวัง เสียชีวิตทันที และ ทหารพรานบาดเจ็บอีก 6 คน
สภาพรถหุ้มเกราะRevaที่ถูกระเบิด ภาพจาก http://www.prachathon.org

กองทัพบก ได้รับรถยนต์หุ้มเกราะรุ่น REVA 4x4 MK lll ที่นำเข้าจากประเทศแอฟริกาใต้จากยอดซื้อ 85 คัน รถหุ้มเกราะรุ่นนี้ เป็นผลมาจากมติครม.พิจารณางบของกระทรวงกลาโหมสมัยที่ พล.อ.สนธิบุญยรัตกลินดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. ก่อนจะเกษียณอายุราชการ ขณะนี้รถหุ้มเกราะรุ่นใหม่ เริ่มทยอยส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่จังหวัด ชายแดนใต้เพื่อเข้าประจำการหน่วยเฉพาะกิจ ในพื้นที่ เพื่อ
ใช้ลาดตระเวนตามเส้นทางล่อแหลม หรือสุ่มเสี่ยง สมรรถนะของรถหุ้มเกราะรุ่นนี้สามารถป้องกันแรง ระเบิดน้ำหนัก ถึง14-15 กก. (น้ำหนักของระเบิด) โดยเฉพาะบริเวณใต้ท้องรถ ซึ่งเหมาะสำหรับการ นำมาใช้กับสภาวะที่ลุ่มคนร้ายมักใช้แผนขุดหลุมฝังระเบิด ใต้พื้นผิวถนน สายสำคัญเพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมา
   

การส่งรถเข้าประจำการในระยะแรกจะเน้นมอบให้แก่พื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญเช่น อ.บันนังสตา จ.ยะลา,อ.รือเสาะ, อ.ระแงะจ.นราธิวาส และ อ.ยะรังอ.หนองจิก จ.ปัตตานีเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ต้องเฝ้า  ระวังการเกิดเหตุ ความรุนแรงเป็นพิเศษ   จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ ต้องนำรถเข้าประจำการก่อนจุดอื่นๆ การรับมอบ รถหุ้มเกราะREVA 4x4 ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ครั้งนี้ช่วยทำ ให้เจ้าหน้าที่มีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่มากยิ่งขึ้น เนื่องจาก เชื่อว่าคุณสมบัติของรถ  จะทำให้
เดินทางเข้าพื้นที่เสี่ยงภัยได้ปลอดภัยมาก ยิ่งขึ้น สำหรับพื้นที่นำร่องซึ่งได้รับมอบรถยนต์หุ้มเกราะ รุ่น REVA 4x4 เพื่อใช้ปฏิบัติงานตามเป้าหมายคือพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ อ.หนองจิก จำนวน 2 คัน ภายใต้การดูแลของ พ.ท.หาญพลเพชรม่วง ผบ.ฉก.24 ปัตตานี

          ผบ.ฉก.24 ปัตตานีกล่าวว่า ตามกำหนดจะได้รับรถหุ้มเกราะชุดเฉพาะ กิจ 5 คันขณะนี้ส่งนำร่องปฏิบัติการ 2 คัน ซึ่งสามารถช่วยให้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีความคล่องตัวมากขึ้น
มั่นใจในความปลอดภัยกว่าเดิมหลายเท่า โดยเฉพาะการเข้าตรวจสอบ หรือช่วยเหลือประชาชน ข้าราชการ 3 ฝ่าย ทั้งตำรวจ ปกครอง และทหาร ในการ ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เสี่ยงภัย การเข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุมักมีการซุ่มโจมตีเจ้า หน้าที่บ่อยครั้งและ มีการซุกซ่อนระเบิดไว้  เพื่อโจมตีระลอกสอง เช่นเดียวกับ กรณี ตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ซึ่งเป็นภารกิจหลักที่รถยนต์หุ้มเกราะคันนี้จะต้องเข้าตรวจสอบ เพื่อเร่งเคลียร์ สถานที่โดยเร็ว เนื่องจากประสิทธิภาพ ของรถสามารถทนแรงระเบิดได้เมื่อเทียบกับรถทั่วไป รวมถึงสามารถวิ่งฝ่าถนน ที่เต็มไปด้วยตะปู เรือใบที่คนร้ายมักโปรยไว้ตามเส้นทาง เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ติดตามได้อีก ด้วย 
การนำรถยนต์หุ้นเกราะมาใช้ในพื้นที่เท่ากับช่วยรักษาชีวิตของ เจ้าหน้าที่เอาไว้ได้ระดับหนึ่ง ในช่วงเวลาที่ต้องเข้าไปเสี่ยงชีวิตใน พื้นที่อันตรายที่สุด และที่สำคัญมีผลต่อสภาพจิตใจเจ้าหน้าที่ ทำให้มีขวัญ และ กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี
                          


  พ.ท.หาญพล กล่าวด้วยความมั่น ใจ คุณสมบัติรถยนต์หุ้มเกราะ REVA 4x4

- สำหรับตัวรถรุ่นนี้ใช้ เกราะ ARmox Shield + Weldox Shield ของสวีเดนซึ่งถือว่าเป็นแผ่นเกราะที่มี  ประสิทธิภาพ ระดับต้นๆ ของโลก สามารถป้องกันระเบิดได้ดี แถมกันกระสุนขนาด 7.62 X 51 ได้(M-60)
กระจกกันกระสุน หนา63 มม.
มีช่องยิงตอบโต้ ได้ 8 ช่องมีป้อมปืน 2 จุด ที่สามารถติดตั้งปืนขนาด 7.62 ได้เป็นอย่างดีซึ่งรถดังกล่าว  มีการใช้งาน ในประเทศอิรัก
มีประสิทธิภาพทนต่อแรงอัดระเบิด น้ำหนัก 14-15 กิโลกรัมแม้กระทั่ง รถฮัมวี รถ V150 ที่ เป็นรถเฉพาะ  สำหรับ เจ้าหน้าที่ทหาร ที่สร้างมาเป็นลักษณะพิเศษเฉพาะตัวก็ยัง ไม่สามารถทนทานแรงของระเบิดได้ ทำให้บ่อยครั้ง ปรากฏภาพคนร้ายสามารถทำลาย ยานพาหนะของเจ้าหน้าที่จนอยู่ในสภาพยับเยิน
เจ้าหน้าที่ประจำรถได้ 10 นาย มีป้อมปืน 2 จุดบริเวณหน้า-หลัง
- สามารถ ตะลุยเดี่ยวในที่เกิดเหตุได้เร็ว และมีความปลอดภัยสูง ใช้ใน ภารกิจทั้งเคลื่อนย้ายกำลังพลที่  ป้องกันการ ซุ่มโจมตี และ คาร์บอมบ์                                                                                  


            
ยาง RUN FLAT ยางแบนแล้วยังวิ่งต่อไปได้อีก 50 กม. น้ำหนัก ยาง+กระทะล้อ ประมาณ 100 กิโลกรัม ต้องมีรอกตัวเล็ก ช่วยยกขึ้น-ลง เหนือจุดติดตั้งล้ออะไหล่ทั้งสองด้า
        
                                                                 วิ้นช์หน้า 40,000 กว่า ปอนด์
                                                  ช่องเก็บสัมภาระ , ข้างตัวถังรถ มีช่องบรรจุน้ำดื่ม 5 แกลลอน

                                                                  ช่วงล่าง คานแข็ง

                                       ป้อมปืน หน้า-หลัง 2จุด ติดปืนเล็กกลเนเกฟ จากอิสราเอล (ปืนกล M-60)

                                       ภายในห้องโดยสาร บรรทุกกำลังพล 10นาย พร้อมอาวุธและวิทยุสื่อสาร
 
ที่มา คมชัดลึกออนไลน์ (เรื่อง : ไพศาล รัตนะ ภาพ : จรูญ ทอง)
 
 
บริษัทชัยเสรี เปิดตัวรถหุ้มเกราะล้อยาง 4x4 ต้นแบบซึ่งอยู่ในระหว่างการพัฒนา
พัฒนาต้นแบบของรถหุ้มเกราะล้อยาง 4x4 โดยใช้ระยะเวลากว่าสองปีในการพัฒนา ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของคนไทย
"ต้นแบบเพิ่งพัฒนาเสร็จได้ไม่นาน ตอนนี้เหลือแต่เพียงทำการทดสอบภาคสนาม หลังจากนั้นเราจะนำเสนอให้กองทัพไทยพิจารณาต่อไป โดยคาดหวังการส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากลูกค้าต่างประเทศพอสมควร" เจ้าหน้าที่ของบริษัทกล่าว
ต้นแบบรถเกราะเป็นรถ 4 ล้อ พวงมาลัยขวา ใช้เกียร์อัตโนมัติพร้อมระบบปรับอากาศและยางชนิด Run Flat ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกที่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบของรถได้เช่น สามารถติดตั้งป้อมปืนบนหลังคารถ หรือยืดความยาวของท้ายรถเพื่อใช้ในภารกิจลำเลียงพล โดยทางบริษัทได้ทำการพัฒนาเกราะและกระจกกันกระสุนสำหรับติดตั้งบนรถ โดยทำการทดสอบกับกระสุนแบบ 7.62, และกระสุนแบบ 5.56 สองชนิดคือ M885 และ M198 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยทางบริษัทคาดหวังให้รถตอบสนองภารกิจการรบในเมืองหรือการปราบจลาจล
ทั้งนี้ กองทัพบกไทยเพิ่งจัดหารถหุ้มเกราะ REVA 4x4 จำนวน 85 คันจากประเทศแอฟริกาใต้เพื่อใช้งานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
การทดสอบรถต้นแบบของคนไทย ภาคสนามที่จังหวัดกาจนบุรี
ชัยเสรีเม็ททอลฯประกาศศักดา บริษัทไทยรายแรกผลิตข้อต่อสายพานรถหุ้มเกราะมาตรฐานโลก ส่งขายทั้งในและนอกกว่า 35 ประเทศ เร่งจดสิทธิบัตรคุ้มครองทั่วโลก หลังเริ่มมีปัญหาถูกละเมิดในจีน เนื้อหอมกองทัพยูเออีจีบลงทุน ล่าสุดเล็งส่งออกรถล้อหุ้มเกราะ รอแค่กองทัพไทยการันตีรถต้นแบบ
ปัจจุบันบริษัททำตลาดในประเทศและส่งออกสัดส่วน 50:50 โดยตลาดต่างประเทศได้ส่งออกสินค้าไปใน 35 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี สเปน กลุ่มอ่าวอาหรับ(ซาอุดีอาระเบีย บาห์เรน โอมาน กาตาร์ คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และประเทศในทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งเวลานี้ตลาดค่อนข้างไปได้ดี มีอัตราการขยายตัวที่น่าพอใจ
นายหิรัญ กล่าวถึงจุดเด่นของสินค้าข้อต่อสายพานสำหรับรถสายพานหุ้มเกราะที่บริษัทผลิตคือ ใช้วัตถุดิบยางพาราในประเทศเป็นส่วนประกอบหลัก จากในอดีตข้อต่อสายพานสำหรับรถสายพานหุ้มเกราะจะใช้วัตถุดิบเหล็กเป็นหลัก ทำให้รถมีน้ำหนักและแรงกดทับมาก แต่การใช้ยางพาราแทนทำให้มีต้นทุนที่ถูกลง รถเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น ช่วยลดน้ำหนักรถและน้ำหนักกดทับ เวลารถตะกุยถนนไม่เป็นรอยลึกจนทำให้ถนนเสียหาย อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันลดลง และมีอายุการใช้งานที่นาน
"จากการที่เราเป็นผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน ทำให้เวลานี้กองทัพในหลายประเทศได้จีบให้เราไปลงทุนในประเทศของเขา โดยให้สิทธิประโยชน์ที่จูงใจ อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออีหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ ซึ่งเวลานี้เราอยู่ระหว่างการพิจารณาโดยหากไปลงทุนมีข้อดีคือช่วยลดค่าขนส่งและมีตลาดที่ใหญ่เพราะสามารถกระจายสินค้าได้ในหลายประเทศ แต่ปัญหาคือวัตถุดิบต้องส่งไปจากเมืองไทย ค่าจ้างแรงงานสูง และคงต้องลงทุนสูง ซึ่งความเป็นไปได้คงต้องรอศึกษาในรายละเอียดอีกซักระยะ"
ด้านนายกานต์ กุลหิรัญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทชัยเสรีเม็ททอลฯ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวที่สำคัญของบริษัทล่าสุดคือ ได้มีการพัฒนารถต้นแบบรถล้อหุ้มเกราะกันกระสุนและทนต่อแรงระเบิดสูง ซึ่งขณะนี้รถต้นแบบได้แล้วเสร็จและได้มีการโชว์ตัวกับกองทัพบกของไทยไปแล้ว และอยู่ระหว่างรอคำแนะนำจากกองทัพว่ามีความเห็นอย่างไร มีข้อบกพร่องหรือควรปรับปรุงตรงไหน ทั้งนี้เชื่อว่าหากได้รับการสนับสนุนและการันตีจากกองทัพ เชื่อว่าจะสามารถช่วยป้องกันชีวิตทหารได้อีกมาก และในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะทำตลาดส่งออกรถล้อหุ้มเกราะในต่างประเทศต่อไป
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท ชัยเสรีเม็ททอลฯ กล่าวอีกว่า จากการที่สินค้าของบริษัทได้รับความเชื่อถือไปทั่วโลก ทำให้ก่อนหน้านี้บริษัทมีปัญหาถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาโดยในสินค้าเกือกม้ายางได้ถูกละเมิดนำไปจดสิทธิบัตรในจีน ส่วนสินค้าข้อต่อสายพานสำหรับรถสายพานหุ้มเกราะได้ถูกลอกเลียนแบบ ทำให้เวลานี้บริษัทได้ไปจดสิทธิบัตรสินค้าข้อต่อสายพานฯ เพื่อขอรับการคุ้มครองแล้วในหลายประเทศ เช่นในยุโรปกว่า 22 ประเทศ และยังมีการจดสิทธิบัตรในจีน อินเดีย ปากีสถาน สิงคโปร์ เป็นต้น
ขณะที่นายหิรัญ กล่าวเพิ่มเติมถึงที่มาที่ไปของบริษัทว่า มีจุดกำเนิดจากเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน ตนได้เปิดอู่ซ่อมช่วงล่างรถสิบล้อชื่ออู่ชัยเสรี ตั้งอยู่แถวรังสิต จ.ปทุมธานี ต่อมาราวปี 2511-2512 ได้ทำธุรกิจขายชิ้นส่วนซ่อมบำรุงรถบรรทุกทหารให้กับกองทัพ และได้ขยับขยายมาตั้งโรงงานผลิตข้อต่อสายพานสำหรับรถสายพานหุ้มเกราะที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ปัจจุบันมีคนงานประมาณ 200 คน และล่าสุดอยู่ระหว่างการพัฒนารถล้อหุ้มเกราะ สำหรับกลยุทธ์หลักในการทำธุรกิจของบริษัทให้ประสบผลสำเร็จคือมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ และมุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลักเพื่อลดต้นทุน
ที่มา http://www.thannews.th.com
ชัยเสรีฯเล็งส่งออกรถหุ้มเกราะ + โชว์ศักยภาพฝีมือคนไทย/รอแค่กองทัพการันตี

ทดสอบรถหุ้นเกราะ FIRST WIN ของบริษัท ชัยเสรี ที่กาญจนบุรี ทดสอบผ่านหมดทุกสถานี ขึ้น-ลงเนิน 45-60 องศา ระบบเบรคสุดยอด จอดนิ่งกลางเนินชันสบาย ลงน้ำ-ลุยโคลน-ทราย ข้ามเนินลูกระนาดใหญ่-เล็ก ผ่านฉลุย วันทดสอบมีฝนตกทำให้การทดสอบยิ่งยาก แต่ก็ผ่านครับ
ทีแรก รถเกราะ Reva ของแอฟริกาใต้จะมาร่วมทดสอบด้วย แต่ยกเลิกกระทันหัน เท่าที่ได้ยินมา กำลังขับแรงม้าต่อตันของ Reva คือ 17แรงม้า/ตัน แต่ของ FIRST WIN คือ 27 แรงม้า/ตัน


รถเกราะ First Win 4x4 ของกองทัพบก เริ่มปฏิบัติการในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
กองทัพบกสั่งซื้อรถเกราะล้อยาง First Win 4x4 ซึ่งเป็นรถเกราะที่วิจัยและผลิตในประเทศไทยโดยบริษัท ชัยเสรี จำกัด ในล็อตแรกจำนวน 21 คัน เพื่อเข้าประจำการในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยถือเป็นครั้งแรกที่กองทัพไทยจัดหารถเกราะที่ผลิตในประเทศเข้าประจำการเป็นอาวุธหลักของกองทัพไทย
ความจริงคือศักยภาพด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (หรืออุตสาหกรรมอาวุธ) ของไทยไม่ได้อ่อนด้อยหรือยิ่งหย่อนกว่าประเทศใดในโลกเลย
เพียงแต่ระเบียบปฏิบัติและข้อกฎหมายที่ใช่อยู่ ตลอดจนการบริหารและจัดการในภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ยังไม่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (หรืออุตสาหกรรมอาวุธ) ให้เกิดและเติบโตได้ภายในประเทศเท่านั้นเอง 
ที่มา เว็บthaiarmedforce.com และข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น