วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

ยึดทรัพย์นักธุรกิจสาวเมียพ่อค้ายาบ้า 575 ล้านบาท เมื่อ 11 เม.ย.56



ยึดทรัพย์นักธุรกิจสาวเมียพ่อค้ายาบ้า 575 ล้านบาท
 
เชียงใหม่กวาดล้างอาชญากรรมก่อนสงกรานต์ จับผู้ต้องหาได้นับร้อยคนยึดของกลางได้เพียบ พร้อมกับยึดทรัพย์อดีตเมียเอเย่นต์ยานรกได้กว่าครึ่งพันล้านบาท
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 11 เม.ย. ที่ห้องประชุมใหญ่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 นายณรงค์ รัตนานุกูล รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ปปส.) พล.ต.ท.ชำนาญ รวดเร็ว รองผบช.ภ.5 พล.ต.ต.เกษมสันต์ บุญญกาญจน์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่  พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีในจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนเทศกาลสงกรานต์ ตามนโยบาย "ค้นรังโจร" โดยเน้นให้ตำรวจในสังกัดระดมกำลังออกวาดล้างอาชญกรรมรวมทั้งปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้าน ,ชุมชนแหล่งแพร่ระบาดยาเสพติด ในช่วงก่อน ระหว่างและหลังวันเทศกาลสงกรานต์
จากการระดมกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งจังหวัดเชียงใหม่

สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรวมจำนวน 140 รายผู้ต้องหา 144 คนแยกเป็นผู้ค้า  61 คนผู้เสพ 83 คนของกลางยาบ้า 3,137 เม็ดเฮโรอีน 0.76 กรัม ฝิ่น 18.55 กรัม ยาไอซ์ 0.6 กรัมและความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติอาวุธปืนจำนวน 9 คนของกลางอาวุธปืนรวมจำนวน 11 กระบอกกระสุนปืน 38 นัด นอกจากนั้นยังจับผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอื่นๆเช่นคดีการพนัน ผู้ต้องหาตามหมายจับได้อีกจำนวนมาก

หลังจากนั้นคณะทั้งหมดได้เดินทางไปที่หมู่บ้านจัสมิน แฮปปี้ปาร์คโฮม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ และใช้พระราชบัญญัติมาตราทำการยึดทรัพย์ เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นคฤหาสน์หรูเลขที่ 99/9 และบ้านเลขที่ 135 ภายในหมู่บ้าน นอกจากนั้นยังทำการยึดอาคารสำนักงานของสโมสรภายในหมู่บ้าน ที่ดินเปล่าในโครงการเนื้อที่ 60 ไร่ และเงินฝากในบัญชีธนาคาร รวมทรัพย์สินที่ยึดได้มูลค่า 575 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดที่ทางเจ้าหน้าที่ทำการยึดเป็นของนางสาวนิตยา จริญานิธิกุล อายุ 37 ปี สำหรับการยึดทรัพย์ครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก กรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพนายสมชาย เถอะจา อายุ 36 ปี อดีตพ่อค้ายาเสพติดชื่อดังของภาคเหนือ ถูกกระหน่ำยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ร่างกายจำนวน 6 นัดและศพถูกนำไปทิ้งไว้ข้างสถานีตำรวจภูธรอำเภอดอยสะเก็ด จากการตรวจสอบก็พบว่านายสมชาย นั้นเพิ่งออกจากเรือนจำคลองเปรม ที่กรุงเทพมาหลังติดคุกนานกว่า 12 ปีในคดีลักลอบค้ายาเสพติด ต่อมาทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว  นายณัฐชัย เผือกสงค์ อายุ 47 ปี มือปืน นายธนรัตน์ รัตนสุภา อายุ 38 ปี คนขับรถ จ่าสิบเอกธนาชัย เสือเปรม อายุ 52 ปี อดีตทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษที่ 5 และทราบว่าผู้จ้างวานคือ นางสาวนิตยา จริญานิธิกุล อายุ 37 ปี อดีตภรรยาของนายสมชาย และเป็นเจ้าของโครงการหมู่บ้านจัสมิน แฮปปี้ปาร์คโฮม

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่สืบสวนจึงพบว่าสมัยที่นายสมชาย เป็นพ่อค้ายาเสพติดได้ลักลอบขนยาจำนวนมหาศาลเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยมีทรัพย์สินมากกว่า 1,000 ล้านบาท แต่พอนายสมชายถูกจับทรัพย์สินเหล่านั้นก็หายไป ทางเจ้าหน้าที่ทราบว่าพอนายสมชายออกจากเรือนจำก็มาที่จังหวัดเชียงใหม่มาหานางสาวนิตยา อดีตภรรยาที่ร่ำรวยผิดปรกติในช่วงหลังจากนายสมชายติดคุก โดยนายสมชายต้องการมาทวงทรัพย์สมบัติคืนนางสาวนิตยา จึงได้จ้างกลุ่มมือปืนอุ้มฆ่าเพื่อปิดปากเรื่องทั้งหมด

หลังการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่านางสาวนิตยา ได้โอนย้ายทรัพย์สินของนายสมชาย ทั้งหมดออกมากระจายให้เครือข่ายทั่วประเทศ ก่อนจะนำเงินทั้งหมดกลับมากวานซื้อที่ดินในอำเภอสันทรายและปลูกหมู่บ้านหรู จำนวน 2 หมู่บ้านหมู่บ้านละ 30-40 หลังคาเรือน ขายในราคาหลังละ 20-40 ล้านบาท เพื่อเป็นการฟอกเงิน ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้พระราชบัญญัติมาตรา ทำการยึดทรัพย์ของนางสาวนิตยา ทั้งหมดในวันนี้

พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 กล่าวว่าในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เราทราบพฤติกรรมว่านายสมชาย และนางสาวนิตยา ในอดีตเคยเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดกับกลุ่มเล่ายี่ปา กลุ่มค้ายาเสพติดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือที่มีการนำเข้ายามาจากประเทศเพื่อนบ้านนำเข้ามาทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดเชียงใหม่ เงินจากการส่งยาทั้งหมดจะเก็บเป็นเงินสด และพอนายสมชาย ถูกจับนางสาวนิตยา ก็โอนทรัพย์สินไปให้บุคคลต่างๆ ตำรวจก็สาวไม่เจอในสมัยนั้น ต่อมาก็มีการนำเงินทั้งหมดมาฟอกเงินโดยการซื้อที่ดินและปลูกบ้านหรู ขายจนหมดและอยู่แบบหญิงไอโซของจังหวัดเชียงใหม่  พอนายสมชาย ออกจากคุกมาก็หวังมาเกาะนางสาวนิตยา นางสาวนิตยา ก็เลยจ้างฆ่าเสียเพื่อตัดตอน แต่ก็มาถูกจับกุมตัวได้ซึ่งทรัพย์สินที่เรายึดได้นี้มูลค่ารวมกว่า 575 ล้านบาทและยังคงมีทรัพย์สินอื่นๆอีกหลายรายการที่เราต้องติดตามเชื่อว่ายังมีอยู่อีกจำนวนมากแต่เราก็ต้องหาพยานหลักฐานมาและใช้พรบ.ยึดทรัพย์ดำเนินการต่อไป ผบช.ภ.5 กล่าวในที่สุด
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น