วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

คนโกหกไม่ทำชั่ว...ไม่มี!!! ท่านขุนน้อย 22 April 2556


คนโกหกไม่ทำชั่ว...ไม่มี!!!



 ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ...แต่ปรากฏการณ์ วีรชัยรวมเลือดเนื้อเพื่อชาติเชื้อไทย คราวนี้ คงพอทำให้เกิด ความร่วมมือ-ร่วมใจ ระหว่างคนไทย ไม่ว่ากลุ่มไหน สีไหน หรือฝ่ายไหนได้บ้าง เพราะความพยายามที่จะพิทักษ์ปกป้องอธิปไตย ของประเทศตัวเอง อย่างมีเหตุมีผล มีกฎหมาย และความชอบธรรมรองรับ มันได้แยกให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง ความรักชาติ กับ ความคลั่งชาติ ออกจากกันและกัน อย่างเห็นได้โดยชัดเจน...
                                  -------------------------------------------------
    เอาเป็นว่า...ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลก่อน รัฐบาลนี้ ต่างน่าจะมีส่วนสร้างคุณูปการมากบ้าง น้อยบ้าง ไปด้วยกันทั้งนั้น อย่าถึงกับต้องไปเสียเวลานั่งเถียงกันว่า เพราะมึง เพราะกู ให้ต้องเสียบรรยากาศโดยใช่เหตุ เท่าที่ผ่านมาก็ถือว่า อายเขมร มากพอแล้ว ดูขนาดอภิมหาอำมาตย์อย่าง ป๋าเปรม กับอภิมหาหัวหน้าไพร่อย่างคุณน้อง ปู ยิ่งลักษณ์ ท่านยังอุตส่าห์ร่วมสร้างบรรยากาศหวานแหววแต๋วจ๋า ปรากฏให้เห็นเป็นแบบอย่างมา ครั้งแล้ว ครั้งเล่า เพียงแต่ครั้งล่าสุด...ดันมาเกิด อุบัติเหตุทางลำไส้ กับคุณน้อง ปู แบบหวุดๆ หวิดๆ โอกาสจะเดินทางไปสวีต ไปสมูธ ไลค์ ซิลค์ กับ ป๋าเปรม ในงานคอนเสิร์ตการกุศล เพื่อหารายได้สร้าง หอเปรมดนตรี ณ โรงแรมพลาซา แอทธินี จึงต้องพลั้งพลาดไปอย่างน่าเสียดาย เนื่องจากท่านนายกฯ ท่านคงกลัวไปขี้ราดต่อหน้าป๋า ท่านเลยตัดสินใจเลื่อน พ.ร.บ.นิรโทษฯ...(ขอประทานโทษ) เลื่อนการเดินทางไปร่วมงานคอนเสิร์ต แบบฉุกละหุก กะทันหัน...
                                -------------------------------------------------
    อย่างไรก็ตาม...ภายใต้บรรยากาศ รวมเลือดเนื้อเพื่อชาติเชื้อไทย ในช่วงระยะนี้ ผู้ที่น่าจะหันไป ตีปาก หรือ ผ่าปาก เพื่อเอาอะไรที่เสียๆ ออกมาซ่อมใหม่ คงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องกรณีพิพาทดินแดนไทย-เขมร ซักเท่าไหร่นัก แต่น่าจะเป็นกรณีพิพาทระหว่าง กระทรวงการคลัง กับธนาคารแห่งประเทศไทย ในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย-ไม่ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ที่คาราคาซังมานานข้ามปี เข้าไปแล้วนั่นแหละ พูดง่ายๆ ว่า...ในขณะที่ระบบเศรษฐกิจโลก มันกำลังผันผวน ปั่นป่วน วิปริต ผิดเพี้ยน หนักขึ้นเรื่อยๆ และย่อมต้องส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทย มากบ้าง น้อยบ้าง ไปตามสภาพ ภายใต้สภาพเช่นนี้...ทั้งกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย อันเป็นกลไกหลักของระบบเศรษฐกิจการเงิน การคลัง ของประเทศไทยทั้งหมด หนีไม่พ้นที่จะต้องหาทาง รวมเลือดเนื้อเพื่อชาติเชื้อไทย กันให้หนักๆ มันถึงจะพอรับมือ กับผลกระทบจากภายนอกได้บ้าง...
                                   -----------------------------------------------
    แต่อย่างที่ทราบๆ กันไปแล้วนั่นแหละ...รัฐมนตรีนกปากซ่อม ผู้มีชื่อว่า เดอะโต้ง-กิตติรัตน์ ได้ออกมาป่าวประกาศความรู้สึกต่อสาธารณชน ว่า อยากจะ ปลด ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ชนิดวันละ 3 เวลาหลังอาหาร อันเนื่องมาจากผู้ว่าฯ รายนี้ ได้แข็งขืนต่อความประสงค์ ความต้องการ ของตัวเอง และทีมงานเศรษฐกิจ ในหลายต่อ หลายกรณี มาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าตั้งแต่ความต้องการ ที่จะไปควักเอาเงินพระ หรือเงินคงคลังมาใช้ เพื่อหาประโยชน์ หารายได้ ตามแบบฉบับผู้ที่มีนิสัยกินแหลก ใช้แหลก มาโดยตลอด มาจนกระทั่งการไม่ยอมลดดอกเบี้ยนโยบาย แม้ว่ารัฐมนตรีคลัง รวมทั้งประธาน ธปท.อย่าง ดอกเตอร์โกร่ง กางเกงแดง จะพยายามไล่บด ไล่บี้ ไล่ขยี้ ขยำ ทั้งด่า ทั้งประจาน ทั้งในที่ลับ ที่แจ้ง มาโดยตลอด...
                               --------------------------------------------------
    ซึ่งว่าไปแล้ว...การที่ท่านผู้ว่าฯ ธปท. ท่านยืนหยัด ยืนยัน อยู่ในจุดยืนของท่านเช่นนี้ ก็คงไม่ได้เป็นเพราะความดื้อดึง หรือการใช้อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวเป็นที่ตั้ง แต่ภายใต้ข้อมูล ข้อเท็จจริง ของภาวะเศรษฐกิจประเทศไทย ที่ย่อมผิดแผกแตกต่างไปจาก ภาวะเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ อยู่แล้วแน่ๆ สิ่งที่ดูจะเป็นปัญหาน่าหนักใจ ที่สุดมันอาจไม่ได้อยู่ที่เรื่องของค่าเงินแข็ง ไม่แข็ง เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่น่าจะเป็นเรื่องของการใช้จ่ายของผู้คน ไม่ว่ารัฐบาล หรือประชาชน ที่ถูกกระตุ้นให้กินแหลก ใช้แหลก จนอาจนำมาซึ่งภาวะเงินเฟ้อ ฟองสบู่ ที่อันตรายหนักซะยิ่งกว่าผลกระทบในเรื่องอื่นๆ แม้กระทั่งเรื่องของการส่งออกก็เถอะ เพราะเรื่องนั้นแค่เลิกจำนำข้าวในราคาสูงกว่าคนอื่นเค้าไป ไม่รู้กี่เท่า ต่อกี่เท่า อย่างน้อยตัวเลขการส่งออกข้าวไทย มันคงไม่ลดฮวบๆ ฮาบๆ แบบหัวทิ่ม หัวตำ อยู่ในทุกวันนี้...
                             ------------------------------------------------------
    และข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย มักหยิบยกมาอ้างเอาไว้บ่อยๆ มันก็ดูจะเป็นจริงตามนั้น เพราะอย่างที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเอกชน อย่างธนาคารทหารไทย เพิ่งออกมาตั้งข้อสังเกต ถึงแนวโน้มความวิปริต ผิดเพี้ยน ของเศรษฐกิจไทย ไปเมื่อวันสองวันที่ผ่านมา ก็สะท้อนให้เห็นถึงอันตรายของสิ่งเหล่านี้อย่างเห็นได้ชัด คือแม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจ ตัวเลขจีดีพี จะดูดีไปถึงขั้นไหนก็ตาม แต่ ตัวเลขหนี้สินครัวเรือน ที่กำลังเพิ่มขึ้นแบบพรวดๆ พราดๆ พร้อมๆ กับ ขีดความสามารถในการใช้หนี้ ของผู้คนทั้งหลาย ที่มีแต่จะลดลงๆ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มันจึงทำให้ ตัวเลขหนี้เสีย หรือ หนี้เอ็นพีแอล เริ่มหวนกลับมาสู่ระบบของสถาบันการเงินและธนาคารอีกครั้ง ภายใต้ภาวะ การใช้จ่ายเกินตัว หรือ ไม่มีวินัยทางการใช้จ่าย ไม่ว่าทั้งของภาครัฐและเอกชนเช่นนี้ ยิ่งถ้าหากไปลดดอกเบี้ย มันก็ยิ่งเท่ากับเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายให้หนักขึ้นๆ ไปอีก...
                                 -----------------------------------------------
    อย่างไรก็ตาม...ไม่ว่าโดยทัศนะ มุมมองเช่นนี้ จะถูกหรือผิด อย่างน้อยก็พอสะท้อนให้เห็นว่า การกระทำใดๆ ของผู้ว่าฯ ธปท. รวมทั้งคณะกรรมการนโยบายการเงินนั้น คงไม่ได้เป็นแค่ความดื้อดึง หรือกระทำไปตามอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง โดยไม่มีที่มา-ที่ไป อีกทั้งตลอดเวลาที่รัฐมนตรีคลัง และประธาน ธปท. อย่าง ดอกเตอร์โกร่ง ไล่บด ไล่บี้ ด่าว่า ด่าทอ ผู้ว่าฯ ธปท. ที่ไปทำอะไรขัดอารมณ์ความรู้สึกตัวเอง แบบเสียๆ หายๆ ท่านผู้ว่าฯ ธปท. ท่านก็ไม่เคยคิดออกอาวุธโต้ แบบดอกต่อดอก ให้ต้องเสียเวลา แถมยังพยายามหันมา รวมเลือดเนื้อเพื่อชาติเชื้อไทย พยายามเชิญรัฐมนตรี เชิญประธาน ธปท.มากินข้าว มาปรับทัศนะ ปรับความเข้าใจ อยู่หลายครั้ง หลายหน แต่นอกจากทั้งคู่จะปฏิเสธ กลับหันมาออกอาวุธใส่ อย่างไม่คิดจะบันยะ บันยัง เอาเลยแม้แต่น้อย...
                                     ------------------------------------------------
    เอาเป็นว่า...ใครถูก-ใครผิดในเรื่องนี้ ว่าไปแล้วยังไม่สำคัญเท่ากับ ใครเป็นผู้ใหญ่ ไม่เป็นผู้ใหญ่ ใครมีเหตุมีผล หรือไม่มีเหตุมีผล และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่คิดถึงส่วนรวม หรือส่วนตัวมากกว่ากัน ซึ่งในเรื่องนี้คงวัดตัดสินได้ไม่ยาก แค่ลองไปนำเอาเหตุผลข้ออ้างของประธาน ธปท. ดอกเตอร์โกร่ง กางเกงแดง ที่พยายาม โชว์สวย เอาไว้ในบทความเรื่อง ทายาทอสูร-มรดกอสูร ในหนังสือพิมพ์ มติชน ที่มุ่งด่า ส.ว.สรรหา และศาลรัฐธรรมนูญ เอาไว้แบบเละๆ เทะๆ มาใช้เป็นมาตรฐานลองดูก็ได้ เพราะ ดอกเตอร์โกร่ง ท่านได้ไปนำเอา พุทธวัจนะ บทหนึ่ง มาใช้เป็นตัวอ้างอิง นั่นคือบทว่าด้วย นัตถิ อการิยัง ปาปัง มุสาวาทิสสะ ชันตโน แล้วแปลความหมายเอาไว้เสร็จสรรพว่า คนพูดเท็จจะไม่พึงทำบาปย่อมไม่มี หรือ คนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี โดยอาจลืมนึกไปว่า ไม่ว่าทั้งรัฐมนตรีคลัง และตัวของตัวเองแท้ๆ ต่างก็เคย มุสาวาทิสสะ มาแล้วด้วยกันทั้งนั้น รายหนึ่ง ไวท์ลาย กันแบบโต้งๆ โจ้งๆ อีกรายหนึ่งไปอ้างคำพูดกรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ มาเล่นงานธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีมูลความจริงใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...
                                 -------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก สุนทโรวาทอิหม่าม อาลี...ผู้ใดที่สร้างชื่อลือเลื่องไปทั่วเพราะการพูดเท็จ จะเห็นได้ว่า ยิ่งนานวันความมั่นใจของคนทั้งหลายต่อตัวเขา มีแต่จะเสื่อมลงไปตามลำดับ...
                                 --------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น